ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำเคมีผมแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราทุกคนในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดัด ยืด ทำสี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่เราต่างเผชิญกันทุกคนหลังจากทำเคมีคือ ‘ผมแห้งเสีย’ แต่จะมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้นของการทำเคมี รวมไปถึงการใช้ชีวิตหลังจากนั้น
ล่าสุดเรามีโอกาสได้พูดคุยกับช่างผมระดับมืออาชีพถึงวิธีการดูแลผมแห้งเสียจากการทำเคมีแล้วได้ค้นพบกับ ‘14 Days Rule’ กฎเหล็กในการดูแลผม 14 วันแรกหลังการทำเคมีที่สามารถช่วยกู้สภาพผมที่แห้งเสียกลับมาแข็งแรงเหมือนก่อน ซึ่งสาเหตุที่เราควรใส่ใจดูแลผมใน 14 วันแรกมากเป็นพิเศษเพราะเป็นช่วงที่เกล็ดผมมีความอ่อนแอมากที่สุดนั่นเอง ลองมาดูกันว่าใน 14 วันแรกเราควรดูแลเส้นผมอย่างไรบ้าง
1. ชโลมน้ำมันมะพร้าวก่อนสระผม
น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวและวิตามินอีซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ดังนั้นแล้วการนำมาหมักก่อนสระผม 10-30 นาทีจะช่วยให้เส้นผมกักเก็บความชุ่มชื้นได้มากยิ่งขึ้น
2. งดว่ายน้ำในสระคลอรีนและทะเล
หากเป็นไปได้ควรจะเลี่ยงการว่ายน้ำในสระคลอรีนและน้ำทะเลในช่วง 14 วันแรก เนื่องจากคลอรีนและเกลือจากน้ำทะเลจะทำให้ผมแห้งเสีย ฟู และยังทำให้ผลลัพธ์จากการทำเคมีมาอยู่ได้ไม่นาน แต่หากมีความจำเป็นต้องว่ายจริงๆ แนะนำให้ชโลมน้ำมันมะพร้าวตามข้อข้างต้นให้ทั่วเส้นผมก่อนลงน้ำ แม้วิธีนี้อาจปกป้องได้ไม่เต็มร้อยแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เส้นผมเผชิญกับน้ำจากสระและทะเลโดยตรง
3. สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิธรรมดา-เย็น
การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนนั้นถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมรวมถึงผิวแห้งยิ่งขึ้น ซึ่งใครที่ติดการอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนจริงๆ อย่าเพิ่งถอดใจ แนะนำให้สระผมในซิงก์ด้วยน้ำอุณหภูมิธรรมดาหรือเย็นแทนเพื่อปิดเกล็ดผม หากไม่สะดวกก้มสระในซิงก์ให้ใช้วิธีก้มหัวสระกับฝักบัวแทน ใครชินแล้วสามารถทำวิธีนี้ไปตลอดได้ก็จะยิ่งดีต่อสุขภาพผมในระยะยาว
4. เลี่ยงแชมพูขจัดรังแคหรือแชมพูยา
อย่างที่บอกว่าผมทำเคมีจะมีความอ่อนแอเป็นพิเศษในช่วงแรก แนะนำให้เลี่ยงใช้แชมพูบางชนิดในช่วงแรก เช่น แชมพูขจัดรังแค แชมพูชนิดที่ให้ความเย็น หรือแชมพูที่มีตัวยารักษาหนังศีรษะ เนื่องจากแชมพูชนิดดังกล่าวมักจะมีสารเคมีที่ค่อนข้างเข้มข้นกว่าแชมพูชนิดทั่วไป ให้เลือกใช้เป็นแชมพูสูตรบำรุงผมแห้งเสียเป็นหลักเพื่อให้ผมชุ่มชื้นยิ่งขึ้น
แต่หากใครที่ทำสีผมที่ผ่านการฟอกมาก็ยังสามารถใช้ Toning Shampoo ได้ เพราะส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมของสารบำรุงผมแห้งเสียอยู่แล้ว หรือจะผสมกับแชมพูบำรุงผมแห้งเสียแบบ 1:1 ก็ได้เช่นกัน
Sisley Revitalizing Nourishing Shampoo (2,750 บาท / 200 มล.)
แชมพูเนื้อฟลูอิดเจลสูตร Non-Sulfate ตอบโจทย์เส้นผมและหนังศีรษะที่แห้งถึงแห้งมาก มีคุณสมบัติในการบำรุงและเสริมสร้างไฟเบอร์ให้เส้นผมด้วย Nutritive Complex ที่อุดมไปด้วยออยล์สกัดจากพืชพรรณธรรมชาติ 5 ชนิด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้โครงสร้างเส้นผม ปิดเกล็ดผม เพื่อเส้นผมนุ่มสลวย ลดปัญหาเส้นผมพันกัน
5 . ใช้ทรีตเมนต์หลังสระเสมอ
ยกระดับการบำรุงให้เข้มข้นไปอีกขั้นด้วยการหมักผมด้วยทรีตเมนต์หลังสระเสมอ โดยสามารถข้ามขั้นตอนครีมนวดไปได้เลย เพราะทรีตเมนต์จะมีความเข้มข้นอยู่แล้ว
Balmain Paris Hair Couture Moisturizing Repair Mask (2,690 บาท / 200 มล.)
มาสก์ผมสูตรเข้มข้นที่ช่วยซ่อมแซมผมแตกแห้งและผมอ่อนแอให้กลับมามีน้ำหนักนุ่มสลวย กลิ่นหอมผ่อนคลายให้ความรู้สึกหรูหราตามแบบฉบับของ Balmain
6. ลีฟออนอย่าให้ขาด
หลังสระผมแล้วต้องไม่ลืมลีฟออน คุณสามารถเลือกใช้ชนิดของลีฟออนได้ตามสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเซรั่ม ครีม สเปรย์ หรือออยล์ ให้เลือกเป็นประเภทที่ช่วยฟื้นบำรุงผมแห้งเสีย เติมความชุ่มชื้นให้ผมเป็นหลัก
OUAI Leave In Conditioner (1,320 บาท / 140 มล.)
คอนดิชันเนอร์แบบสเปรย์ที่ช่วยให้เส้นผมนุ่มสลวย แลดูสุขภาพดี ลดความชี้ฟู ใช้ได้บ่อยตามต้องการ
7. เป่าผมด้วยลมอุณหภูมิกลาง-เย็น
ความร้อนจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมแห้งเสียแนะนำให้ปรับอุณหภูมิของไดร์เป็นแบบเย็น-กลางแทน
8. ผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากความร้อน
หากมีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมชนิดอื่นจริงๆ อาทิ ที่หนีบหรือม้วนลอนผม แนะนำให้ลงผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากความร้อนก่อน โดยมองหาคีย์เวิร์ด Heat Protectant
แต่ทั้งนี้อย่าคาดหวังว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะช่วยเซฟผมของคุณได้ 100% เพราะความร้อนก็ยังเป็นความร้อนอยู่ ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะปกป้องเส้นผมจากความร้อนได้บางส่วน และมักจะช่วยป้องกันการพันกันของเส้นผมมากกว่า
K18 Molecular Repair Hair Oil (3,160 บาท / 30 มล.)
น้ำมันบำรุงผมเนื้อบางเบาที่ผลิตจากนวัตกรรมทางชีวภาพ ช่วยซ่อมแซมผมเสีย ลดผมชี้ฟูที่ชั้นไฟเบอร์เส้นผม พร้อมปกป้องเส้นผมจากความร้อนที่อาจก่อให้เกิดผมชี้ฟูในอนาคตที่อุณหภูมิสูงถึง 232 °C
อ้างอิง: