×

‘เทคาโป’ ทะเลสาบดาวพร่างฟ้า ความงามแห่งเกาะใต้นิวซีแลนด์

04.08.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

10 Mins. Read
  • “เหมือนดาวอังคารเลย โลกเราสวยขนาดนี้เลยเหรอ” ปิ๊กพูดขึ้นพร้อมด้วยสีหน้าตะลึงปนชื่นชมกับภาพของทะเลสาบเทคาโปที่อยู่เบื้องหน้า
  • ทะเลสาบเทคาโป เป็นทะเลสาบน้ำจืด ตั้งอยู่บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ในแถบแม็กเคนซี คันทรี บนเกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์
  • ดอกไม้ที่เป็นเหมือนนางฟ้าแห่งทะเลสาบเทคาโปคือดอก ‘ลูพิน’ (Lupin) ที่มีสีสันสดใส ไล่เฉดสีไปตั้งแต่สีชมพูอ่อนจนถึงสีม่วงเข้มเกือบน้ำเงิน ซึ่งจะเบ่งบานอยู่โดยรอบทะเลสาบในช่วงเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงมกราคมของทุกปี

     ในช่วงเย็นวันศุกร์ที่แถบระบุอุณหภูมิสีแดงในแท่งเทอร์โมมิเตอร์ไหลมาอยู่ที่ 10 องศาฯ เราและน้องสาวอยู่ในชุดพร้อมรับมือกับความหนาวเย็น สายลมแรงที่ทำเอาสั่นสะท้านตั้งแต่มือไปจนถึงริมฝีปาก ยามเย็นในฤดูหนาว พระอาทิตย์ตกเร็วกว่าปกติจนทำให้ตารางเวลาในการตามหาแสงสุดท้ายที่ทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo) ถูกปรับให้เร็วขึ้นตามสภาพอากาศ นี่ไม่ใช่วันแรกที่เรามาอยู่บนแผ่นดินนิวซีแลนด์ แต่เป็นครั้งแรกที่จะได้ทำความรู้จักกับทะเลสาบอันเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งนี้อย่างเป็นทางการ

     เทคาโปเป็นทะเลสาบน้ำจืด ตั้งอยู่บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ในแถบแม็กเคนซี คันทรี บนเกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์ ห่างจากเมืองควีนส์ทาวน์และไครสต์เชิร์ชประมาณ 3 ชั่วโมง ลักษณะโดดเด่นของทะเลสาบเทคาโปอยู่ที่น้ำสีฟ้าเทอร์ควอยซ์สวยงามจับตา และยังใสแจ๋วจนสามารถมองเห็นพื้นหินใต้ทะเลสาบได้ อย่างชัดเจน โดยน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ไหลมาจากธารน้ำแข็งขนาดใหญ่บนเทือกเขา เมื่อผนวกกับแร่ธาตุต่างๆ จึงมีสีฟ้าสวยงามราวกับทะเลสาบในเทพนิยาย

 

 

Vanilla Sky

     เราพักที YHA โฮสเทลสำหรับนักเดินทางในราคาประหยัด แต่ครบถ้วนไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อีกทั้งยังได้รับมิตรภาพใหม่ๆ จากเพื่อนร่วมห้องอีกด้วย จากที่พักแห่งนี้สามารถมองเห็นทะเลสาบสีฟ้าผ่านกระจกบานใสได้อย่างชัดเจน

     แสงสีชมพูระเรื่อของท้องฟ้าในตอนนี้ทำให้เราเอ่ยปากชวน ปิ๊ก น้องสาวที่ล่มหัวจมท้ายกันตลอดทริปออกไปขับรถเล่นหาสถานที่เหมาะๆ สะสมท้องฟ้ากันในยามเย็นแสนเงียบเชียบ

 

 

     เพียงบึ่งรถออกจากที่พักไม่ถึง 10 นาที เราก็ได้เจอกับลานทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ขนาดหลายสิบสนามฟุตบอลรวมกัน ก่อนจะถูกกั้นพรมแดนไว้ด้วยทิวเขาหิมะที่ทอดเรียงตัวกันเป็นแนวยาว แสงสีส้มที่พาดผ่านทิวเขาดูเหมือนจะตอกย้ำกับเราอีกครั้งว่าหากไม่จอดรถลงไปเก็บภาพก็คงไม่ได้แล้วล่ะ

     “เหมือนดาวอังคารเลย โลกเราสวยขนาดนี้เลยเหรอ” ปิ๊กพูดขึ้นพร้อมด้วยสีหน้าที่ชื่นชมปนตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า เราแอบขำ แต่ก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้นอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง และเผลอลืมโลกวุ่นวายที่จากมาชั่วขณะ เงียบจนได้ยินเสียงใบไม้ไหว รู้สึกถึงความสวยงามแสนจะเรียบง่ายของธรรมชาติ โลกที่เราได้ออกมามองเห็นและสัมผัสด้วยความรู้สึกของตัวเองว่าช่างสวยงามเหลือเกิน

 

 

     ถ้าไม่อวยจนเกินไป อยากจะบอกว่าสีที่แต่งแต้มอยู่บนท้องฟ้าในช่วงพลบค่ำวันนี้สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยก็ว่าได้ สีชมพูอ่อนๆ ปนส้มนิดๆ ดูหวานเสียจนกำลังคิดว่าท้องฟ้ากำลังมีความรักอยู่หรือเปล่า แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร การได้มายืนมองท้องฟ้าข้างๆ กันกับน้องสาวในเย็นวันนี้ มวลความสุขก็ได้ทำให้ร่างกายและใจอบอุ่นได้อย่างไม่ยากท่ามกลางอุณหภูมิ 10 องศาฯ

     ใช้เวลาไม่นาน แสงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้า ท้องฟ้าสีละมุนหายไปแล้ว เราแหงนหน้ามองฟ้าและนึกในใจ ภาพผืนฟ้าตอนนี้ถูกแทนที่ไว้ด้วยดวงดาวระยิบระยับ แสงไฟรบกวนแทบไม่มีเลย จึงทำให้เห็นความสุกสกาวของดวงดาวอย่างชัดเจน

 

 

     ไม่นานนักเสียงท้องร้องก็ส่งสัญญาณบอกให้เราขับรถกลับเข้าที่พักเพื่อเติมเสบียงลงท้อง อาหารการกินของที่นี่ ถ้าจะให้ประหยัดและมีความเป็นนิวซีแลนด์มากที่สุด ขอแนะนำให้เข้าร้านแบบ Fish & Chip เพราะมีปลาชิ้นโตที่ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือสารพัดชนิดให้เลือกตามความชอบ ชุบแป้งทอดจนกรอบนอกนุ่มใน กินคู่กับมันฝรั่งทอดสีเหลืองทองหอมฉุย ชุดหนึ่งราคาตกอยู่ที่ประมาณ 10 เหรียญเท่านั้น ฟินกันได้ง่ายๆ เหมือนกับการกินมันเผาร้อนๆ ท่ามกลางความหนาวเย็นเวลาเที่ยวดอยที่ไทย แต่ถ้าใครอยากนั่งดินเนอร์เก๋ๆ ตลอดแนวถนนเส้นนี้ก็มีร้านอาหารให้เลือกนับสิบร้าน

     อยู่โฮสเทลนี่สนุกดีนะ เพื่อนร่วมห้องของเราในคืนนี้เป็นแก๊งวัยรุ่นชาวเกาหลี 3 คน และหนึ่งในนั้นดูจะชอบถ่ายภาพดาวและดูดาวเอามากๆ เราจึงคุยกันอย่างถูกคอ ก่อนที่เธอคนนี้จะลากเราออกไปยืนดูทางช้างเผือกบริเวณลานสนามหญ้าหลังโฮสเทล มิตรภาพดีๆ เกิดขึ้นได้จากการออกเดินทางจริงๆ

     หลังจากที่นั่งเล่นนอนเล่นรอเวลาให้ทางช้างเผือกหมุนมาอยู่ตรงหลังโบสถ์ เราเลยบอกปิ๊กว่า “ไปดูแสงออโรร่ากัน เขาบอกว่าช่วงนี้เกาะใต้มีโอกาสเห็นสูงมาก” แววตาของปิ๊กดูเป็นประกาย ความง่วงหายไปในทันใด รีบม้วนผ้าห่มคลุมตัวแล้วขับรถไปที่โบสถ์อย่างไม่มีอิดออด

 

 

Stardust

     เทคาโปในค่ำคืนนี้ไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่คิดไว้ นักเดินทางและช่างภาพต่างก็ออกมายืนกางขาตั้งกล้องราวพร้อมรบ ทิวทัศน์บริเวณรอบโบสถ์ Church of the Good Shepherd ซึ่งเป็นโบสถ์ที่เล็กที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์เป็นพระเอกของทุกคนในค่ำคืนนี้ ปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาอยู่เช่นเดิม ทั้งเทศกาลคริสต์มาสและงานแต่งงาน

     โครงสร้างของโบสถ์นั้นทำจากไม้โอ๊ก ซึ่งหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าอิฐแต่ละก้อนประกอบกันเป็นชั้นโดยไม่ได้รับการจัดแต่ง แม้ที่นี่จะเป็นโบสถ์ที่เล็กที่สุดเท่าที่เคยเห็น แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความสง่าและสงบได้อย่างชัดเจน

 

 

     รอแล้วรอเล่า ออโรร่าก็ไม่แสดงตัวอย่างที่เราโฆษณากับน้องสาวเอาไว้ แต่เราก็ยังคงสนุกกับการหันหน้าหันหลัง นั่งๆ ยืนๆ ถ่ายภาพดาวอย่างไม่มีอาการง่วงนอนใดๆ แต่ทันทีที่หันกลับไปก็เจอน้องสาวที่นั่งงอนแก้มป่องพร้อมยิงประโยคนี้ใส่เรา

     “พี่ปุยหลอกปิ๊กมาถ่ายดาวเฉยๆ ใช่ไหม จริงๆ มันไม่เห็นแสงออโรร่าใช่ไหม”

     เท่านั้นล่ะ เราถึงกับรู้สึกขำอยู่ในใจปนรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

     “ปิ๊กงอนหรือเปล่า”

     “ไม่ได้งอน ไม่ได้โกรธ”

     แล้วนางเอกของเราก็เดินงอนตุ๊บป่องกลับไปนั่งรอในรถ นึกถึงช่วงเวลานั้นทีไรก็รู้สึกเอ็นดูน้องสาวแสนงอนคนนี้ขึ้นมาเหลือเกิน เมื่อไม่มีกะจิตกะใจในการถ่ายรูปอีกต่อไป จึงทำได้แค่เก็บขาตั้งกล้องแล้วเดินตามน้องสาวกลับไปที่รถอย่างผู้สำนึกผิด

     ดอกไม้ที่เปรียบเหมือนนางฟ้าแห่งทะเลสาบเทคาโปก็คือ ลูพิน (Lupin) ที่มีสีสันสดใส ไล่เฉดสีไปตั้งแต่สีชมพูอ่อนจนถึงสีม่วงเข้มเกือบน้ำเงิน ซึ่งจะเบ่งบานอยู่โดยรอบทะเลสาบในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมของทุกปี เมื่อมองทะเลสาบจากทุ่งดอกลูพินจะเห็นดอกไม้สีม่วงตัดกับน้ำทะเลสาบสีฟ้าใส เป็นความงดงามที่สร้างสรรค์ให้ทะเลสาบเทคาโปเป็นดินแดนสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ น่าเสียดายที่เรามาในช่วงที่ฤดูหนาว จึงอดชื่นชมดอกนางฟ้ากันไปตามระเบียบ

 

 

Dawn

     หลังจากที่หลับไปตอนเที่ยงคืนและคืนดีกันแล้ว เราก็ยังคงชวนปิ๊กออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง เราตื่นกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เช้าชวนดูพระอาทิตย์ขึ้น เย็นชวนดูพระอาทิตย์ตก ค่ำชวนดูดาว จนปิ๊กเอ่ยปากบอกว่า

     “ทริปหน้าถ้ามีแต่พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และดูดาวนี่จะไม่มาแล้วนะ”

     เราได้ฟังแล้วถึงกับขำไม่หยุด แต่ก็นั่นล่ะ ถึงน้องสาวคนนี้จะบ่นแค่ไหนก็ไม่เคยปฏิเสธเลยที่จะไปนั่งรอแสงเป็นเพื่อนกัน ช่วงเช้าตรู่แบบนี้ ความคึกคักก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเที่ยงคืนที่ผ่านมาเลย หลายคนจับจองหินกันคนละก้อน บ้างก็เฝ้าดู บ้างก็ถ่ายรูปกันไป สำหรับใครหลายๆ คนที่ตื่นมานั่งรอแสงแรกของวันกันในเช้านี้คงจัดอยู่ในหมวดหมู่ ‘ถ้าออกเดินทาง ต่อให้เช้าแค่ไหนก็ตื่นได้’ เหมือนกับที่เราเป็นกระมัง

 

 

     น้ำในทะเลสาบกระเพื่อมเบาๆ ตามแรงลมที่พัดไหว ท้องฟ้าสีครามเข้มค่อยๆ เจือจางด้วยแสงสีส้มของวันใหม่ เผยให้เห็นเทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ที่สวมหมวกหิมะกันทุกยอด เรากางขาตั้งกล้องออก เล็งไปยังมุมที่แสงสีส้มค่อยๆ สว่างขึ้นมา แต่ก็ไม่ลืมชวนเด็กปิ๊กมาถ่ายรูปด้วยกัน ถือเป็นการขอบคุณที่ไม่เคยทอดทิ้งให้เรายืนมองท้องฟ้าคนเดียว

 

 

   จากที่เมื่อคืนเห็นสถาปัตยกรรมของโบสถ์เพียงแค่ภายนอก เช้านี้จึงขอเข้าไปชมการตกแต่งภายในเสียหน่อย น่าเสียดายที่ทางโบสถ์มีกฎห้ามบันทึกภาพด้านใน จึงทำได้เพียงเก็บภาพนั้นในความทรงจำไว้แล้วนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟัง ประตูทางเข้าเล็กๆ เมื่อเข้าไปถึงจะเห็นหน้าต่างบานสูงที่มองเห็นวิวทะเลสาบเทคาโปอย่างชัดเจน แดดอ่อนๆ ยามเช้าส่องแสงเข้ามากระทบกับแท่นพิธี เก้าอี้ไม้ และผ้าม่านสีขาวบางให้เกิดแสงและเงาที่ทำให้โบสถ์หลังนี้อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและสง่างาม

 

 

     แม้จะเป็นเพียง 2 วันกับอีก 1 คืนสั้นๆ แต่พื้นที่แห่งนี้กลับมีเรื่องราวมากมายให้ได้จดจำและประทับใจ ตอนนี้เราได้คำตอบแล้ว เราไม่ได้อยู่บนดาวดวงอื่นหรอก เราอยู่บนโลกที่มหัศจรรย์ของเรานี่ล่ะ อาจยังมีพื้นที่พิเศษบนโลกกลมๆ ใบนี้ที่รอให้เราได้ไปสัมผัสอีกมากมาย แต่สำหรับวันนี้ เวลานี้ เราขอยกหัวใจให้กับทะเลสาบทาเคโปที่เกาะใต้ นิวซีแลนด์ ไว้ครอบครอง

FYI
  • วีซ่าเข้าประเทศนิวซีแลนด์ที่สถานทูตนิวซีแลนด์ใช้เวลาเพียง 7-14 วันเท่านั้น
  • ตั๋วเครื่องบินก็มีให้เลือกหลากหลายสายการบิน ไม่ว่าจะเป็นการบินไทย, แควนตัส, เอมิเรตส์ หรือสิงคโปร์แอร์ไลน์ สำหรับเรา การเดินทางในครั้งนี้เลือกไปด้วยการบินไทย บินตรงเพียง 12 ชั่วโมงเท่านั้น ราคาตั๋วโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 25,000 บาท ไปลงที่สนามบินโอ๊กแลนด์ ก่อนจะบินต่อไปที่สนามบินไครสต์เชิร์ช ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น
  • หากอยากไปแบบโรดทริป แนะนำให้จองผ่าน www.campertravel.co.nz เว็บไซต์ที่รวบรวมรายชื่อรถเช่าคล้าย Agoda หรือ Booking.com ที่ใช้จองโรงแรม สามารถระบุขนาดและประเภทของรถที่ต้องการได้
  • บริษัทรถเช่าที่เราเลือกใช้มีชื่อว่า Spaceships ซึ่งมีอุปกรณ์เครื่องครัวและเครื่องนอนให้อย่างครบครัน มีการสอนวิธีการแปลงรถธรรมดาให้กลายเป็นห้องนอนเคลื่อนที่อย่างละเอียด
  • จากไครสต์เชิร์ชไปสู่ทะเลสาบเทคาโป ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ขอแนะนำว่าให้เลือกใช้เส้นทาง Arthur’s Pass เพราะคุณจะได้เจอกับทัศนียภาพและแหล่งท่องเที่ยวระหว่างทางที่สวยงามจนรัวชัตเตอร์แทบไม่ทันกันเลย
  • ‘ลูพิน’ พืชดอกในสกุลลูพินัส (Lupinus) เปรียบเหมือนนางฟ้าแห่งทะเลสาบเทคาโป มีสีสันสดใส ไล่เฉดสีไปตั้งแต่สีชมพูอ่อนจนถึงสีม่วงเข้มเกือบน้ำเงิน เบ่งบานอยู่รอบทะเลสาบในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมของทุกปี 

Photo: K_Boonnitrod/shutterstock

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising