×

คู่แข่งในทีม โซลชาร์ และลูกชาย สามสิ่งสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนแปลง ลุค ชอว์ ให้กลายเป็นคนใหม่

20.01.2021
  • LOADING...
Luke Shaw

HIGHLIGHTS

  • ลุค ชอว์ ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมแดงเดือดที่ผ่านมา หลังหยุด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมตลอดทั้งเกม
  • การที่ขาหักในปี 2015 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อช่วงการเริ่มต้นชีวิตในโอลด์แทรฟฟอร์ด เพราะหลังพักการเล่นยาวนาน ชอว์ประสบปัญหาทั้งฟอร์มตก สภาพร่างกายที่ไม่ดี โดยเฉพาะรูปร่างที่ถูกมองว่าอ้วนเกินไป
  • ความเอาใจใส่จาก โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ มีส่วนอย่างมากในการช่วยกอบกู้ความมั่นใจของชอว์ และสำคัญคือตัวเขาเองที่ไม่เคยละความพยายามเลย 
  • การเปลี่ยนผ่านจากวัยรุ่นสู่การเป็นผู้ใหญ่ และการได้ลูกชาย ทำให้ชอว์เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน แต่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ไม่สามารถ Running Down the Wing ในเกมแดงเดือดที่แอนฟิลด์ได้สักครั้ง เมื่อเขาต้องเจอกับคู่แข่งที่ไม่ยอมให้เขาผ่านไปได้เด็ดขาดอย่าง ลุค ชอว์

 

แบ็กซ้ายวัย 25 ปี ไม่เพียงแต่จะเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวและมีส่วนอย่างมากในการทำให้เกมรุกทางฝั่งขวาของลิเวอร์พูลแทบจะหายไปสนิท ในจังหวะทำเกมรุกเขาก็พร้อมที่จะขยับขึ้นมาช่วยเหลือ มาร์คัส แรชฟอร์ด และเพื่อนคนอื่นด้วย เรียกได้ว่าฟอร์มนั้นข่ม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายคู่แข่งที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดในโลกในช่วงปีที่ผ่านมาอย่างมาก

 

ที่สำคัญคือในแววตานั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ เป็นแววตาของนักสู้ที่พร้อมเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง

 

ลุค ชอว์ เวอร์ชันนี้มีความแตกต่างจาก ‘ภาพจำ’ ในเวอร์ชันเก่าที่หลายคนเคยจำได้ถึงแบ็กซ้ายร่างท้วมที่นอกจากจะช้าแล้วการเล่นยังเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด แววตาที่ปราศจากความมั่นใจ และสุดท้ายตกเป็นแพะรับบาปของทีมอยู่เสมอ

 

อะไรที่เปลี่ยนแปลงเขาได้ขนาดนั้น?

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ชอว์เป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากระบบเยาวชนของเซาแธมป์ตันที่ถูกสโมสรใหญ่คว้าตัวไปร่วมทีมหลังแจ้งเกิดได้ไม่นานอย่างรวดเร็ว ตามรอยของ ธีโอ วัลค็อตต์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่ไปอาร์เซนอล และ แกเร็ธ เบล ที่ไปสเปอร์ส

 

แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นดูเหมือนจะเร็วเกินไปสักหน่อยสำหรับเด็กอายุ 19 ปีที่ต้องมาอยู่ในสโมสรระดับท็อปของประเทศซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างแตกต่างจากชีวิตในทีม The Saints มาก (พูดง่ายๆ คือเหมือนนักบุญกับปีศาจ)

 

อาการบาดเจ็บหนักถึงขั้นขาหัก (ในเกมกับ PSV Eindhoven) ที่ทำให้เขาพลาดฤดูกาล 2015-16 ไปก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้การปรับตัวเป็นไปอย่างล่าช้า

 

ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นเรื่องความมั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรูปร่างของเขาเริ่มเปลี่ยน กลายเป็นนักฟุตบอลที่ดู ‘ตัน’ และถูกวิจารณ์ในเรื่องของน้ำหนักตัวที่มากเกินกว่าที่ควรจะเป็น ไม่เหมือนนักฟุตบอลอาชีพในสโมสรระดับท็อปเลย

 

เสียงวิจารณ์นั้นหนักหนาอย่างมาก และผลงานยามได้สนามนั้นก็แทบไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย

 

ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเขาเกิดขึ้นในช่วงที่ โชเซ มูรินโญ เป็นผู้จัดการทีมอยู่และถูกวิจารณ์ออกสื่ออย่างหนักหลายครั้ง

 

ทั้งนี้แม้ว่าสิ่งที่ The Special One ทำลงไปจะมีเป้าหมายเพื่อ ‘กระตุ้น’ (Tough Love) ให้ชอว์พยายามพิสูจน์ตัวเองกลับมาให้ได้ แต่กระบวนการเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจนั้นต้องใช้เวลา ซึ่งกว่าที่เขาจะเริ่มกลับมาได้ก็เป็นช่วงเดือนท้ายๆ ในการคุมทีมของมูรินโญแล้ว

 

ในช่วงนั้นอย่างน้อยที่สุดชอว์ได้แสดงให้เห็นถึงพลังใจที่เข้มแข็ง เพราะจุดต่ำสุดที่เขาตกลงไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะดึงตัวเองกลับมาได้

 

และพลังใจนั้นเองที่เป็นต้นทุนให้เขาทวงทุกสิ่งทุกอย่างกลับมา เพราะต่อให้จะถูกวิจารณ์เรื่องรูปร่าง ถูกตำหนิในเรื่องฟอร์มการเล่นสักแค่ไหน แต่ชอว์ไม่เคยยอมแพ้และพยายามอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมหรือในเกมจริง

 

วันที่ดีก็เป็นรางวัลชีวิตไป วันที่ร้ายก็เป็นบทเรียนให้ศึกษา

 

ความทุ่มเทไม่มีหมดนี้มาเริ่มผลิดอกออกผลเมื่อ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เข้ามาคุมทีมเมื่อธันวาคม 2018 เพราะกุนซือชาวนอร์วีเจียนมีวิธีการดูแลทีมแตกต่างจากมูรินโญ

 

ด้วยบุคลิกของโซลชาร์ ทำให้บรรยากาศภายในทีมลดความตึงเครียดลงทันที นักฟุตบอลยูไนเต็ดกลับมาพบความสุขในการเล่นอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงชอว์ ที่ไม่เคยได้สัมผัสกับความอบอุ่นแบบนี้มาก่อน มือที่ตบบ่าลงเบาๆ เพื่อให้กำลังใจโดยไม่คิดที่จะกล่าวโทษกันให้อับอายมีส่วนช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้น

 

การออกมากางปีกปกป้องเขาเสมอของโซลชาร์ ทำให้ชอว์ต้องการจะตอบสนองต่อการเสียสละของเจ้านาย

 

“เขามีส่วนช่วยเหลือผมอย่างมากในสนาม แต่มากกว่านั้นคืออิทธิพลจากการจัดการของเขานอกสนามด้วยวิธีการดูแลนักฟุตบอลด้วย” ชอว์เคยเล่าถึงการดูแลจากโซลชาร์ในช่วงล็อกดาวน์เมื่อปีกลาย

 

“เขารู้ว่าผู้เล่นต้องการอะไร ผมมีช่วงเวลาที่ไม่ดี 2-3 ปีก่อนเขาจะมา และเมื่อเขามาผมก็รู้ว่าบางทีเขาอาจจะรู้ว่าผมขาดอะไร เขาช่วยเหลือผมมากนอกสนาม เขาเชื่อมั่นในตัวผมอย่างเต็มที่ เรื่องนี้เขาบอกผมตลอด ความมั่นใจแบบนี้จากผู้จัดการทีมคือสิ่งที่นักฟุตบอลต้องการ เราต้องการคนที่เชื่อในตัวเรา”

 

ขณะที่โซลชาร์เองก็เอ็นดูชอว์เช่นกัน “มันอยู่กับการมองเห็นทุกคนในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ผมใช้เวลาในการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับทุกคนรวมถึงลุคด้วย เขาเป็นเด็กที่ผมชอบคุยด้วย ผมยินดีจะช่วยเหลือเขา ตัวเขาเองอยากทำให้ดีขึ้นและกลับมาสนุกกับการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง”

 

อย่างไรก็ดี โซลชาร์ไม่ได้จะ ‘โอ๋’ อย่างเดียว ในทางตรงกันข้ามเขายังกระตุ้นชอว์ให้เร่งทำผลงานขึ้นไปอีกด้วยการเพิ่มคู่แข่งเข้ามา

 

เมื่อ แอชลีย์ ยัง จากไป กุนซือชาวนอร์วีเจียนผลักดัน แบรนดอน วิลเลียมส์ ไอ้หนูแบ็กซ้ายดาวรุ่งผู้ถนัดเท้าขวาและทำผลงานได้น่าประทับใจเช่นกันเข้ามาสู่ทีม ทำให้เกิดการแข่งขันสูงขึ้น

 

และในฤดูกาลนี้โซลชาร์ยังเติม อเล็กซ์ เตลเลส แบ็กจอมบุกชาวบราซิล ที่ซื้อมาจากปอร์โตในช่วงก่อนตลาดการซื้อขายจะปิดตัวลง 

 

เตลเลสเป็นแบ็กที่มีคุณสมบัติคล้ายกับชอว์ตรงที่เด่นในเรื่องเกมรุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดบอลและการยิงประตูที่ดูเหมือนจะมีทักษะที่ดีกว่าด้วยซ้ำ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ใครต่อใครจะคิดว่าดาวเตะแซมบ้าจะกลายเป็นตัวเลือกแรกในทีมของโซลชาร์

 

เพียงแต่จนถึงวันนี้ชอว์ไม่เคยเสียตำแหน่งของเขาไปเลย ในทางตรงกันข้ามยิ่งเวลาผ่านเราก็ยิ่งได้เห็นเขาเปล่งประกายมากขึ้น 

 

จากแบ็กที่มีความเร็วจัด ทักษะการไปกับบอลดีเยี่ยม เติมเกมบุกอย่างเมามันแต่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพนักในจังหวะการเล่นบอลสุดท้าย ชอว์ในวันนี้รู้ว่าจังหวะไหนเขาควรจะทำอะไร จังหวะไหนเติม จังหวะไหนเปิด

 

รวมถึงสิ่งที่ทำให้เขาชนะเตลเลสและวิลเลียมส์ได้คือเกมรับที่กลายเป็นจุดแข็งที่สุด

 

แน่นอนว่าสิ่งที่ช่วยให้ผู้คนเติบโตได้ดีที่สุดคือ ‘วันเวลา’ ช่วงของการเปลี่ยนผ่านจากเด็กสู่ผู้ใหญ่มีส่วนในการทำให้ความคิดและการตัดสินใจค่อยๆ เปลี่ยนไป

 

เด็กวัย 19 ปีกับหนุ่มวัย 25 ปี สายตาในการมองโลกย่อมแตกต่างกัน และที่สำคัญชอว์ค้นพบความสุขใหม่ในชีวิตกับลูกชายอย่าง เรห์ ลอนดอน ชอว์ พ่อหนุ่มน้อยที่ลืมตาดูโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 

 

เจ้าหนูเรห์ไม่เพียงแต่จะมีส่วนสำคัญในการทำให้ชอว์ค่อยๆ เติบโตขึ้นในฐานะคนเป็นพ่อ แต่ยังกลายเป็น Good-luck Charm ที่นำโชคดีมาให้ด้วย เพราะมีคนสังเกตว่าเขาสวมถุงเท้าที่มีรูปลูกชายอยู่ด้วยเมื่อช่วงเดือนมกราคมปีกลาย

 

จุดเริ่มต้นมาจากในเกมที่เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ หลังจากนั้นชอว์ก็ยึดถือเป็นโชคลางมาตลอด โดยระหว่างนั้นไปจนถึงช่วงการล็อกดาวน์ครั้งแรกยูไนเต็ดไม่แพ้ใครเลยแม้แต่เกมเดียวเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน

 

หลายๆ สิ่งที่ประกอบกันนี้ได้นำ ลุค ชอว์ กลับมาสู่เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลระดับท็อปอย่างที่เขาควรจะเป็นอีกครั้ง

 

สิ่งที่เหลือจากนี้คือการรักษามาตรฐานในการเล่น เช่นกันกับการรักษาสภาพความฟิตเอาไว้ ซึ่งหากทำได้ไม่เพียงแต่เขาจะยกระดับตัวเองไปสู่การเป็นแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก

 

เขาสามารถมีส่วนสำคัญในการพาทีมไปสู่ความสำเร็จอีกครั้งในอนาคตได้อีกด้วย

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า 

อ้างอิง:

FYI
  • ลุค ชอว์ ย้ายมาจากเซาแธมป์ตันด้วยค่าตัวถึง 27 ล้านปอนด์
  • ระหว่างที่ตั้งท้องน้องเรห์ ลอนดอน แฟนสาวของชอว์ อนุสกา ซานโตสได้อัปเดตเรื่องราวให้แฟนๆ ได้ติดตามตลอด ก่อนที่จะแชร์ภาพของชอว์ นั่งอุ้มลูกอยู่กับตุ๊กตาหมีขนาดยักษ์ในบ้านเมื่อได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านได้
  • ในเกมแดงเดือด นอกจากจะรับเหนียวแน่น ชอว์ยังสัมผัสบอลมากถึง 69 ครั้ง  และผ่านบอลสำเร็จ 33 ครั้งมากกว่าใครในทีมปีศาจแดง
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising