หลังจากเปิด Rimshot ไปได้ไม่นานนัก นี่คืออีกหนึ่งโปรเจกต์ล่าสุดของเครือ Sugar Ray ที่มาสั่นสะเทือนวงการบาร์และค็อกเทลอีกครั้งกับ Ray Cocktail & Bite บาร์ที่ใส่ความญี่ปุ่นในค็อกเทล และให้ผู้คนดื่มด่ำกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าสิ่งที่อยู่หลังบาร์
The Vibe
ทางเข้าบาร์อาจดูลึกลับเล็กน้อยเพราะอยู่ตรงช่องทางเดินระหว่างสองตึก เมื่อผลักประตูเข้ามาก็จะพบกับบาร์เป็นสิ่งแรก จุดเด่นของ Ray คือบาร์ลักษณะทรงกลม 2 บาร์ทับซ้อนกันโดยมีเคาน์เตอร์คั่นตรงกลาง และเก้าอี้นั่งล้อมบาร์กลมทั้งสอง
เมื่อสั่งค็อกเทล บาร์เทนเดอร์จะทำดริงก์ที่เคาน์เตอร์กลางร้าน และเมื่อมิกซ์เรียบร้อยค่อยยกมาเสิร์ฟให้เราตรงหน้า จะไม่มีการผสมบนโต๊ะบาร์ต่อหน้าแขก เนื่องจากต้องการให้ผู้มาเยือนจดจ่อกับดริงก์และอาหารมากกว่าขั้นตอนการครีเอตค็อกเทล
ทั้งนี้ยังมีที่นั่งเป็นมุมโซฟารอบนอกบาร์ โซนไพรเวตข้างประตูทางเข้า และอีกมุมที่อยู่ข้างครัวกึ่งเปิดด้านในร้าน
The Taste
ค็อกเทลเชื่อมือทีมงาน Sugar Ray ได้เลย เพราะมีคอนเซปต์ มีเรื่องราว และทุกส่วนผสมที่ใช้ก็ไปได้ดีกับดริงก์ทั้งหมด ค็อกเทลที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากความเป็นญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นที่มาที่ไป ตัวสปิริตในค็อกเทล ส่วนผสมต่างๆ ในแก้ว หรือแม้แต่รสชาติคุ้นลิ้นที่เราเคยกินมาก่อน
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับญี่ปุ่นจะอยู่ในดริงก์ทุกแก้ว และแน่นอนว่าบรรยากาศก็ช่วยชูโรงเสริมรสให้กับดริงก์ด้วย นั่งไปสักพักคุณอาจได้ยินเพลงสไตล์ City Pop ฟังฮิตติดหูจนต้องจิบแล้วเคาะนิ้วตามจังหวะเลยล่ะ
ค็อกเทลที่นี่แบ่งเป็น 3 หมวด หมวดแรก Simple จะออกแนวสดชื่นดื่มง่าย หมวดถัดมา Sophisticated รสชาติจะซับซ้อนกว่าค็อกเทลปกติ อาจมีสิ่งที่เราคุ้นเคยหรือไม่คุ้นเคย และบางแก้วก็ชวนให้เราจินตนาการไปไกล แต่สั่งแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน และหมวดสุดท้าย Japanese Classics เป็นเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจจาก Tokyo Cocktail Book
เราแนะนำให้เริ่มจากหมวดแรกก่อน เบาไปหาหนัก Haru Santo Highball (400 บาท) จินค็อกเทลอินฟิวส์กับเปลือกไม้หอม Palo Santo กับคราฟต์โซดารสชิโอะซากุระที่บาร์ทำเอง ซึ่งได้มาจากการดองดอกซากุระในน้ำเกลือ และไม่ได้มีเพียงจินกับโซดาเท่านั้น แต่ยังได้เหล้าพีชมาเชื่อมรสชาติให้กลมขึ้น แก้วนี้นอกจากจะให้รสเปรี้ยวหวานและความซ่าสดชื่นแล้ว ยังมีรสเค็มเล็กน้อยมาช่วยสมดุลรสชาติอีกด้วย
ขยับมาที่ค็อกเทลรส Savory ขึ้นมาหน่อย Potato & Cheese (440 บาท) แก้วนี้เบสด้วย Peated Whisky ซึ่งมีเอกลักษณ์ในเรื่องของกลิ่นควันจางๆ กับสปิริตอีกตัวคือ โชจู (Shochu) ซึ่งเป็นเหล้าสีใสที่ได้จากการหมักมันม่วงญี่ปุ่นอินฟิวส์กับพาร์เมซานชีส เติมรสชาติให้จิบง่ายขึ้นด้วยคอร์เดียลมันม่วง ก่อนเสิร์ฟจะขูดชีสโรยหน้าค็อกเทลจนทั่ว แล้วเบิร์นไฟให้ชีสละลายติดก้อนน้ำแข็งและผิวหน้าของดริงก์เพื่อความหอมและรสชาติที่ซับซ้อน จิบทีละนิดเพื่อความอร่อยจะได้อยู่ไปนานๆ
มาถึงค็อกเทลในหมวด Sophisticated หลายคนอาจจะคุ้นเมนู Irish Coffee กันบ้างแล้ว ครั้งนี้มาลองอะไรที่มันทวิสต์กันบ้าง Natsu Coffee (400 บาท) ยังคงวนเวียนกับโชจูซึ่งเป็นเบสสปิริต ผสมน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดงรสเข้มข้น กาแฟโคลด์บรูว์แล้วท็อปด้วยครีมนมถั่วเหลืองโรยข้าวพอง สัมผัสชั้นล่างเย็นเจี๊ยบ ส่วนด้านบนอุ่นๆ แต่ให้กินพร้อมกันทุกเลเยอร์เพื่อความฟิน
เอาใจคอเนโกรนีกับ Dorayaki Negroni (400 บาท) ลองนึกภาพเนโกรนีรสโดรายากิกับโดรายากิรสเนโกรนี ดริงก์นี้ผสมผสานเอกลักษณ์ของสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน จินถั่วแดง เวอร์มุธงาดำ อามาโรบิตเทอร์กลิ่นโฮจิฉะคาเคานิบส์ เบลนด์กลิ่นอายญี่ปุ่นให้อยู่ในคลาสสิกค็อกเทลจนได้เป็นโมเดิร์นค็อกเทลที่รสอร่อยจนขอบอกต่อ อย่าลืมกัดโดรายากิจิ๋วตามเข้าไปด้วยล่ะ
นอกเหนือจากค็อกเทล อาหารก็จริงจังและมีตัวเลือกหลากหลายไม่แพ้กัน ตามคอนเซปต์ที่ชัดเจนตั้งแต่ชื่อร้านว่าเป็น Cocktail & Bite อาหารที่นี่จึงเป็นได้ทั้งของกินเล่น กับแกล้ม ไปจนถึงดินเนอร์ก็ยังได้
Raw Tuna (850 บาท) ถึงจะดูเหมือนทูน่าซาชิมิธรรมดา แต่ที่ Ray คัดเฉพาะเนื้อแดง Senaka ซึ่งเป็นส่วนที่อร่อยที่สุดของทูน่า สไลซ์ชิ้นหนาพอดีคำวางสลับกับแอปเปิ้ลเขียวฝานบาง กินกับซอสเผ็ดสไตล์จีนกับดิปโคโชแดง (Red Kosho)
หรือจะเปลี่ยนจากทูน่ามาลอง Sugi Ceviche (320 บาท) เซวิเชปลาช่อนทะเล รสจี๊ดจ๊าดด้วยน้ำส้มยูซุที่คลุกเคล้ากับเนื้อปลา โรยหอมเจียว หอมดอง และพริกฮาลาเปโญ คีบกินเพลินจนต้องสั่งเบิลแน่นอน
Grilled Beef Tongue (600 บาท) อีกหนึ่งกับแกล้มยอดฮิตของคนญี่ปุ่น ลิ้นวัวย่างปลายผิวไหม้เล็กน้อย โรยดอกเกลือ จิ้มกินกับหัวไชเท้าพอนสึและวาซาบิ กินเล่นก็เวิร์ก กินแกล้มค็อกเทลก็ยิ่งเพลิน
สูงสุดกลับสู่สามัญ Fried Chicken (300 บาท) กับแกล้มสากลที่ไม่ว่าจะชาติไหนก็นิยมสั่งมาแกล้มเครื่องดื่ม สะโพกไก่ไร้กระดูกชุบแป้งทอดจนกรอบนอกนุ่มใน กินกับซอสฮันนี่มัสตาร์ดที่กองอยู่ก้นถ้วย คลุกให้เข้ากันแล้วแย่งกันคีบได้เลย
Good for
นักจิบ ก๊วนเพื่อนฝูง หรือใครที่กำลังหาบาร์บรรยากาศดีๆ พร้อมค็อกเทลรสเยี่ยม หรือจะมา One Drink & Go Home ลองโทรมาจองโต๊ะกันได้ เราไม่แนะนำให้ Walk-in เพราะคิวค่อนข้างแน่น
Ray Cocktail & Bite
Open: ทุกวัน 18.30-01.30 น.
Address: The Salil Hotel Riverside Bangkok, 2052/7-9 ซอยเจริญกรุง 72/1
Tel: 09 6669 2996
Budget: 500-1,000 บาท
Website: https://www.instagram.com/ray.cocktailandbite
Map: