ช่วงที่ผ่านมาใครที่ติดตามวงการสุขภาพคงไม่มีใครไม่รู้จักคำว่า ‘Ultra-Processed Food’ (UPF) หรืออาหารแปรรูปสูงที่กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากหนังสือ Ultra-Processed People เขียนโดย Dr. Chris van Tulleken แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ และพิธีกรชื่อดังจาก BBC
หนังสือเล่มนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกและกลายเป็นหนังสือขายดีอันดับ 1 ของ Sunday Times จากการเปิดโปงว่า อาหารแปรรูปสูงเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง ‘อาหารขยะ’ แต่ถูกออกแบบให้อร่อยจนเสพติด และอาจเป็นต้นตอของวิกฤตสุขภาพในยุคนี้
ในขณะที่หนังสือเล่มนี้ยังคงเป็นที่พูดถึงในแวดวงสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีงานวิจัยชิ้นใหม่จาก Cell Metabolism ที่ตอกย้ำถึงภัยเงียบของมันในอีกมิติที่เหล่าสุภาพบุรุษต้องพึงระวัง
งานวิจัยนี้ศึกษาในกลุ่มผู้ชาย 43 คน โดยให้แต่ละคนทดลองกินอาหาร 2 รูปแบบสลับกัน คือ อาหารธรรมชาติและอาหารแปรรูปสูงเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ต่อรูปแบบ มีการควบคุมแคลอรีทั้งในระดับที่พอดีและเกินกว่าปกติ โดยอาหารทั้งสองชนิดจะมีสารอาหารหลักอย่างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันที่ใกล้เคียงกัน
หลังจบแต่ละช่วง นักวิจัยจะเก็บตัวอย่างเลือด น้ำอสุจิ และสแกนส่วนประกอบของร่างกาย (DXA Scan) เพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ
ผลจากการทดลองพบว่า…
1. ระบบฮอร์โมนเพศชายรวน
การกินอาหารแปรรูปทำให้ฮอร์โมน FSH (Follicle-stimulating Hormone) ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตอสุจิ มีระดับลดลงอย่างชัดเจนในกลุ่มที่กินแบบแคลอรีเกิน
ในขณะเดียวกัน ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมสมรรถภาพทางเพศ มวลกล้ามเนื้อ และอารมณ์ มีแนวโน้มลดลงในกลุ่มที่กินแบบแคลอรีพอดี
2. คุณภาพอสุจิมีแนวโน้มแย่ลง
พบแนวโน้มว่าการเคลื่อนไหวของอสุจิ (Sperm Motility) ลดลง แต่ผลลัพธ์ดังกล่าวยังไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
3. สุขภาพโดยรวมถดถอย
การกินอาหารแปรรูปสูงทำให้น้ำหนักและมวลไขมันเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะกินในปริมาณแคลอรีที่พอดีหรือเกินกว่าปกติ นอกจากนี้ ในกลุ่มที่กินแบบแคลอรีพอดียังพบว่ามีระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) สูงขึ้น
สรุปได้ว่า การกินอาหารแปรรูปเป็นประจำไม่ได้แค่ทำให้น้ำหนักตัวและไขมันในเลือดสูงขึ้น แต่ยังรบกวนสมดุลของฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการสร้างอสุจิอีกด้วย
ท้ายที่สุด แม้ว่างานวิจัยชิ้นนี้จะเจาะจงไปที่สุภาพบุรุษ แต่เราเชื่อว่า ‘สุขภาพ’ ยังคงเป็นเรื่องสำหรับทุกคน และคำกล่าวที่ว่า “You are what you eat.” ก็ยังเป็นเรื่องจริงเสมอ
อย่างไรก็ตาม หัวใจของการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืนอาจไม่ใช่การปฏิเสธอาหารที่เรารักอย่างสิ้นเชิง แต่คือการ ‘รู้จักบาลานซ์’ เราอาจจะเน้นอาหารหลักจากธรรมชาติที่มีโภชนาการครบถ้วน แล้วเหลือพื้นที่ไว้สำหรับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในปริมาณที่พอดี เพราะการตึงเครียดกับทุกอย่างมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต และวนลูปมาทำร้ายสุขภาพกายของเราได้อีกเช่นกัน
อ้างอิง:
- https://www.cell.com/cell-metabolism/fulltext/S1550-4131(25)00360-2
- https://www.news-medical.net/news/20250831/Ultra-processed-foods-affect-sperm-quality-and-metabolism-even-without-extra-calories.aspx#:~:text=These%20foods%2C%20classified%20as%20NOVA,harm%20reproductive%20and%20metabolic%20functions.
- https://www.health.harvard.edu/staying-healthy/testosterone–what-it-does-and-doesnt-do
- https://my.clevelandclinic.org/health/articles/24101-testosterone
- https://my.clevelandclinic.org/health/articles/24638-follicle-stimulating-hormone-fsh
- https://miradorgroup.co.uk/chris-van-tulleken/
- https://www.rigb.org/explore-science/explore/person/dr-chris-van-tulleken