เราปล่อยให้ทองหล่อกับอารีย์ติดลมบนไปก่อน แล้วมาตะลุยย่านเจริญกรุงไปด้วยกัน แม้ว่าถนนเส้นนี้จะเป็นถนนเส้นหลักอายุอานามกว่าร้อยปี แต่ความเก๋านั้น เราว่าไม่แพ้ถนนฮิปๆ เส้นอื่นเลยทีเดียว หากแบ่งเจริญกรุงเป็นฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก โดยใช้ถนนสาทรคั่นกลาง จะเห็นได้ว่า ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ โรงแรม แกลเลอรี และสถานที่น่าสนใจส่วนใหญ่จะตั้งค่อนไปทางตะวันออก แล้วเจริญกรุงตะวันตกล่ะ มีอะไรบ้าง?

เรากำลังพูดถึงร้านเนื้อน้องใหม่ที่กำลังเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ระดับที่ว่า คุณไม่สามารถวอล์กอินเข้าไปกินได้ เพราะคิวจองที่ยาวขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกแค่โทร.ล่วงหน้าไม่กี่วัน จนตอนนี้อาจต้องวางแผนกันเป็นเดือน Mahasan (มหาสาร) จากร้านอาหารเล็กๆ ในตึกแถวเก่าแก่ที่เดิมเป็นร้านขายเตา ตั้งอยู่เชิงสะพานข้ามคลองเล็กๆ ระหว่างซอยเจริญกรุง 69 กับ 71 ที่เกิดขึ้นจากความชอบและความหลงใหลในเนื้อวัวของ แบงค์-ณัฐพงศ์ ราชเล็ก ผู้เป็นทั้งเจ้าของและคนย่างเนื้อ จนปัจจุบันย้ายร้านมาอยู่บนถนนจันทน์แล้ว

เชฟแบงค์-ณัฐพงศ์ ราชเล็ก

จุดเริ่มต้นย้อนไปตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นที่ออกไปตั้งแคมป์กับเพื่อนฝูงอยู่บ่อยครั้ง และมักจะเป็นผู้ลงมือทำอาหารให้เพื่อนกิน โดยเฉพาะของย่างทั้งหลาย ซึ่งทำง่ายและดูเหมาะกับการแคมปิ้งเป็นอย่างมาก คุณแบงค์ก็ทำมาเรื่อยๆ จนค้นพบว่า ตัวเองนั้นชื่นชอบการย่างเนื้อเป็นชีวิตจิตใจ และเสาะหาเนื้อดีๆ กินอยู่เสมอ อีกทั้งเห็นว่าวงการเนื้อในไทยยังสามารถไปไกลกว่านี้ได้อีกมาก จึงตัดสินใจเปิดร้านเนื้อเล็กๆ เป็นของตัวเอง เพื่อคนรักเนื้อโดยเฉพาะ มาพร้อมคอนเซปต์ขายสเต๊กและข้าวหน้าเนื้อ ซึ่งใช้วัตถุดิบของไทยทั้งหมด

The Vibe

มหาสารมาในลุคชิลๆ สบายๆ เข้ากับย่านเจริญกรุงตะวันตก เคียงข้างด้วยบ้านเรือนและร้านรวงเก่าแก่ เชฟแบงค์ปรับปรุงพื้นที่แต่เดิมที่เป็นร้านขายเตาให้เป็นเหมือนบ้านเพื่อน หน้าร้านมีสติกเกอร์ชื่อร้านที่ชวนสงสัยว่าขายอะไรกันแน่ เปิดประตูเข้ามา เราเตะตากับมุมเล็กๆ ในสุด ซึ่งเป็นพื้นที่ทำอาหาร พร้อมเตาดินเผาจากญี่ปุ่นขนาดเล็กไว้ย่างเนื้อทุกจานที่เสิร์ฟในร้าน ผนังสองข้างเป็นภาพวาดศิลปินเก่าๆ เคล้ากับเพลงชิลๆ และแสงไฟสีเหลืองนวล ส่วนโต๊ะเก้าอี้มีอยู่ไม่กี่ตัว แถมเป็นโต๊ะไม้ไซส์ไม่ค่อยเท่ากันสักเท่าไหร่ ได้ฟีลเหมือนนั่งกินข้าวในบ้าน โต๊ะเก้าอี้ในร้านมีไม่เยอะ ทำให้รับแขกต่อวันได้จำกัด เพื่อที่จะได้ดูแลเอาใจใส่อย่างทั่วถึง และย่างเนื้อให้ทุกคนได้กินกันอย่างเต็มที่ ไม่ต้องรอนานจนเกินไป

เชฟแบงค์เล่าให้ฟังว่า เนื้อที่ร้านเป็นเนื้อไทย-เฟรนช์จากสกลนคร ที่ผ่านการดรายเอจประมาณ 1-2 สัปดาห์ สาเหตุที่ไม่ใช้เวลาเอจจิงนาน ก็เพราะว่ารสเข้มข้นไม่ใช่โปรไฟล์ของเนื้อประเภทนี้ หากแต่เป็นความฉ่ำ และส่วนของเนื้อติดมันที่ยากจะห้ามใจ หลายคนเมื่อกินเนื้อที่นี่อาจสงสัยว่าทำไมเนื้อถึงไม่นุ่มแบบวากิว หรือริ้วไขมันแทรกที่ไม่ได้เหมือนลายหินอ่อน ก็เพราะมันเป็นเนื้อคนละประเภท และความตั้งใจของเชฟที่อยากนำเสนอเนื้อไทยที่โปรไฟล์ไม่จำเป็นต้องเหมือนเนื้อต่างประเทศ หากแต่มีรสชาติ สัมผัส และเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพียงแค่ใช้เตาที่ดี อุณหภูมิพอเหมาะ และย่างด้วยเวลาที่เหมาะสม ก็ถือว่าได้นำเสนอความดีงามของเนื้อไทยสู่สายตาและฝีปากของชาวไทยสายเนื้อแล้ว

ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย

ย่างระดับมีเดียมแรร์

The Dishes

เมนูแผ่นใหญ่พร้อมรายชื่ออาหารจานเนื้อทั้งหลาย ยั่วให้พวกเราเหล่าคนรักเนื้อหลับหูหลับตาสั่งกันรัวๆ เพราะช่างน่ากินเสียเหลือเกิน แถมยังมีภาพประกอบให้จินตนาการถึงอนาคตในอีกไม่กี่นาทีอันใกล้ และสำหรับใครที่ไม่กินเนื้อแต่ถูกเพื่อนลากมาด้วย ก็มีเมนูหมูๆ ให้สั่งเหมือนกันนะ

พูดถึงเครื่องใน บางคนไม่กินอาจจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับอีกหลายคน เครื่องในเป็นเหมือนสวรรค์ เชฟแบงค์ท้าทายตัวเองด้วยการเลือกชิ้นส่วนที่ร้านเนื้อมักจะขายออกยากอย่างลิ้น มาทำเมนูกินเล่น สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนอาจจะคุ้นกันอยู่กับลิ้นวัวพะโล้ แต่ด้วยความที่เครื่องพะโล้มากลบกลิ่น ก็อาจจะทำให้ลิ้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบเด่นดูดรอปลงไป ซึ่งที่มหาสาร เชฟแบงค์นำเสนอ ลิ้นวัวย่าง (270 บาท) ลิ้นวัวชิ้นใหญ่ผ่านการทำความสะอาดมาอย่างดี นำไปซูวีด์ 24 ชั่วโมง จนนุ่มฉ่ำ แล้วไปย่างต่ออีกนิด มาพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดและไข่แดงในซีอิ๊ว เลือกจิ้มได้ตามใจชอบ

ลิ้นวัวย่าง (270 บาท)

อีกหนึ่งเมนูที่เหมาะสำหรับแย่งกันจิ้มกินระหว่างรอสเต๊ก หรือจะกินจริงจังคนเดียวพร้อมข้าวสวยก็คือ เนื้อน่องลายอบ (220 บาท) เรามักจะเจอตามชามก๋วยเตี๋ยวหรือหม้อเนื้อตุ๋น แต่ที่มหาสารยกให้เป็นหนึ่งในเมนูเคียงหรือกินเล่น เนื้อน่องลายหั่นชิ้นใหญ่กว่าที่เจอทั่วไปคือความพิเศษ ส่วนอีกหนึ่งความพิเศษก็คือ ตัวเนื้อติดเอ็น กินแล้วกรุบๆ ในปาก เพิ่มรสชาติด้วยน้ำจิ้มพริกกะเหรี่ยงรสจี๊ดจ๊าด เสริมความอร่อยให้กับตัวเนื้อได้เป็นอย่างดี

เนื้อน่องลายอบ

ข้าวหน้าเนื้อพิคานย่า (295 บาท) มาร้านเนื้อทั้งที จะไม่ให้มีเมนูข้าวหน้าเนื้อก็กะไร เชฟแบงค์เลือกใช้เนื้อส่วนที่เป็นริ้วๆ อยู่ปลายสันนอก ที่ชาวบราซิลเรียกกันว่า พิคานย่า (picanha) ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้าเนื้อส่วนนี้ก็เป็นซับเซตของเนื้อสันนอกอีกทีหนึ่ง มีสัมผัสนุ่มและติดมันเล็กน้อย ข้าวหน้าชามนี้เสิร์ฟมาแบบเรียบง่าย ไม่มีซอสราดใดๆ ทั้งนั้น ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี โรยหอมเจียวกับไข่แดงดอง ส่วนน้ำจิ้มก็มีให้เลือก 3 อย่าง น้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด และซอสน้ำปลา เลือกตักราดเองตามใจชอบ เจาะไข่แดงคลุกเคล้ากับเนื้อและข้าว ตักเข้าปากก็ฟินเต็มๆ แล้ว

ข้าวหน้าเนื้อพิคานย่า

และแน่นอนว่า ทีเด็ดของมหาสารจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเนื้อชิ้นนี้ ทีโบนสเต๊ก (580 บาท) เนื้อไทยคุณภาพดี ราคางาม ทีโบนชิ้นนี้เรียกอีกชื่อว่า พอร์เตอร์เฮาส์ (Porterhouse) หมายถึงเนื้อสันในและสันนอกที่คั่นกลางด้วยกระดูกรูปตัวที เรียกได้ว่าเป็นเพอร์เฟกต์คอมบิเนชันของสเต๊ก เพราะสั่งจานเดียวแต่เนื้อมาพร้อมกันทั้งสองส่วน ด้วยอานุภาพเนื้อไทย-เฟรนช์ ที่มีความดีงามอยู่แล้ว จึงไม่ต้องปรุงรสให้มากมาย เอาน้ำมันผสมกระเทียมและใบไธม์มาทาเนื้อแล้วนำไปย่าง ในระหว่างที่ย่างก็ใช้ที่จุดไฟเล็กๆ ทอร์ชเนื้อเป็นระยะๆ ให้หนังนอกกรอบเกรียม จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ถ้าเค็มไม่พอก็บดเกลือหิมาลัยเพิ่มเติม หรือจะแบ็กทูสตรีทราดแจ่วก็เวิร์กอยู่ ตักหอมเจียวเข้าปากไปพร้อมกัน ครันชี่สุดๆ

ทีโบนสเต๊ก

What You Should Know:

• Picanha (พิคานย่า) เนื้อริ้วส่วนปลายของสันนอก เป็นเนื้อที่นิยมรับประทานกันในบราซิล โดยมักจะนำไปเสียบไม้หรือเหล็กแท่งยาวแล้วนำไปย่าง เฉือนยาวที่ผิวหน้าเพื่อรับประทาน แต่ที่มหาสารตัดเนื้อพิคานย่าแบบเนื้อสเต๊ก ทำให้เข้าถึงความนุ่มฉ่ำของเนื้อได้มากกว่า
• เราแนะนำให้มาด้วยรถสาธารณะ เพราะแถวร้านจอดรถข้างทางไม่ได้เลย แต่ถ้าใครที่จะขับรถมาก็สามารถจอดได้ที่วัดสุทธิวราราม หรือโรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ แล้วเดินย้อนมาอีกนิดหน่อย

Mahasan

Open: เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ 18.00-23.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ 12.00-23.00 น.

Address: ถนนจันทน์ ยานนาวา กรุงเทพฯ

Budget: 200-600 บาท

Contact: โทร. 06 3406 5566

Page: www.facebook.com/mahasanmeatyou

Map: 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล