“ส่งมาเลยเพื่อน ฉันจะยิงให้เอง”
บทสนทนาที่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา แต่สื่อสารกันผ่านแววตา เป็นเรื่องที่เชื่อว่าหากใครเคยเล่นฟุตบอลและมีเพื่อนคู่หูที่รู้ใจกัน จะต้องเคยผ่านประสบการณ์แบบเดียวกันนี้มาอย่างแน่นอน
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะเล่นด้วยกันทุกวัน เล่นจนรู้ใจกัน รู้ว่าถ้าเราส่งไปตรงนี้เพื่อนจะไปปรากฏตัวตรงนั้น และจะทำบางสิ่งบางอย่างให้เกิดขึ้นได้
แต่ความสัมพันธ์ในระดับ ‘คู่หู’ แบบนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่พบเจอได้ง่ายดายนักในเกมฟุตบอลระดับอาชีพในอดีตเคย ‘SAS’ คริส ซัตตัน-อลัน เชียเรอร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ-ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ หรือคู่ระหว่าง แอนดี โคล กับ ดไวท์ ยอร์ค
แต่ในเกมฟุตบอลยุคโมเดิร์น ความสัมพันธ์พิเศษระหว่างผู้เล่นแบบนี้หาได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้การจับคู่กันระหว่าง เจมส์ แมดดิสัน และ ซนฮึงมิน กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สวยงามของเกมฟุตบอลอังกฤษในยุคปัจจุบัน
คู่หูแข้งทองคู่ใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
ในเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัด ‘มันเดย์ไนต์’ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดบ้านเพื่อรับการมาเยือนของฟูแลม ในเกมลอนดอนดาร์บีไซส์มินิ และปรากฏว่าทีมของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู – เจ้าของรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก 2 เดือนซ้อน – ยังรักษาฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ด้วยการคว้าชัยชนะไปอีก 2-0
นั่นหมายถึงการที่สเปอร์สได้กลับมาเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง!
ที่สำคัญคนทำประตูในเกมนี้ยังคงเป็นคู่ขวัญระหว่าง เจมส์ แมดดิสัน และ ซนฮึงมิน ที่แบ่งกันทำคนละ 1 ประตู โดยที่ประตูย้ำชัยในนาทีที่ 54 ก็เป็นกัปตัน ‘ซนนี’ ที่เปิดบอลให้ ‘แมดเดอร์ส’ หลุดเข้าไปเลือกยิงอย่างเหนือชั้น
จริงอยู่ที่นับตั้งแต่สเปอร์สได้ผู้จัดการทีมชาวออสเตรเลียเข้ามาคุมทัพ ทุกอย่างภายในทีมก็เปลี่ยนแปลงไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ตั้งแต่ระบบการเล่นที่ล้ำสมัยและทรงประสิทธิภาพ การเรียกสปิริตความมุ่งมั่นของลูกทีมกลับคืนมา ไปจนถึงการกลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแฟนฟุตบอล
แต่จุดที่สร้างความแตกต่างได้มากที่สุดคือ การเล่นร่วมกันระหว่างซนฮึงมิน ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ กับแมดดิสัน เพลย์เมกเกอร์ที่ดึงตัวมาแบบถูกๆ จากทีมที่ตกชั้นอย่างเลสเตอร์ ซิตี้
ไม่มีใครคิดว่าทั้งสองคนจะสามารถเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยขนาดนี้ แม้แต่แฟนสเปอร์สเองก็ตาม
เดิมทีสเปอร์สเป็นทีมที่แทบจะพึ่งพาความสามารถของ แฮร์รี เคน ศูนย์หน้าผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของสโมสรมาโดยตลอด ชนิดที่ทำให้การย้ายออกจากทีมของเขาเป็นเรื่องที่ ‘หน่วงรั้ง’ ระหว่างทั้งตัวของดาวยิงกัปตันทีมชาติอังกฤษเองและของสโมสร
และเมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกทางกันจริงๆ ในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังวลว่าสเปอร์สจะเป็นอย่างไร
แต่ปรากฏว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของปอสเตโคกลูที่มองขาดว่าเขาควรจะใช้งานหนึ่งในตัวทำเกมที่มีคุณภาพดีที่สุดของอังกฤษ รวมถึงปรับบทบาทของหัวใจอีกครึ่งดวงของสเปอร์สที่เหลืออยู่อย่างซนฮึงมินอย่างไร ไอเดียในการจับคู่ของสองคนนี้จึงเกิดขึ้น
แมดดิสันได้รับมอบหมายในการเป็นตัวทำเกมอิสระที่สามารถไปจุดไหนของสนามก็ได้ แต่หลักๆ แล้วจะประจำการทางฝั่งซ้ายที่ถนัดมากกว่า
ส่วนซนที่ถนัดการยืนกราบซ้ายมากกว่าก็ถูกโยกไปยืนประจำตำแหน่งศูนย์หน้าแทน พร้อมปรับบทบาทใหม่ให้เล่นเป็นตัวจบสกอร์เป็นหลัก ไม่ต้องห่วงหรือกังวลในเรื่องของการสร้างสรรค์เกมอีก
โดยหน้าที่ทางอ้อมของซนที่ได้รับมอบหมายจากบอสคือ การเป็น ‘ตัวเปิด’ ในเกมเพรสซิ่ง ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อแท็กติกการเล่นของสเปอร์สที่ได้รับการขนานนามว่า ‘Angeball’ เพราะถ้าไม่เพรสตั้งแต่ข้างบนแล้ว ทุกอย่างจะไม่สามารถเดินต่อไปได้
ปรากฏว่าบทบาทใหม่ของ ‘Super Sonny’ ทำให้เขาค้นพบตัวเองในแบบใหม่
ก่อนหน้านี้ซนฮึงมินเริ่มประสบปัญหาฟอร์มการเล่นที่ตกลง โดยเฉพาะในฤดูกาลที่แล้วที่ผลงานของเขาแย่กว่าในหลายฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเรื่องฟอร์มของทีม แต่อีกส่วนก็ต้องบอกว่าด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้กำลังวังชาและความเร็วเหมือนสายฟ้าของเขาจะเริ่มหายไป
ซนฮึงมินที่เคยโซโล่เดี่ยวจากแดนตัวเองเข้าไปยิงประตูใส่เบิร์นลีย์จนได้รับการเลือกให้ได้รางวัล ‘ปุสกัสอวอร์ด’ ไม่มีอีกแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง
ปอสเตโคกลูมองเห็นจุดนี้เช่นกัน แต่ก็มองเห็นความสามารถในตัวของซนว่าไม่ได้มีดีแค่ความเร็วสายฟ้าฟาดเพียงแค่อย่างเดียว
สิ่งที่ซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของเอเชียเก่งกาจจริงๆ คือความสามารถในการหาพื้นที่และตำแหน่ง รวมทั้งความสามารถในการจบสกอร์ได้หลายรูปแบบทั้งเท้าซ้ายและเท้าขวา จะยิงใกล้หรือยิงไกลก็ได้ทั้งหมด และแน่นอนว่าเป็น Team Player ที่พร้อมเล่นสอดประสานกับทุกคน
รวมถึงจุดสำคัญที่บอกไปข้างต้นคือ ความทุ่มเทใส่หมดแม็กทุกนัด การขอให้ไล่เพรสแดนบนคือสิ่งที่ปอสเตโคกลูรู้ว่าเขาจะได้รับการสนองอย่างแน่นอน
แต่คนที่ช่วยปลดล็อกซนฮึงมินได้คือ ‘The Missing Link’ อย่าง เจมส์ แมดดิสัน
สตาร์วัย 26 ปีจัดเป็นหนึ่งในนักเตะตัวทำเกมที่ยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกมาโดยตลอด เพียงแต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างทำให้เขายังไม่เคยได้รับโอกาสในการเล่นให้กับทีมใหญ่
เหมือนมีบางอย่างที่คนไม่เชื่อว่าเขาจะทำได้ และนั่นทำให้แม้เลสเตอร์ ซิตี้ จะตกชั้นและสามารถย้ายทีมได้ด้วยค่าตัวที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แต่ก็ไม่ได้มีทีมใหญ่ทีมใดที่สนใจจะดึงตัวเขาไปร่วมทีมนอกจากสเปอร์ส ซึ่งได้มาถูกแสนถูกแค่เพียง 40 ล้านปอนด์เท่านั้น
และนั่นเหมือนโชคชั้นแรกของสเปอร์ส
โชคชั้นที่ 2 คือ พวกเขาค้นพบว่ากองกลางที่ซื้อมารายนี้นั้นไม่ได้มีฝีเท้าในการเล่นที่สุดยอดเท่านั้น แต่ยังมีทัศนคติในการเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมด้วย ชนิดที่ไม่ควรตัดสินหนังสือจากแค่ปกจริงๆ
เจมส์ แมดดิสัน ทำได้ทุกอย่างที่ได้รับการร้องขอจากปอสเตโคกลู และทำได้ดีมากกว่าที่ขอด้วยซ้ำ จนไม่เพียงแต่กลายเป็นนักเตะคนสำคัญหรือเป็นผู้นำของทีม แต่ยังกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลอีกด้วย
ส่วนโชคชั้นที่ 3 สำหรับสเปอร์สและปอสเตโคกลูคือ การที่ ‘เคมีลูกหนัง’ ของเขาเข้ากันได้ดีกับซนฮึงมินอย่างน่าอัศจรรย์ ต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือและส่งเสริมซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี และยิ่งใช้เวลาเล่นด้วยกันมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเข้าขากันมากขึ้นเท่านั้น
นับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกเปิดฤดูกาลมา 9 นัด ซนฮึงมินทำไปแล้ว 7 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์
ขณะที่แมดดิสันทำไปแล้ว 3 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ และเป็นผู้เล่นที่สร้างสรรค์โอกาสมากที่สุดของพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ที่จำนวน 29 ครั้ง หรือคิดเฉลี่ยต่อเกมแล้วมากกว่า 3 ครั้งต่อเกม
แทบทุกครั้งที่จอมทัพสเปอร์สได้บอล เขาจะมองหาและผ่านให้กับคู่หูในแดนหน้าด้วยการผ่านบอลที่คมกริบเสมอ
มันชวนให้คิดถึงคู่หูแข้งทอง ‘ซึบาสะ-มิซากิ’ หรือคู่หอคอยไอเฟลอย่าง เอลซิด ปิแอร์ กับ หลุยส์ นโปเลียน ในมังงะระดับตำนานยุคแรกเริ่ม Captain Tsubasa
ส่วนหากใครสงสัยว่าทำไมทั้งสองเข้ากันได้ดีนัก?
เรื่องนี้ซนฮึงมินเฉลยเอาไว้ตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาลแล้ว
“ถ้าได้คิดย้อนกลับไปถึงตอนที่เริ่มเล่นฟุตบอลในตอนเด็กๆ ผมคิดว่าไม่มีใครคิดจะเป็นนักเตะอาชีพหรอก เราก็แค่สนุกกับการเตะฟุตบอลเล่นก็เท่านั้น”
และสำหรับซนแล้ว การได้เล่นคู่กับแมดดิสันคือความสุข
นี่คือเหตุผลที่ทำให้หัวใจของพวกเขาพองโต เช่นเดียวกับหัวใจของแฟนบอลสเปอร์สที่พองจนลอยขึ้นฟ้าเหมือนบอลลูนที่บรรจุไปด้วยก๊าซพลังงานของความรัก ความหวัง และความฝัน
โดยมีคนบังคับอย่าง ‘แอนจ์’ ผู้ที่บอกกับแฟนๆ ทุกคนด้วยรอยยิ้ม
“ผมก็อยากให้แฟนๆ ทุกคนได้ฝันกัน” 🙂
อ้างอิง:
