×

Zero Waste Living ชวนเปลี่ยนเพื่อโลกที่ดีขึ้น

โดย THE STANDARD LIFE
15.08.2025
  • LOADING...
Zero Waste Living

เราอยู่ในยุคที่สิ่งแวดล้อมกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ‘วิถีชีวิตแบบ Zero Waste’ หรือการ ‘ลดขยะให้เหลือศูนย์’ จึงไม่ได้เป็นเพียงกระแสหรือเทรนด์รักษ์โลกชั่วคราวอีกต่อไป แต่มันคือแนวคิดสำคัญที่ SCB เชื่อมั่นว่าทุกคนสามารถเริ่มต้นและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง แม้การลดขยะให้เป็นศูนย์อาจฟังดูเป็นเรื่องที่ยาก แต่หลักการสำคัญของมันคือการค่อยๆ ปรับเปลี่ยนนิสัยบางอย่างในตัวเราไปทีละขั้นอย่างมีสติและยั่งยืน ต่อไปนี้คือ Sustainable Living Tips ที่ทุกคนสามารถทำได้แล้วจะรู้ว่าการใช้ชีวิตแบบ Zero Waste ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะ 

 

ทำไมต้อง Zero Waste?

รู้หรือไม่ว่าโลกเราผลิตขยะวันละ 2 พันล้านตัน และตัวเลขนี้กำลังเพิ่มขึ้นทุกวัน ขยะพลาสติกที่เราใช้แป๊บเดียวแล้วทิ้งนั้นใช้เวลาย่อยสลายนานกว่า 500 ปี ซึ่งหมายความว่าถ้วยกาแฟที่คุณใช้เมื่อเช้านี้จะอยู่บนโลกใบนี้นานกว่าชีวิตของคุณ ลูกของคุณ และหลานของคุณรวมกันซะอีก ตัวเลขที่น่าตกใจคือมีพลาสติกถึง 11 ล้านเมตริกตัน ไหลลงสู่มหาสมุทรในแต่ละปี และต้นทุนการจัดการขยะทั่วโลกคิดเป็น 361 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อรวมต้นทุนแฝงของมลพิษและสุขภาพที่เสียหาย

 

แต่ข่าวดีคือ เราไม่จำเป็นต้องเป็นซูเปอร์ฮีโร่สิ่งแวดล้อมที่ทำทุกอย่างได้แบบเพอร์เฟกต์ เราอยากชวนคุณมาเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวันโดยอาศัยหลักที่เรียกว่า 5R’s ที่ใช้ได้จริงในระดับสากล

 

หลัก 5R’s ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งประกอบด้วย 

 

Refuse (ปฏิเสธ)

เริ่มต้นจากการพูดว่า “ไม่เอาค่ะ/ ไม่เอาครับ” รู้จักปฏิเสธถุงพลาสติกตอนซื้อของ ปฏิเสธหลอดพลาสติกตอนสั่งกาแฟแก้วโปรด ปฏิเสธใบปลิวที่มีคนยืนแจกหน้าห้างสรรพสินค้า หรือตามสะพานลอย รวมถึง Skywalk ตามแนวรถไฟฟ้า การปฏิเสธที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กนี้ มันคือการตัดต้นตอปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งเป็นแนวทางที่สนับสนุนโดยกลุ่ม Zero Waste เช่น Bea Johnson และองค์กรอย่าง Greenpeace ผลลัพธ์ที่วัดได้จากการห้ามใช้ถุงพลาสติกในเพียง 3 รัฐและสองเมืองของสหรัฐอเมริกาสามารถลดการใช้ถุงพลาสติกใช้ครั้งเดียวได้ประมาณ 6 พันล้านใบต่อปี การปฏิเสธที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กนี้ มันคือการตัดต้นตอปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

 

Reduce (ลด)

ลดการซื้อของที่ไม่จำเป็น ก่อนซื้ออะไรให้ถามตัวเองว่า “ใช้จริงไหม?” “มีของเก่าที่ใช้งานได้อยู่แล้วไหม?” “ยืมหรือเช่าได้ไหม?” บางครั้งเราซื้อของเพราะความอยากชั่วขณะมากกว่าความจำเป็น ก็เป็นการสะสม Waste ให้โลกใบนี้มีมากขึ้น ซึ่งไม่ดีเลย การถามตัวเองก่อนว่าซื้อมาแล้วจะได้ใช้จริงไหม จึงเข้ากับหลักการของ Conscious Consumerism ที่ใส่ความมีจิตสำนึกลงไปด้วยทุกครั้งในการจะจับจ่ายซื้อของ ซึ่งจากรายงานของ Waste & Resources Action Programme (WRAP) ชี้ให้เห็นเลยว่าการเปลี่ยนพฤติกรรมซื้อของให้น้อยลงหรือใช้ซ้ำสามารถลดคาร์บอนฟุตพรินต์ได้ถึง 25% ต่อปีต่อคนเลยนะ! 

 

Reuse (ใช้ซ้ำ)

จากแก้วเทียนหอมกลายเป็นที่ใส่แปรงแต่งหน้า จากกล่องลังพัสดุกลายเป็นบ้านหลังน้อยให้แมวเล่นหรือฝนเล็บ จากเสื้อยืดเก่าที่ไม่ใส่แล้วกลายเป็นผ้าเช็ดทำความสะอาด เห็นไหมว่าไอเดียการใช้ซ้ำนั้นทำได้หลากหลาย และไม่ใช่แค่การประหยัดเท่านั้น แต่เป็นการเอาชนะระบบบริโภคนิยมไปในตัวด้วย ทั้งนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ตามข้อมูลของ Journal of Positive Psychology ชี้ว่าคนที่ฝึกใช้ชีวิตแบบมินิมอล หรือซื้อของอย่างมีสติ มีระดับ “ความพึงพอใจในชีวิต” สูงกว่ากลุ่มปกติ โดยเฉลี่ย 23%

 

Recycle (รีไซเคิล)

เมื่อสิ่งของที่เราซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ หรือขยะในห้องที่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ให้กำจัดด้วยการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง โดยเรียนรู้วิธีแยกขยะและทำจนเป็นนิสัย เพราะขยะที่แยกผิดประเภทอาจทำให้ขยะทั้งถุงไปฝังกลบแทนที่จะรีไซเคิล ยกตัวอย่างประโยชน์ที่เห็นผลชัดเจนในสหราชอาณาจักรพบว่าการรีไซเคิลช่วยลด CO₂ ได้ 10–15 ล้านตันต่อปี ซึ่งเทียบได้กับการนำรถยนต์ 3.5 ล้านคันออกจากถนน

 

Rot (ย่อยสลาย)

รู้หรือไม่ว่าพวกเศษอาหารคือทรัพยากร ไม่ใช่ขยะเสมอไป เราสามารถเริ่มต้นทำปุ๋ยหมักจากเศษผักผลไม้ หรือหาจุดรับเศษอาหารในชุมชน เพื่อสร้างประโยชน์ให้มันได้อีก การทำปุ๋ยหมักไม่ได้เหม็นและยุ่งยากอย่างที่คิดเลยนะ หากทำอย่างถูกวิธี เช่น ระบบถังหมักปิด, ถังทำน้ำหมัก, หรือการใช้ Bokashi Bin ถังหมักขยะอาหารแบบปิดสนิทที่ใช้กระบวนการหมักแบบไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งข้อมูลจาก U.S. Environmental Protection Agency Office of Research and Development พบว่าการเปลี่ยนขยะอาหาร 75% ให้เข้าสู่กระบวนการหมัก จะลดการปล่อยก๊าซได้ถึง 80–90% เมื่อเทียบกับการฝังกลบ

 

ไอเดียการเริ่มต้น เปลี่ยนโลกใบเล็กด้วยวิถี Zero Waste Living แบบสบายๆ ไม่ต้องเครียด

 

Operation ถุงผ้า

เริ่มจากการใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก พกไว้ในกระเป๋า ไว้ในรถ ไว้ข้างประตูบ้าน ลืมพกไป? ไม่เป็นไร ยังมีโอกาสใหม่พรุ่งนี้ การนำถุงผ้ามาใช้ช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกได้อย่างมาก เช่น หากทุกครอบครัวลดใช้ถุงพลาสติกให้ได้ 10 ใบต่อเดือน เพียงแค่ 25% ของครอบครัวก็ช่วยลดถุงได้ 2.5 พันล้านใบต่อปี

 

พกน้ำขวดส่วนตัว

ซื้อขวดน้ำที่ชอบจริงๆ ที่ดูดี ใช้สะดวก ใช้ได้ทุกวันแบบไม่เบื่อ เพราะถ้าไม่ชอบจะไม่ใช้ การลงทุนกับขวดน้ำที่ดี คือการลงทุนเพื่อนิสัยใหม่ และพามันไปทุกที่ได้เลย หากเราใช้ขวดน้ำส่วนตัว จะสามารถลดการใช้ขวดพลาสติกได้เฉลี่ย 156 ขวดต่อปีเลยนะ

 

มีภาชนะใส่อาหารของตัวเอง

พกกล่องใส่อาหารไปซื้อข้าวแกง ใส่ผลไม้ หรือเก็บของหวานที่เหลือ ร้านส่วนใหญ่ยินดีใส่ให้ เพียงแต่เราต้องเป็นคนเริ่มต้นถามก่อน เป็นอีกวิธีที่ลดปริมาณขยะจากร้านค้าได้เลย เพราะข้อมูลภาคบริการอาหารหรือร้านต่างๆ พบว่ามีการใช้ภาชนะแบบใช้ครั้งเดียวมากเป็นอันดับต้นๆ ของขยะในโลก แต่หากเปลี่ยนมาใช้ซ้ำได้ จะลดขยะได้ถึง 81% 

 

สำรวจ Refill Station

ลองหาร้านที่มีบริการรีฟีลเติมเจลอาบน้ำ ยาสระผม น้ำยาทำความสะอาด ถ้าไม่มี ลองใช้วิธีซื้อไซส์ใหญ่สุด แล้วมาเทแบ่งใส่ขวดรีฟีลเองที่บ้าน ซึ่งดีกว่าซื้อไซส์เล็กๆ พอใช้หมดถ้าซื้อบ่อยๆ ก็เพิ่มขยะไม่รู้ตัว ข้อมูลจากโครงการ Algramo ในชิลี พบว่าผู้บริโภคสามารถประหยัดเงินได้ ประมาณ 30% เมื่อเติมผลิตภัณฑ์แทนซื้อขวดใหม่

 

ปรับฟีเจอร์ชีวิต Zero Waste ในครัว

รู้ไหมว่าอาหารที่ถูกทิ้งคิดเป็น 8–10% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก แต่เรามีส่วนช่วยลด Food Waste ได้ด้วยการวางแผนการซื้อของเข้าตู้เย็นให้ดี ควรซื้อของสดแทนของแช่แข็งที่ห่อพลาสติกเยอะ ใช้ภาชนะแก้วแทนพลาสติก เรียนรู้วิธีเก็บรักษาผักผลไม้ให้สดและอยู่ได้นาน สำหรับในห้องน้ำ เราสามารถเปลี่ยนไปใช้สบู่ก้อนแทนเจลอาบน้ำในขวดพลาสติก ใช้ยาสีฟันชนิดเม็ด หรือผงแทนยาสีฟันแบบหลอด ใช้แปรงสีฟันไม้ไผ่ สำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือน รู้ไหมว่าการ Menstrual Cup หรือถ้วยอนามัยแทนผ้าอนามัยก็เป็นวิธีที่เวิร์กสุดๆ ในการลดขยะได้ดีเลย



แค่ทานข้าวให้หมดจานก็ช่วยเรื่อง Zero Waste ได้นะ

ตามข้อมูลของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และรายงาน Food Waste Index Report 2021 พบว่าทั่วโลกมีขยะอาหารสูงถึง 931 ล้านตันต่อปี ซึ่งมากกว่า 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตได้ทั้งหมดถูกทิ้งไป โดยขยะอาหารที่เกิดขึ้นในครัวเรือนมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 61% (ประมาณ 570 ล้านตัน) ของขยะอาหารทั้งหมดการทานอาหารให้หมดจาน ไม่เหลือทิ้ง เป็นวิธีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังในการลดปริมาณขยะอาหารที่ปลายทาง แม้ดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากทุกคนในโลกร่วมมือร่วมใจกันทำ และถอยออกมามองเป็นภาพใหญ่ การทำเรื่องเล็กๆ แบบนี้แหละที่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อโลกของเราได้จริงๆ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising