อ่อนเพลียทั้งที่ไม่ได้นอนดึก, ป่วยง่าย, แถมยังปวดเมื่อยอยู่บ่อยๆ หลายคนอาจจะคิดว่านี่เป็นสัญญาณของอายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือแค่ความเครียดจากการทำงาน แต่ความจริงแล้ว นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายของคุณกำลังขาด ‘วิตามินดี’ โดยไม่รู้ตัว
ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคนี้ที่วนเวียนอยู่กับการทำงานในอาคารเป็นหลัก ก็ยิ่งทำให้ร่างกายของเราแทบไม่เคยได้สัมผัสแสงแดด ซึ่งเป็นแหล่งผลิตวิตามินดีที่สำคัญที่สุด
วันนี้ LIFE เลยอยากชวนทุกคนมาเช็กกันสักนิดว่า ร่างกายของคุณกำลังมีภาวะขาดวิตามินดีอยู่หรือไม่ กับ 6 สัญญาณเตือนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
1. ป่วยบ่อย ติดเชื้อง่าย
วิตามินดีคือหัวใจสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน หากคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นหวัดง่าย หรือป่วยบ่อย อาจเป็นไปได้ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังอ่อนแอจากการขาดวิตามินดี
2. อ่อนเพลียและเหนื่อยล้าตลอดเวลา
นอนเต็มอิ่ม 8 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่สดชื่น ตกบ่ายยิ่งง่วงซึมหนักกว่าปกติ นี่เป็นสัญญาณคลาสสิกที่ร่างกายอาจกำลังฟ้องว่ามีระดับวิตามินดีไม่เพียงพออีกเช่นกัน
3. ปวดหลัง ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ
ชาวมนุษย์ตัวติดจอที่ปวดหลัง ปวดเอวเป็นปกติ อย่าเพิ่งทึกทักว่าเป็นออฟฟิศซินโดรมเสมอไป เพราะต้นตออาจมาจากการขาด วิตามินดีที่ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมไปใช้กับกระดูกได้ไม่เต็มที่ จนเกิดเป็นอาการปวดกระดูกและกล้ามเนื้อเรื้อรังขึ้นมาได้
4. อารมณ์แปรปรวน รู้สึกเศร้า หรือหดหู่
ในสมองของเรามีตัวรับวิตามินดีในส่วนที่ควบคุมอารมณ์ การขาดวิตามินดีจึงอาจส่งผลโดยตรงต่อสภาพจิตใจ ทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่คงที่ หรือรู้สึกเศร้าซึมบ่อยๆ โดยไม่มีเหตุผล
5. แผลหายช้ากว่าปกติ
วิตามินดีมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่และควบคุมการอักเสบ หากบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เช่น มีดบาด หรือแผลถลอก กลับใช้เวลานานหลายวันกว่าจะสมานตัว อาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าร่างกายกำลังขาดวิตามินดีได้
6. ผมร่วงผิดปกติ
ปัญหาผมร่วงมากกว่าปกติ อาจไม่ใช่แค่เรื่องของกรรมพันธุ์เสมอไป แต่อาจเป็นสัญญาณของการขาดวิตามินดีอย่างรุนแรง ซึ่งจำเป็นต่อการทำให้รูขุมขนแข็งแรงและสร้างเส้นผมใหม่
หากดูแล้วสิ่งที่กล่าวมาแทบจะตรงกับตัวเองทุกข้อ อย่าเพิ่งรีบไปซื้อวิตามินดีมากินเองเพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะเป็นพิษได้ แต่ให้เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการปรับไลฟ์สไตล์ รับแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าให้มากขึ้น กินอาหารที่มีวิตามินดีตามธรรมชาติ เช่น ปลาแซลมอน เห็ด หรือไข่แดง เป็นต้น
ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีความกังวลใจ ทางออกที่ปลอดภัยและดีที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงและอาจต้องตรวจระดับวิตามินดีที่ช่วยยืนยันผลได้แม่นยำ
อ้างอิง:
- https://www.webmd.com/vitamins-and-supplements/what-to-know-about-vitamin-d-and-mental-health
- https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/15050-vitamin-d-vitamin-d-deficiency
- https://www.healthline.com/nutrition/vitamin-d-from-sun#amount-of-skin
- https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/expert-answers/vitamin-d-toxicity/faq-20058108#:~:text=Health%20effects%20of%20vitamin%20D,troubles%20such%20as%20kidney%20stones.
- https://www.yalemedicine.org/conditions/vitamin-d-deficiency
- https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC3188408/