ช่วงปลายปีที่แล้ว ธนาคารกสิกรไทยและแชตแอปพลิเคชัน LINE ได้ประกาศข่าวที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการแบงกิ้งครั้งใหญ่ด้วยการจัดตั้ง ‘บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด’ ซึ่งเป็นการร่วมทุนในสัดส่วนเท่ากันที่ 50 : 50 ด้วยงบลงทุนเริ่มต้นที่มากกว่า 2,200 ล้านบาท (กสิกรลงทุนผ่าน ‘บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด’ ส่วน LINE ลงทุนผ่าน ‘บริษัท ไลน์ ไฟแนนเชียล เอเชีย’)
นับเป็นช่วงเวลาเกือบหนึ่งปีเต็มที่ข่าวคราวทั้งหมดของกสิกร ไลน์ เงียบหาย จนกระทั่งในที่สุดวันนี้ (21 พฤศจิกายน) บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ก็ได้เปิดตัวแบรนดิ้ง ‘LINE BK’ พร้อมแต่งตั้ง ธนา โพธิกำจร ที่ข้ามฟากมาจากกลุ่มงาน Digital Banking ของธนาคารสีม่วงขึ้นเป็นซีอีโอของบริษัทอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดเผยความคืบหน้าและรายละเอียดของบริการที่เตรียมจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้
กสิกร ไลน์ หรือ LINE BK คือผู้ให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลที่เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความง่ายในการใช้บริการ และการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้บริการได้อย่างทั่วถึงโดยไร้ข้อจำกัดต่างๆ ที่เคยมีในอดีต โดยเฉพาะการตอบโจทย์คอนเซปต์ ‘Life on LINE 24/7’ ของ LINE ที่อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันและโครงสร้างพื้นฐานในการใช้ชีวิตของผู้ใช้ LINE ทุกคน
ก่อนหน้านี้ LINE ได้รุกให้บริการ LINE BANK มาแล้วใน 3 ประเทศ ทั้งที่ญี่ปุ่น (ร่วมกับธนาคารมิซูโฮ), อินโดนีเซีย (ร่วมกับ KEB Hana Bank) และในไต้หวัน (ร่วมกับพาร์ตเนอร์อีกกว่า 6 ราย) โดยสาเหตุที่ทำให้ LINE BK เกิดขึ้นในประเทศไทยมาจากความต้องการแก้เพนพอยต์การเข้าถึงธุรกรรมที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้
ถึงแม้ว่าในปี 2018 ที่ผ่านมาคนไทยจะเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงเป็นลำดับต้นๆ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกที่ 10.5 ชั่วโมงต่อวัน (ข้อมูลจาก Hootsuite) มีอัตราการเข้าถึงบริการทางการเงินบนมือถือ และจำนวนครั้งการทำธุรกรรมที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ (ข้อมูลล่าสุดในปี 2018 ที่ผ่านมาจากธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่ามีผู้ใช้บริการแบงกิ้งบนมือถือมากกว่า 41.2 ล้านราย และมีจำนวนการทำธุรกรรมสูงกว่า 2,718 ล้านครั้ง)
แต่ช่องโหว่ที่ยังเปิดกว้างอยู่จากผลการศึกษาของ Temasek พบว่าคนไทยในสัดส่วนกว่า 45% แม้จะมีบัญชีธนาคารเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังไม่ได้เข้าถึงบริการต่างๆ ที่ทางธนาคารมีอยู่ ทั้งประกัน สินเชื่อ เงินฝากระยะยาว ฯลฯ (Underbanked) นอกจากนี้ยังมีอีกกว่า 18% ที่ไม่ได้เข้าถึงหรือมีบัญชีธนาคารเลยด้วยซ้ำ
ทั้งหมดจึงเป็นที่มาที่ LINE ซึ่ง ณ วันนี้มีผู้ใช้บริการในไทยมากกว่า 44 ล้านคน และกสิกรไทยที่มีจำนวนลูกค้ามากกว่า 16.9 ล้านคนได้จับมือกันจัดตั้ง กสิกร ไลน์ LINE BK เพื่อตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ ที่เคยมีในการทำธุรกรรมของผู้คนให้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ไร้ข้อจำกัด ที่สำคัญบริการทางการเงินที่มีอยู่บน LINE จะต้องใช้งานง่ายเหมือน ‘ส่งไลน์หากัน’ ซึ่งถือเป็นจุดต่างที่ทางกสิกร ไลน์ ชูว่าโดดเด่นต่างจากผู้ให้บริการทางการเงินเจ้าอื่นๆ รวมถึงการนำข้อมูลดาต้าขนาดมหาศาลมาใช้วิเคราะห์เพื่อประเมินความเสี่ยงและการให้บริการสินเชื่อกับลูกค้าแต่ละคน
บริการของ LINE BK จะอยู่บนแอปพลิเคชันของ LINE และใช้ระบบหลังบ้านทั้งหมดของธนาคารกสิกรไทยที่การันตีด้านความปลอดภัยในการทำธุรกรรมเป็นสิ่งสำคัญ ลูกค้าที่จะใช้งานได้ก็จะต้องสมัครบัญชีธนาคารของธนาคารกสิกรไทยก่อน โดยเป้าหมายใหญ่ที่สุดจะเน้นเจาะไปที่การให้บริการ ‘สินเชื่อ’ ที่ต้องการช่วยให้ผู้ใช้งาน LINE ทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายที่สุดในยามที่ต้องการ (LINE BK มีใบอนุญาตสินเชื่อรายย่อยและนาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) ที่ออกให้โดยธนาคารแห่งประเทศไทย)
โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่อาจจะไม่ใช่พนักงานเงินเดือน เป็นฟรีแลนซ์ หรือเจ้าของธุรกิจที่เคยต้องพบกับ ‘ความยาก’ ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนกู้ยืมในอดีต เนื่องจากธนาคารไม่มีข้อมูลเชิงลึกและไม่สามารถประเมินความเสี่ยงของลูกค้าในกลุ่มนี้ได้ แต่ด้วยบริการของ LINE BK ที่จะอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดมหาศาล การใช้งานที่ง่าย และการใช้บริการต่างๆ ของ LINE ก็จะช่วยให้กสิกร ไลน์ เข้าใจและประเมินความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละคนได้แม่นยำและดียิ่งขึ้น (อัตราดอกเบี้ยก็จะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของผู้ใช้งานแต่ละคนด้วย)
หลักๆ แล้วบริการสินเชื่อของ LINE BK จะเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่ลูกค้ากลุ่ม Underbanked และลูกค้านอกระบบเป็นหลัก แต่ก็ยังตั้งเป้าให้บริการครอบคลุมลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ด้วย โดยในช่วงเฟสแรกจะเริ่มต้นให้บริการธุรกรรมและสินเชื่ออย่างเป็นทางการในช่วงกลางปี 2563 ที่จะถึงนี้ ตั้งเป้าลูกค้าเริ่มต้นที่หลักล้านราย
ธนา โพธิกำจร ให้ข้อมูลว่ากสิกร ไลน์ คือผู้ให้บริการทางการเงินบนดิจิทัลที่เกิดขึ้นมาเพื่อ ‘ดิสรัปท์’ วิธีการเข้าถึงบริการทางการเงินแบบเดิมๆ โดยเฉพาะความง่าย ความสะดวก เปรียบเสมือนช่องทางบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ที่หวังว่าการเข้าถึงลูกค้าจะสามารถทำได้ง่ายขึ้นและมีต้นทุนที่ถูกลงกว่าเดิม
นอกจากนี้ธนายังบอกอีกด้วยว่าทุกครั้งที่กสิกรหรือไลน์เริ่มเคลื่อนไหวหรือมีมูฟเมนต์ที่สำคัญเกิดขึ้น ทั้งคู่ก็ตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะเป็นผู้ให้บริการที่อยู่ในเบอร์ต้นๆ ในอุตสาหกรรมนั้นให้ได้เสมอ เช่นเดียวกับ LINE BK ในครั้งนี้ที่ตั้งเป้าไว้ว่าอยากเป็นผู้เล่นในลำดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมให้ได้ภายใน 5 ปี
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
