วานนี้ (5 กันยายน) ภายหลังจากที่ประกาศผลการเลือกตั้งรอบสุดท้าย ลิซ ทรัสส์ ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟคนใหม่ของสหราชอาณาจักร ให้คำมั่นจะจัดการกับวิกฤตพลังงาน เดินหน้าปกป้องภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ หลังราคาพลังงานทั้งในประเทศและนอกประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือน ก่อนที่เธอจะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรคนใหม่อย่างเป็นทางการในวันนี้
นอกจากวิกฤตพลังงานที่เป็นวาระเร่งด่วนอันดับต้นๆ แล้ว รัฐบาลสหราชอาณาจักรชุดใหม่ภายใต้การนำของทรัสส์ยังต้องเผชิญกับประเด็นท้าทายต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชนจากเหตุที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นอย่างไร ระบบสาธารณสุข NHS ที่ยังคงมีช่องโหว่อยู่มากพอสมควร จะปฏิรูประบบให้ผู้มาใช้บริการเข้าถึงการรักษาที่สะดวกและรวดเร็วได้อย่างไร โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับแผนการสนับสนุนยูเครนในภาวะสงครามและแผนรับมือความเสี่ยงและผลกระทบที่ตามมาเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ภายในพรรคคอนเซอร์เวทีฟจะแน่นแฟ้นกันได้หรือไม่ กรณีของไอร์แลนด์เหนือและสกอตแลนด์จะเป็นอย่างไรต่อไป และคำมั่นว่าสหราชอาณาจักรจะบรรลุเป้าการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 จะเป็นจริงได้เหรือไม่ เหล่านี้เป็นประเด็นเบื้องต้นที่หลายฝ่ายตั้งคำถาม
คาดว่านายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน จะประกาศลาออกจากตำแหน่งต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ณ ที่ประทับ Balmoral ในสกอตแลนด์ในวันนี้ (6 กันยายน) หลังจากนั้นพระองค์จะประกาศแต่งตั้งทรัสส์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ โดยทรัสส์นับเป็นผู้นำคนใหม่ที่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ณ พระราชวังบักกิงแฮมคนแรกในรอบกว่า 7 ทศวรรษ ตั้งแต่พิธีการแต่งตั้ง เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล เป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงปลายปี 1951
ภาพ: Adrain Dennis / AFP
อ้างอิง: