Suki Masa Erawan สุกี้ยากี้สไตล์คันไซสาขาใหม่ในบรรยากาศป่าไผ่อาราชิยามะ

เราจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ลองสุกี้ยากี้สไตล์คันไซของ Suki Masa เราก็ติดใจความหอมเข้มข้นของทั้งเนื้อ ทั้งซอสในทันที จนตอนนี้นึกถึงทีไรก็ยังจำรสชาติที่ติดบนลิ้นได้อยู่ ทำให้ตั้งแต่เห็นป้ายว่าเขากำลังจะเปิดสาขาใหม่ในตึก Erawan Bangkok เราก็ตั้งตารออย่างสุดๆ เลย

The Vibe

‘Suki Masa Erawan Bangkok’ เป็นสาขาใหม่แห่งที่ 4 ของแบรนด์ Suki Masa แน่นอนว่าร้านมาในบรรยากาศไม่ซ้ำกับสาขาอื่นๆ ก่อนหน้า เพราะแบรนด์ตั้งใจที่จะไม่มีสาขาไหนบรรยากาศซ้ำกัน ทำให้หลังจากมีร้านสุกี้ยากี้ในบรรยากาศเรือไอน้ำจากยุคเมจิ ตรอกเก่าในเกียวโต และสวนเซนสไตล์ญี่ปุ่น Suki Masa สาขาใหม่ที่ Erawan Bangkok จึงหยิบสถานที่ยอดนิยมในเกียวโตอย่าง ‘ป่าไผ่อาราชิยามะ’ มาเป็นแรงบันดาลใจ และเลือกป่าไผ่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงมาโดยเฉพาะ

Suki Masa Erawan Bangkok จึงมาในโทนสีดำทว่าดูอบอุ่นเป็นธรรมชาติ มีต้นเมเปิ้ลกำลังเปลี่ยนสีเป็นไฮไลต์ โดยเป็นงานศิลปะฝีมือคนไทย เช่นเดียวกับภาพศิลปะบนผนังที่ทำให้นึกถึงช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก

The Taste

นอกจากสุกี้ยากี้สไตล์คันไซ อีกไฮไลต์ของ Suki Masa ที่ทำให้หลายคนอยากกลับมาซ้ำก็ต้องเป็นเนื้อ Kuroge Wagyu ที่ร้านคัดมาให้เลือกหลายๆ ชนิด มีตั้งแต่ A5, A4 และ F1 ที่เป็นซิกเนเจอร์ แต่สำหรับสาขาใหม่ ร้านก็มีเมนูใหม่ล่าสุดให้ลองด้วย และเราเชื่อว่าหลายคนต้องชอบ

นั่นก็คือ Suki Masa Yaki เป็นยากินิกุสไตล์สุกี้ยากี้ เราได้ลองกับเนื้อ Zabuton A4 (1,250 บาทต่อชุด) ที่เหมาะกับเมนูยากินิกุ โดยร้านใช้ส่วนสตริปลอยน์ เป็นส่วนที่ดีที่สุดและไขมันแทรกสวย จึงมีความนุ่มละลาย เวลากินให้พับเนื้อห่อกับต้นหอมญี่ปุ่นที่โรยมาแล้ว ก่อนนำไปย่างบนกระทะสุกี้ยากี้ ราดซอสยากินิกุให้หอม ซึมเข้าเนื้อ พอเนื้อสุกกำลังดีให้นำขึ้นจุ่มกับไข่ดิบแล้วกินได้เลย แต่เราแนะนำให้ลองจิ้มกับซอสผสมน้ำมันงาพริกด้วย รสชาติจะจัดจ้านขึ้น เข้มข้นขึ้น กินได้เยอะขึ้น เพราะไม่เลี่ยน

Sukiyaki A4 (1,250 บาทต่อชุด) สุกี้ยากี้ฉบับคันไซดั้งเดิมอันเลื่องชื่อของร้าน ถ้าใครยังไม่เคยลองจะแวะมาครั้งแรกที่นี่ก็ได้ โดยวันนี้ร้านแนะนำให้ลองกับเนื้อวากิว A4 หลังจากเทซอสวาริชิตะที่เป็นตัวชูโรงของชาวคันไซลงบนกระทะ ก็ให้นำเนื้อลงไปวางให้ไปพอสุก รสชาติซอสจะซึมเข้าเนื้อและส่งกลิ่นหอม จากนั้นก็ชิมรสเนื้อได้เลย แล้วคำต่อไปค่อยจุ่มไข่ดิบหรือจิ้มพอนสึ

ถ้าใครชอบรสเข้มข้นก็เคี่ยวซอสให้ข้นขึ้นหน่อย และไม่ต้องกลัวว่าจะทำเองไม่อร่อย เพราะปกติแล้วจะมีพนักงานคอยทำให้

Shabu Shabu Karubi (950 บาทต่อชุด) คนชอบซดน้ำซุปเข้มข้นๆ หอมๆ ให้ส่ังชาบูซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวนาน 8 ชั่วโมง เพราะเป็นอีกเมนูแนะนำ เราได้ลองเนื้อซี่โครง (Kurubi) ที่มันน้อย แนะนำให้ต้มซุปกับผักจนน้ำเดือดแล้วค่อยนำเนื้อลงไปแกว่งให้พอสุก จิ้มกับซอสงาหรือพอนสึก็ได้ วันไหนที่เราอยากกินเนื้อแบบเบาๆ สบายท้องก็จะสั่งเมนูนี้

พอกินจบแล้วเราอยากให้เผื่อท้องเอาไว้ด้วยนะ เพราะถ้าเส้นอูด้งหรือข้าวที่ให้มาในชุดเหลือ พนักงานจะทำข้าวผัดหรือข้าวต้มให้เราหน้าเตา และบอกเลยว่าข้าวผัดสูตร Suki Masa ทำเรากินต่อได้จริงๆ ข้าวทุกเม็ดเคลือบซอส รสชาติหอมกระเทียม ถ้าใครไหวควรไปต่อ!

แล้วยังมีอีกเมนูที่เราไม่อยากให้พลาด Masa Garden Bakudan (480 บาท) เป็นของกินเล่นที่ดีทั้งรสชาติและเท็กซ์เจอร์ เพราะเสิร์ฟสาหร่ายมาให้เราย่างบนเตา ก่อนตักซาชิมิรวมที่มีปลา ปู หมึก และผักดองกับไข่ดิบ นำวางลงบนสาหร่าย แล้วกินเต็มคำ เป็นเมนูที่ทั้งสดชื่น กลมกล่อม และกินสนุกมาก

ปิดท้ายด้วย Kuzukiri (180 บาท) ของหวานดั้งเดิมจากเกียวโตที่มีประวัติยาวนานถึงร้อยปี เป็นแผ่นวุ้นแบนๆ แช่ในน้ำเชื่อมเย็นๆ เวลากินให้คีบเส้นแล้วจุ่มน้ำเชื่อมสีน้ำตาลและผงถั่วเหลือง หรือใครชอบความหอมสดชื่นจะนำขิงฝนผสมในน้ำเชื่อมด้วยก็ได้

Good for…

สุกี้ยากี้และเนื้อวากิวญี่ปุ่นของ Suki Masa ยังทำให้เราติดใจได้เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้เราอยากกลับมาที่ Suki Masa Erawan Bangkok อีกคือบรรยากาศ เพราะค่อนข้างโปร่งสบาย ที่นั่งไม่แออัด มีห้องส่วนตัว มีแสงธรรมชาติ แถมยังเดินทางมาง่ายด้วย

ถ้าใครเป็นสายสุกี้ยากี้แบบญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องรีบแวะมาแล้วล่ะ