*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์
“ไม่รู้หรอกว่าเส้นนี้จะเชื่อมไปถึงไหน”
“แต่ถ้าเป็นเราสองคนละก็ ต้องผ่านพ้นไปได้แน่นอน”
ส่งท้าย Pride Month กับอีกหนึ่งซีรีส์ BL คุณภาพอย่าง Life~Love On The Line ซีรีส์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ ‘เส้น’ ที่มีความหมายสื่อไปถึงเส้นทางในการดำเนินชีวิตของตัวละครในเรื่อง อย่าง อิโต้ อากิระ และ นิชิ ยูกิ คู่รักชายรักชายที่เริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขาตั้งแต่ในวัย 17 ปี ที่เมื่อเวลาผ่านไป ความรักครั้งนี้กลับต้องพบเจออุปสรรคมากมาย ทั้งจากสังคม ครอบครัว ที่ทำงาน หรือแม้แต่ตัวเอง
อิโต้ อากิระ ชายหนุ่มผู้เกิดในครอบครัวที่มีแม่เป็นผู้คอยชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตให้ในทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่การเรียน การทำงาน ไปจนถึงการแต่งงานและมีครอบครัว
“แม่อยากให้อากิระมีความสุขแบบคนปกติทั่วไปนะ”
คำว่า ‘ปกติ’ และคำสอนอื่นๆ ที่อากิระต้องคอยรับฟังจากปากผู้เป็นแม่มาโดยตลอด ทำให้เขากลายเป็นคนที่กลัวความล้มเหลว และไม่กล้าที่จะออกนอกลู่นอกทางของกรอบที่แม่ของเขาได้ตีขึ้นมา รวมถึงค่านิยมที่เป็นพื้นฐานของสังคมในประเทศญี่ปุ่น ว่าเขาจะต้องเรียนให้ดี มีงานที่ดีทำ และสร้างครอบครัว แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขากลับไม่ได้ทำตามสิ่งที่แม่ของเขาต้องการ ซึ่งคือการคบหากับเพศเดียวกัน
ความรักของอากิระและยูกิยังคงมั่นคง และอยู่ด้วยกันมาจนถึงในวัยทำงาน ยูกิลาออกจากงานและมาเรียนต่อในด้านภาพยนตร์ ส่วนอากิระได้ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ด้วยความสามารถและความตั้งใจ จึงทำให้เขาเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว
อากิระได้พบกับพนักงานใหม่ในบริษัท โฮโนกะ เพื่อนผู้หญิงที่เคยมาสารภาพรักกับเขาในช่วงมัธยมศึกษา ซึ่งตอนนี้เธอกลับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อากิระผู้จริงจังกับชีวิต และกลัวความล้มเหลวฉุกคิดถึงความ ‘ปกติ’ ที่แม่ของเขาได้เคยพร่ำสอน ก่อนที่อากิระจะมีเวลามาคิดทบทวนกับตัวเองถึงการมีครอบครัว การใช้ชีวิตตามแบบแผนสังคม รวมถึงการมีคนรักเป็นผู้หญิง จากสภาพสังคมทั้งในที่ทำงาน และสังคมอื่นๆ ที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างมีครอบครัว มีลูก และมีการเริ่มวางแผนอนาคตต่างๆ กันแล้ว
ระหว่างที่อากิระกำลังรู้สึกสับสนและถูกกดดันจากสังคม จนเกิดความลังเลและไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ปัจจุบันของเขา คนรักอย่างยูกิกลับกำลังรวบรวมความกล้าไปสารภาพถึงความสัมพันธ์ของเขากับแฟนหนุ่มต่อหน้าผู้เป็นแม่ และกำลังจะกลับมาบอกข่าวดีแก่อากิระเมื่อมาถึงบ้าน แต่อากิระเองก็ตัดสินใจในเรื่องของความสัมพันธ์ครั้งนี้แล้วเช่นกัน
“เราเลิกกันเถอะ”
“คิดว่าพวกเราสองคนจะมีทางไปต่ออย่างนั้นเหรอ”
“ทั้งนายและฉันตอนแรกก็ใช่ว่าจะเป็นรักร่วมเพศกันสักหน่อย”
“ในอนาคตนายก็คงจะอยากแต่งงานเหมือนคนทั่วไปแล้วก็มีครอบครัว”
“ความสัมพันธ์แบบนี้มันเป็นเรื่องผิด”
อากิระผู้มั่นคงในความรักตัดสินใจที่จะปล่อยมือกับคนที่เขาเคยรักมากที่สุด ที่ตอนนี้เขากลับบอกว่าความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองนั้นเป็นเรื่องที่ผิด และตัดสินว่าสุดท้ายพวกเขาก็จะต้องแต่งงานมีครอบครัวเหมือนกับคนอื่นๆ
หลังจากอากิระแต่งงานกับโฮโนกะ และอยู่กินกันแบบคู่รักชาย-หญิงทั่วไป อากิระกลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงของเขา เขากำลังฝืนเพื่อทำตามกฎระเบียบของสังคม และแรงกดดันจากครอบครัวที่ปลูกฝังเขามาตั้งแต่เด็ก รวมถึงจิตใจของเขาที่ไม่เข้มแข็งพอที่จะไปต่อกับยูกิ คนที่เขารัก และตอนนี้อากิระก็ได้เสียเขาไปแล้วเช่นกัน
อากิระเลือกทำตามหัวใจตัวเองอีกครั้งด้วยการหย่ากับโฮโนกะ และตั้งใจที่จะตามหายูกิ เพื่อขอโทษกับสิ่งที่เขาได้เคยทำพลาดไป จากการที่ไม่ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง
“ทำไมคนที่รักกันต้องแยกกันด้วยล่ะ”
“ผมพยายามอยู่แบบปกติแทบตาย แต่มันทำให้ไม่มีความสุขเลย”
“มีแค่ตอนที่เขาอยู่ผมถึงสามารถเป็นตัวเองได้”
“ผมมันอ่อนแอ ถูกสังคมบีบบังคับ ทำให้ต้องปล่อยมือกับคนที่ตัวเองชอบจริงๆ”
อากิระในตอนนี้เข้มแข็งพอที่จะบอกเรื่องนี้แก่ครอบครัว และคิดได้กับสิ่งที่ตัวเองได้ตัดสินใจพลาดไปในการปล่อยมือคนที่เขารัก เขาต้องทำตามสิ่งที่แม่คอยสั่งสอนให้อยู่ในกรอบของคำว่า ‘ปกติ’ ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ จนทำให้สูญเสียความสุขที่แท้จริงของชีวิตไป จากการปลูกฝังของครอบครัวและค่านิยมของสังคม
การเป็นคู่รักชายรักชายในสังคมประเทศญี่ปุ่น ต้องแลกมากับการต้องเป็นที่ยอมรับในสังคม และทำตัวให้ปกติเหมือนกับคนอื่นๆ ตามที่ครอบครัวได้เคยสั่งสอนหรือปลูกฝังมา ความกดดันจากสังคมทำให้ อิโต้ อากิระ ต้องกลายเป็นคนอ่อนแอ และตัดสินใจเลือกทางที่ตัวเองไม่ต้องการ จนสูญเสียความสุขที่แท้จริงของการดำเนินชีวิตตามเส้นทางชีวิตของตัวเองไป
สามารถรับชมซีรีส์เรื่อง Life~Love On The Line ได้ทาง WeTV
ภาพ: WeTV