อย่างที่รู้กันว่าย่านเจริญกรุงนั้นเต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ที่ซ่อนแอบอยู่ทุกมุมถนน และร้านอาหารบรรยากาศดีน่าแวะมาเช็กอินอย่าง rose and ray ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เราไม่อยากให้ทุกคนพลาด โดยร้านแห่งนี้มีเจ้าของเดียวกับร้านเค้ก Summer Forest ทว่าที่นี่เน้นเสิร์ฟเมนูอาหารที่แวะมานั่งกินแล้วทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจ เพราะทุกเมนูดีทั้งรสชาติและหน้าตา
แถมบรรยากาศร้านยังดูอบอุ่น สนุกสนาน แต่ก็มีมุมเป็นส่วนตัว แบบนี้น่าชวนคนพิเศษมานั่งดินเนอร์ด้วยกันสักคืน
The Vibe
rose and ray ซ่อนอยู่บนชั้น 5 ในตึกเก่าติดถนนปากซอยเจริญกรุง 31 เมื่อขึ้นลิฟต์มาทุกคนจะเจอร้านอยู่สุดทางเดิน พร้อมการตกแต่งที่ดูมีความเฟมินีน ทว่าก็มีความเท่ผสมอยู่จากไม้สีเข้มและฉากกั้นบนเพดานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสังกะสีที่มักพบเห็นในย่าน
เราชอบที่ร้านจัดโต๊ะที่นั่งแบบไม่แออัด ทำให้ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัว เช่นเดียวกับบรรยากาศและแสงไฟที่ทำให้มื้อนี้ดูพิเศษ เหมาะเก็บใส่ลิสต์ร้านดินเนอร์ที่น่าชวนกันมานั่งบ่อยๆ
The Taste
เมนูอาหารที่ rose and ray เป็นสไตล์ Casual Dining ที่เน้นรสชาติเข้าถึงง่าย กินด้วยกันแล้วอิ่ม และหยิบวัตถุดิบในย่านเจริญกรุงใส่ลงไปให้น่าสนุกขึ้นด้วย โดยตอนนี้ร้านเสิร์ฟเฉพาะมื้อเย็นในวันธรรมดา ส่วนวันหยุดจะเปิดตั้งแต่มื้อกลางวันให้แวะมานั่งกินมื้อสาย หรือเผื่อว่าใครแวะมาเดินเล่นย่านเจริญกรุงแล้วอยากหาคาเฟ่นั่งพัก จิบเครื่องดื่มกินขนม ก็สามารถขึ้นมาได้เลย
เมนูที่เราอยากแนะนำก็มี Heirloom Tomato Carpaccio (380 บาท) สลัดมะเขือเทศสดจากจังหวัดเชียงใหม่ที่หั่นเป็นชิ้นบางกำลังดี ปรุงด้วยเกลือและน้ำมันมะกอกเท่านั้น กินแล้วสดชื่น เหมาะเป็นจานแรกมากๆ
เช่นเดียวกับ Hamachi Crudo (490 บาท) ปลาฮามาจิซาชิมิที่มาพร้อมซอสยูซุ มัสตาร์ด และน้ำมันมะกอก จานนี้รสชาติสดชื่นเช่นกัน น่าจับคู่กับเครื่องดื่มสักแก้ว อย่างเช่น Talakkia Sour (350 บาท) ค็อกเทลเบสจินผสมองุ่นที่ท็อปด้วยโฟมหม่าล่าด้านบน
Capellini Ponzu Truffle with Hokkaido Hotate (450 บาท) เป็นเมนูที่หลายคนต้องติดใจ จานนี้เป็นพาสต้าเย็นกับหอยเชลล์ฮอกไกโด ราดซอสพอนสึทรัฟเฟิลรสชาติเบาสดชื่น ทำให้กินแล้วไม่เลี่ยนและกินจานอื่นๆ ต่อได้แม้เป็นจานหลัก
แต่ถ้าใครชอบความหอมจัดจ้านมากกว่า ต้องลองเมนู Spaghetti Spicy Bacon Butter Sauce (420 บาท) สปาเกตตีผัดพริกแห้งที่มาพร้อมเบคอนชิ้นโต เพราะมีความเผ็ดเล็กน้อย
ทว่าเมนูที่ห้ามพลาดสุดๆ คือ Australian Black Angus Ribeye (1,890 บาท) เนื้อริบอาย 250 กรัมที่ร้านกริลล์จนสีสวย เนื้อยังหอมนุ่ม กินคู่กับซอสทาร์ทาร์และเฟรนช์ฟรายส์มันหวานแล้วเพลินสุดๆ เลย หรือใครจะสั่งสลัดมากินคู่ด้วยก็ได้ เช่น Talad Noi Caesar Salad (360 บาท) ซีซาร์สลัดใส่เกี๊ยวกุ้งกรอบๆ ที่หยิบมาจากของดีในย่านตลาดน้อย
อย่างที่บอกว่า rose and ray มีเจ้าของเดียวกับร้านเค้ก Summer Forest เพราะฉะนั้นจะพลาดไม่ชิมของหวานได้อย่างไร โดยเฉพาะเมนู Pistachio Raspberry Tiramisu (320 บาท) ทีรามิสุที่ร้านทำเองทุกอย่าง เลเยอร์ด้วยบิสกิตและแยมราสป์เบอร์รีที่เปรี้ยวหวานกำลังดี ตัดกับครีมเนื้อเบาด้านบนและพิสตาชิโอกรุบกรอบ
อีกหนึ่งทีเด็ด Chocolate Mousse Cake (360 บาท) เค้กช็อกโกแลตมูสเข้มข้นสะใจคนรักช็อกโกแลต กินคู่กับไอศกรีมวานิลลาและน้ำมันมะกอก พร้อมเกลือนิดหน่อยช่วยดึงรสชาติ เมนูนี้ลงตัวสุดๆ จนเราเองก็เกือบเบรกไม่อยู่
นอกจากนี้ร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มสไตล์คาเฟ่ที่สั่งได้ทั้งช่วงกลางวันและเย็นด้วยนะ เช่น Khanom Bueang Latte (160 บาท) กาแฟท็อปด้วยครีมขนมเบื้องหวานๆ เค็มๆ ด้านบนมีแผ่นแป้งขนมเบื้องและโรยหัวหอม
Good for
ถ้าหากวันไหนนึกอยากหาร้านสบายๆ นั่งกินอาหารชิลๆ เราก็คงอยากแวะมาย่านเจริญกรุงอีกเพื่อร้านนี้ เพราะ rose and ray เป็นอีกร้านที่เราชอบทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหาร ทุกอย่างหน้าตาสวยงามเหมาะกับคนชอบถ่ายรูป ทุกเมนูเข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อนเกินไป เหมาะกับชวนใครสักคนมากินมื้อพิเศษ หรือนัดแฮงเอาต์กับเพื่อนแบบได้คอนเทนต์อิ่มๆ กลับไปด้วย
rose and ray
Address: ชั้น 5 ปากซอยเจริญกรุง 31 (ตึกเดียวกับร้านชามกรุง)
Open: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00-23.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-23.00 น. (ปิดวันอังคาร)
Contact: rose and ray
Budget: 1,000-3,000 บาท
Map: