จริงอยู่ที่การจะมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดีต้องอาศัยการใส่ใจรอบด้าน แต่เมื่อเจาะจงมาที่ ‘การออกกำลังกาย’ มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจชี้ว่า กีฬาที่อาจมอบประโยชน์สูงสุดในเรื่องนี้กลับเป็น ‘กีฬาที่ใช้แร็กเกต’
ข้อมูลดังนี้มาจากงานวิจัยชิ้นสำคัญอย่าง Copenhagen City Heart Study ซึ่งติดตามผู้คนกว่า 8,500 คน เป็นเวลานานถึง 25 ปี (ในช่วงปี 1991-2017) ผลการศึกษาได้เผยข้อมูลอายุขัยที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของกีฬาแต่ละประเภท เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายดังนี้
- เทนนิส: เพิ่มอายุขัย 9.7 ปี
- แบดมินตัน: เพิ่มอายุขัย 6.2 ปี
- ฟุตบอล: เพิ่มอายุขัย 4.7 ปี
- ปั่นจักรยาน: เพิ่มอายุขัย 3.7 ปี
- ว่ายน้ำ: เพิ่มอายุขัย 3.4 ปี
- วิ่งจ็อกกิ้ง: เพิ่มอายุขัย 3.2 ปี
- กายบริหาร (Calisthenics): เพิ่มอายุขัย 3.1 ปี
- เข้ายิม/ฟิตเนส: เพิ่มอายุขัย 1.5 ปี
ปัจจัยที่ทำให้กีฬาแร็กเกตมีคะแนนนำโด่งคือ การที่ผู้เล่นได้มีการเข้าสังคม (Social Connection) ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับคู่แข่งหรือคู่ซ้อมอยู่ตลอดเวลา และยังได้ฝึกฝนทั้งร่างกายและสมองไปพร้อมกัน โดยร่างกายจะได้ออกกำลังกายแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training) ที่มีช่วงเร่งและช่วงพักสลับกัน ซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ ในขณะที่สมองก็ได้ลับคมผ่านการใช้กลยุทธ์และการตัดสินใจที่รวดเร็วเพื่อเอาชนะในเกม ช่วยให้เฉียบคมอยู่เสมอ
แม้ผลการศึกษานี้จะเป็นเพียงการศึกษาเชิงสังเกต แต่ก็ชี้ให้เห็นแนวทางที่น่าสนใจว่า ‘การเข้าสังคม’ อาจเป็นส่วนผสมสำคัญที่ซ่อนอยู่ในการออกกำลังกายเพื่อชีวิตที่ยืนยาว ซึ่งสอดคล้องกับ 1 ใน 6 เสาหลักของเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine)
ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่อยู่เหนือสถิติและงานวิจัยก็คือการค้นหากิจกรรมที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือการออกกำลังกายประเภทไหนที่ใครว่าดี เรายังคงเชื่อว่า สิ่งที่ดีสำหรับเราที่สุดคือ สิ่งที่ทำแล้วมีความสุข ไม่ฝืนสังขารและงบประมาณ และสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว
ภาพ: AI-generated
อ้างอิง: