×

MAGURO Group (มากุโระ กรุ๊ป) เตรียม IPO ปี 2567 เสริมแกร่งกลุ่มร้านอาหาร พร้อมขยายสาขาในทำเลศักยภาพ [ADVERTORIAL]

10.04.2023
  • LOADING...
MAGURO Group

MAGURO Group (มากุโระ กรุ๊ป) เผย ปี 2567 เตรียมนำบริษัทเข้า IPO หลังปี 2565 ทำยอดขายได้ตามเป้า 665 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดดเกิน 73% จาก 386 ล้านในปี 2564 จากธุรกิจร้านอาหารในเครือทั้งหมด 3 แบรนด์ คือ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิที่มีการนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่น 12 สาขา, SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างเกาหลี 5 สาขา และ HITORI SHABU ร้านชาบูชาบูและสุกี้ยากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 2 สาขา 

 

พร้อมตั้งเป้าทำรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาทในปี 2566 และเตรียมขยายสาขารวม 10 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทำเลศักยภาพ ทั้งศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ 

 

จักรกฤติ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

และผู้ร่วมก่อตั้งร้านอาหารกลุ่มธุรกิจในเครือ MAGURO Group (มากุโระ กรุ๊ป) 

 

กลยุทธ์ครองใจลูกค้า: ใส่ใจคุณภาพวัตถุดิบ ใช้ Customer DEEPathy เพื่อเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค

จักรกฤติ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งร้านอาหารกลุ่มธุรกิจในเครือ MAGURO Group (มากุโระ กรุ๊ป) กล่าวถึงการวางกลยุทธ์ในการทำธุรกิจและการแข่งขันของตลาดด้านอาหารที่ดุเดือดว่า คุณภาพของวัตถุดิบและการบริการเพื่อครองใจลูกค้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุด 

 

“บริษัทยังคงยึดมั่นกับการใส่ใจในคุณภาพของวัตถุดิบและการบริการเพื่อครองใจลูกค้า และให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าเหมือนที่เราทำมาโดยตลอด รวมถึงการพัฒนาเมนูใหม่ๆ ที่น่าสนใจและหลากหลาย เพื่อให้ได้มาซึ่งมิติใหม่ๆ และความไม่จำเจ 

 

เมนูจากร้าน MAGURO

 

“เราได้ลงทุนในระบบซอฟต์แวร์ชั้นนำด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ระดับโลกอย่าง Salesforce และเปิดตัว Maguro Membership รูปแบบระบบสมาชิกมาตรฐานสากล เพื่อนำมาใช้ร่วมกับกลยุทธ์ Customer DEEPathy ที่ผสมผสานการใช้ Digital Transformation และ Data มาวิเคราะห์ข้อมูลให้แม่นยำมากขึ้น ใช้กลยุทธ์ Empowered Data เข้ามาช่วยเจาะพฤติกรรมลูกค้า ทำให้เราเข้าใจลูกค้ามากขึ้น (Empathy) และให้ Offering แบบ Customization เพื่อผลักดันให้ลูกค้าสามารถกลับมาใช้บริการเราซ้ำอย่างต่อเนื่อง” 

 

เมนูจากร้าน MAGURO 

 

แกร่งกว่าคู่แข่ง เพราะมี DNA แบบ Give More 

“เรามี DNA ที่แข็งแกร่งในเรื่องของการบริการแบบให้มากกว่าที่ขอ หรือ Give More ที่เรายึดเป็นวัฒนธรรมของเรา รวมถึงเป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นที่มาของความใส่ใจรายละเอียดในการรังสรรค์เมนูต่างๆ ให้กับลูกค้า การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า” จักรกฤติกล่าว 

 

เมนูจากร้าน HITORI SHABU

 

มองหาโอกาสใหม่ๆ คือปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจเติบโต

ปัจจัยที่ทำให้ MAGURO Group (มากุโระ กรุ๊ป) เติบโตอย่างต่อเนื่องคือ การมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่ไม่ใช่เพียงการพัฒนา 3 แบรนด์หลักเท่านั้น แต่ยังหาโอกาสในการออกแบรนด์ใหม่เพื่อจับตลาดใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยตั้งเป้าที่จะเปิดให้ได้ 10 สาขาของทุกแบรนด์ภายในปีนี้

 

ร้าน HITORI SHABU สาขาสยามพารากอน

 

“เรามีการมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสูตรอาหาร ไม่ใช่กับแค่ 3 แบรนด์ในเครือเท่านั้น แต่เรายังพัฒนาสูตรอาหารในรูปแบบอื่น เพื่อสร้างโอกาสในการออกแบรนด์ใหม่เพื่อจับตลาดใหม่ ทำให้เราสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว 

 

“เช่นในปีที่แล้วเราสามารถเปิดได้ถึง 4 สาขาภายใน 6 เดือน และมองเป้าว่าจะเปิดให้ได้ประมาณ 10 สาขาของทุกแบรนด์ในปีนี้”

 

นอกจากนี้การเพิ่มแบรนด์ในกลุ่มบริษัทยังเป็นหนึ่งกลยุทธ์เพื่อบริหารความเสี่ยง เพื่อเข้าถึงลูกค้าในหลากหลายกลุ่มมากขึ้นด้วย 

 

ร้าน HITORI SHABU สาขา Chic Republic ราชพฤกษ์

 

“ปัจจัยความเสี่ยงของธุรกิจร้านอาหารคือ การเติบโตของคู่แข่งที่จะมาชิงส่วนแบ่งของลูกค้าเรา รวมถึงราคาต้นทุนของวัตถุดิบที่สามารถผันแปรไปตามปัจจัยภายนอก แต่เราก็มีกลยุทธ์และแนวทางในการบริการต้นทุนรวมถึงวัตถุดิบของเราเป็นอย่างดี

 

“หนึ่งในแนวทางการจัดการเรื่องความเสี่ยงที่เราเริ่มทำแล้วคือ การสร้างแบรนด์ใหม่เข้ามาในพอร์ตของบริษัท เพื่อให้เกิดการ Diversify ทั้งเรื่องของตลาดและวัตถุดิบ 

 

“เราเคยที่จะต้องพึ่งพาวัตถุดิบประเภทปลานำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งอาจเสี่ยงจากการผันผวนของราคาและอุปสรรคในการนำเข้า ซึ่งเกิดจากเรื่องของสงครามหรือโรคระบาดตามที่เราได้พบเจอ 

 

เมนูจากร้าน SSAMTHING TOGETHER

 

“การที่เรามีแบรนด์อื่นในรูปแบบอาหารที่ใช้วัตถุดิบอื่นๆ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ฯลฯ ทำให้รายได้เราไม่ได้มาจากแค่แหล่งวัตถุดิบเดียว 

 

“รวมถึงจากที่เคยมีเพียงกลุ่มลูกค้าที่ชอบกินซูชิและอาหารญี่ปุ่น ตอนนี้เราได้เข้ามาแย่งชิงในตลาดปิ้งย่างเกาหลีที่เป็นที่นิยมอย่างสูงในคนไทย รวมถึงตลาดหม้อต้มสุกี้และชาบูด้วย 

 

เมนูจากร้าน SSAMTHING TOGETHER

 

“นอกจากนี้การที่เราเพิ่มแบรนด์ในกลุ่มบริษัทของเรา เราสามารถจับพื้นที่การขยายสาขาได้กว้างขึ้น ทำให้สาขาเรามีเพิ่มมากขึ้นในหลายๆ Cashment Area” 

 

วางโรดแมปเติบโตไปอีกสเต็ป ด้วยการขยายธุรกิจในตลาดอาเซียน 

เพราะตลาดร้านอาหารเป็นตลาดที่ใหญ่มาก มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท และเป็นตลาดที่ยังสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ตลาดธุรกิจอาหารน่าจะโตขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 3-5% โดยรูปแบบของการให้บริการอาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรม Post Covid ของผู้บริโภคโดยที่เราจะเห็นว่าร้านค้าแบบ Limited Service หรือร้านแบบไม่มีหน้าร้านและเน้นที่เดลิเวอรี ยังมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

 

MAGURO Group (มากุโระ กรุ๊ป) จึงวางแผนที่จะต่อยอดแบรนด์ไปไกลในระดับภูมิภาคอาเซียน ขยายสาขาในทุกๆ แบรนด์ และเพิ่มโอกาสของการเกิดแบรนด์ใหม่

 

“นอกจากการขยายสาขาของแบรนด์เรา ซึ่งเรามองไว้ประมาณ 10 สาขาในปีนี้ และจะไปถึง 50 สาขาในอีก 3 ปีข้างหน้า

 

“เรากำลัง R&D รูปแบบอาหารอื่นๆ ที่เรามองว่าสามารถต่อยอดให้เราไปไกลในระดับภูมิภาคอาเซียนได้ รวมถึงการทำธุรกิจในรูปแบบ M&A ซึ่งเรามีการมองหาและพูดคุยกับหลายๆ บริษัท เพื่อหาความลงตัวที่สุดมาโดยตลอด”

 

เตรียมตัวเข้า IPO ปีหน้า: รักษาจุดแข็ง ขยายสาขา พร้อมหาแบรนด์ใหม่ๆ 

ในปี 2567 MAGURO Group (มากุโระ กรุ๊ป) มีแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ เตรียมทำ IPO เพื่อระดมทุนมาต่อยอดธุรกิจอาหารให้มีความหลากหลายและเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดประเภทอาหารญี่ปุ่นในรูปแบบ หรือ Concept อื่นๆ หรืออาหารสัญชาติอื่นๆ ที่เรามองเห็นโอกาสในการเติบโต โดยจักรกฤติกล่าวถึงการวางแผนในการนำบริษัทเข้า IPO ไว้หลากหลายมิติ 

 

มิติแรกที่เราต้องโฟกัส เริ่มต้นจากความพร้อมภายในองค์กรของเราก่อน โดยการสร้างเป้าหมายที่ชัดเจนและแจ้งกับพนักงานทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทไปสู่การเข้าตลาดได้ เพื่อให้ทุกคนเตรียมความพร้อมและบริหารจัดการในหน่วยงานของตัวเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

“มิติที่ 2 คือลูกค้า

 

“การสร้างความเชื่อมั่นและการรับรู้ในศักยภาพและการเติบโตขององค์กร โดยเฉพาะความชำนาญในการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร ความหลากหลายของแบรนด์ในเครือ โดยเฉพาะการเข้ามาของ 2 แบรนด์ใหม่อย่าง SSAMTHING TOGETHER และ HITORI SHABU ที่ได้มีการขยายสาขาอย่างรวดเร็วตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ให้ผู้บริโภคได้รับรู้ว่า วันนี้ MAGURO Group (มากุโระ กรุ๊ป) ไม่ได้มีแค่ร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมียมอย่างเดียวแล้ว

 

“รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในเชิงตัวเลข ผลประกอบการ และกำไร ให้กับนักลงทุน และสร้างความเชื่อมั่นในคณะกรรมการบริหารให้กับนักลงทุน ซึ่งเรามีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่เปี่ยมไปด้วยผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์จากหลายๆ ภาคส่วน มาร่วมอยู่ในคณะกรรมการของเรา”

 

การเข้า IPO ครั้งนี้ MAGURO Group (มากุโระ กรุ๊ป) พร้อมนำจุดแข็งของแบรนด์ ซึ่งก็คือการรักษามาตรฐานคุณภาพอาหาร ความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า รวมทั้งแพสชันในด้านธุรกิจอาหาร มาพัฒนาต่อยอด เพื่อมอบประสบการณ์การกินที่ดีที่สุดให้กับคนไทยทุกคน 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X