เราต่างรู้ดีว่าการนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด ประหนึ่งได้ชาร์จพลังแห่งชีวิตหลังจากที่ออกไปผจญกับสิ่งต่างๆ รอบตัวมาในแต่ละวัน ทว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เผชิญกับภาวะการนอนไม่หลับ หลับยาก หลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน โดยสาเหตุเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม, โรคต่างๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ, ช่วงวัย, รูปแบบการใช้ชีวิต, การใช้ยาบางชนิด, สภาพแวดล้อมในขณะนอน หรือความเครียดวิตกกังวลกับสารพันเรื่องที่ถาโถมเข้ามาช่วงกลางคืน ซึ่งการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอแรกๆ อาจจะส่งผลให้รู้สึกไม่สดชื่น, หม่นหมอง, เหนื่อยเพลีย, สมองตื้อ, คิดอะไรไม่ออก และไม่มีสมาธิ แต่หากสะสมนานวันเข้าอาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน, โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน หรือโรคซึมเศร้า
ส่วนเรื่องอาการนอนกรนมักเป็นสิ่งที่เราต่างมองข้าม… ‘เพราะเราไม่รู้ว่าเรานอนกรนหรือเปล่า’ นอกเสียว่าใครที่ได้มานอนด้วยอาจจะประสบปัญหากับตัวจนต้องทัก การนอนกรนอาจฟังดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าต้องกังวลมากนัก แต่ความจริงแล้วมันสามารถส่งผลเสียและอาจอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน สาเหตุที่ทำให้เกิดการนอนกรนนั้นเกิดจากระบบทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบ ทำให้ลมหายใจไม่สามารถผ่านไปยังหลอดลมและปอดได้อย่างสะดวก ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เมื่อช่องลมถูกปิดกั้นจนเล็กลงก็จะส่งผลให้เกิดเป็นเสียงกรนขึ้น นอกจากนี้ การนอนกรนยังมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดคุณภาพการนอนที่ไม่ดี และได้ของแถมเป็นผลเสียตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
ในกรณีที่เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับก็ยังสามารถส่งผลให้เกิดโรคทางสมองและหลอดเลือดหัวใจ เช่น โรคความดันโลหิตสูง, ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด และโรคของหลอดเลือดสมอง และในกรณีผู้ชายอาจมีส่วนทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้อีกด้วย
การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบองค์รวมถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นได้ แต่หากใครที่กำลังมองหาทางเลือกการรักษาที่ปลอดภัย แถมยังได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจราวกับทำสปาไปเบาๆ เราอยากพาไปทำความรู้จักกับทรีตเมนต์ ‘SleepMore, SnoreLess’ ที่ Sleep Labb (SLL Clinic)
What Is It?
Sleep Labb หรือ SLL Clinic คือคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการให้บริการและการรักษาด้านการนอนหลับอย่างครบวงจร โดยมี Sleep Technician ตรวจวัดคุณภาพการนอนและความเสี่ยงในการนอนหลับ อีกทั้งมีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา โดยจะเป็น Consult อย่างละเอียดเพื่อวางแผนรักษา ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำการใช้สารสกัด CBD ที่ผ่านการวิจัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ การทำทรีตเมนต์ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอน ซึ่งตัวทรีตเมนต์จะเป็นการรักษาด้วยเครื่องมือทันสมัยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสำหรับใช้ทางการแพทย์โดยเฉพาะ
ภายในคลินิกมีโซนต้อนรับกว้างขวาง ตกแต่งอย่างสบายตา และด้วยสถานที่ตั้งชั้น 30 ของโรงแรม Grand Center Point Ploenchit ทำให้มองเห็นวิวกรุงเทพฯ ได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีห้องให้คำปรึกษา ห้องตรวจ และห้องทรีตเมนต์แบบเดี่ยว-คู่ แยกอย่างเป็นสัดส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัว
ในส่วนของทรีตเมนต์ที่เราเลือกรับบริการคือ SleepMore, SnoreLess (6,500 บาท / 75 นาที) ซึ่งจุดประสงค์ตรงตามชื่อทุกประการคือ เพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับและลดอาการนอนกรน โดยจะเป็นการรักษาด้วยเครื่อง Radio Frequency (RF) พร้อมบริการกดจุดสัญญาณเพื่อความผ่อนคลาย
Experience
ห้องที่เราเข้ารับบริการมีความกว้างขวางและเป็นส่วนตัวมาก มีห้องน้ำส่วนตัวที่มีห้องอาบน้ำในตัว มีโต๊ะเครื่องแป้ง ที่เก็บสัมภาระต่างๆ ครบครัน มีพื้นที่ให้นั่งจิบน้ำจิบชา ซึ่งที่นี่ก็จะเสิร์ฟชาคาโมไมล์ ชาผสมใบกัญที่ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย แก้อักเสบในร่างกาย และช่วยทำให้หลับสบายขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีฤทธิ์ทำให้มึนเมา เพราะสัดส่วนของใบกัญชาที่ทางคลินิกใช้อยู่ที่ 20% และปริมาณสาร THC (สารที่ส่งผลต่อระบบประสาท) ไม่ได้มีปริมาณมากพอที่จะทำให้เมาได้ รวมถึงความเข้มข้นที่ชงจะอยู่ในระดับที่พอดี
หลังจากที่เปลี่ยนเป็นชุดคลุมก็ขึ้นเตียงเตรียมพร้อมสำหรับโปรแกรม ซึ่งตัวโปรแกรมจะถูกแบ่งเป็น 2 ทรีตเมนต์ เริ่มจาก ‘SleepMore’ ซึ่งหน้าที่ของเราคือการนอนคว่ำ ติดแผ่นสื่อที่หน้าท้อง แล้วปล่อยกายปล่อยใจให้พักผ่อนอย่างสงบตลอด 45 นาที
เริ่มแรกแพทย์จะลงน้ำมัน CBD นวดทั่วบริเวณแผ่นหลัง สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความหอมอ่อนๆ ของน้ำมันที่ชวนปรับมู้ดให้ผ่อนคลายขึ้นในทันที
จากนั้นเป็นการลงครีมแล้วใช้เครื่อง RF นวด ซึ่งแพทย์จะคอยสอบถามอยู่เรื่อยๆ ว่าอุณหภูมิพอดีหรือไม่ เพราะการที่จะทำให้ทรีตเมนต์มีประสิทธิภาพสูงสุดจะต้องอาศัยอุณหภูมิของเครื่องที่อุ่นในระดับหนึ่ง
หลักการทำงานของเครื่อง RF คือการส่งพลังงานความถี่ความถี่ที่ 448 kHz ลงไปใต้ชั้นผิว ซึ่งสามารถลงลึกไปถึงชั้นกระดูกและสะท้อนคลื่นออกมาที่ชั้นผิวหนัง โดยให้ประโยชน์หลายส่วนในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็นส่วนของชั้นกล้ามเนื้อที่จะช่วยลดความเครียดของเซลล์ ทำให้เซลล์คลายตัว ลดความตึงของกล้ามเนื้อ ส่วนของชั้นผิวหนังเองก็จะช่วยในเรื่องการสร้างคอลลาเจนด้วยการเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวหนัง ช่วยให้รู้สึกชุ่มชื้น กระจ่างใส สามารถช่วยชะลอวัยได้ ในส่วนของชั้นหลอดเลือดก็จะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวได้มากขึ้น ลดสารก่อความเครียดตามผนังหลอดเลือดหรือไขมันที่เกาะหลอดเลือด เมื่อเลือดจับกับออกซิเจนได้ดีขึ้นก็จะส่งผลให้เซลล์ต่างๆ ของร่างกายและเซลล์สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่เพียงพอ ส่งผลให้นอนหลับผ่อนคลายยิ่งขึ้นในท้ายที่สุด
หลังจากเสร็จสิ้นการนวด RF ก็จะเป็นการกดจุดด้วยมือ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่เราประทับใจที่สุด เรียกได้ว่า ‘โดนทุกจุด’ ใครที่มีไลฟ์สไตล์นั่งโต๊ะตาติดจอตลอดจนเกิดเป็นภาวะโรคฮิตอย่างออฟฟิศซินโดรม จะต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอน บริเวณที่กดจุดนั้นมีตั้งแต่ส่วนหลัง บ่า ไหล่ และคอ ซึ่งให้ความผ่อนคลายสบายจนไม่อยากให้ Session นี้จบ
หลังจากที่ครบ 45 นาทีแล้ว ก็จะเป็นในส่วนของ ‘SnoreLess’ ต่อ โดยทรีตเมนต์นี้จะเป็นการนอนหงายแทน เพราะจะเน้นการรักษาบริเวณลำคอ เช่นเดิมเราจะต้องติดแผ่นสื่อซึ่งครั้งนี้เป็นการติดที่ส่วนหลัง แพทย์จะลงน้ำมัน CBD ตามด้วยครีม แล้วรักษาด้วยเครื่อง RF เช่นเดิม โดยจะมีด้วยกันสองหัวซึ่งจะต่างกันในเรื่องระดับความลึกของพลังงาน ทั้งในส่วนลึกถึงมวลกระดูกและระดับตื้น โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมตามแต่ละเคสว่าเหมาะที่จะใช้หัวไหนก่อน หรืออาจเลือกใช้แค่หัวใดหัวหนึ่งในการรักษา
“เคสส่วนใหญ่ที่มีอาการกรนเกิดจากการที่กล้ามเนื้อหลังโพรงจมูก กล้ามเนื้อเพดานอ่อนและลิ้นไก่ที่หย่อนปิดทางเดินหายใจ เวลาหายใจเข้ามันก็จะกระพือหรือสั่น เกิดเป็นเสียงกรน คลื่นตัวนี้ก็จะช่วยส่งพลังงานลึกถึงเนื้อเยื่อตรงส่วนนั้นได้ ส่วนในคนที่มีภาวะอ้วน มีไขมันพอกบริเวณคอเยอะ ซึ่งทำให้เกิดการนอนกรน เครื่องนี้ก็สามารถช่วยลดไขมันในช่องคอได้เช่นกัน” แพทย์เสริม
นอกจากประโยชน์ในเรื่องการนอนกรนแล้ว สาวๆ หรือใครที่กังวลเรื่องกรอบหน้าหย่อนคล้อยหรือเหนียงไม่กระชับคงต้องยิ้มออก เพราะเครื่อง RF นี้ยังมีส่วนช่วยให้ผิวกระชับไปในตัว หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนตัวเครื่องแล้ว ก็จะตามมาด้วยการกดจุดด้วยน้ำมัน CBD อีกครั้ง ซึ่งยังคงโดนทุกจุดและให้ความผ่อนคลายขั้นสุดเช่นเคย
Result
หลังทำทันทีรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตึงน้อยลง เบาสบายตัวขึ้น ตัวน้ำมัน CBD ของที่นี่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ส่วนผลลัพธ์ในเรื่องของการนอนหลับหรือกรนนั้นจะต้องอาศัยการรักษาต่อเนื่องในระยะยาว เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
Good For
Sleep Labb (SLL Clinic) คือจุดหมายของคนที่มีปัญหาการนอนหลับโดยแท้ ด้วยบริการทรีตเมนต์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายตามความต้องการ มีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาอย่างละเอียด เครื่องมือที่ใช้ล้วนได้มาตรฐาน ตัวคลินิกเองก็มีความสะอาด และยิ่งถ้าใครมองหาสถานที่ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ต้องลองแวะมาใช้บริการที่นี่เลย
Sleep Labb (SLL Clinic)
Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.
Address: 30th Floor, Grande Centre Point Ploenchit
Budget: 6,500 บาท ต่อ 75 นาที
Tel: 02 651 5227
Facebook: SLL Clinic – Sleep Labb
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์
อ้างอิง: