สิ่งที่เรามองว่าเป็นขยะ ถ้าคัดแยกได้จะกลายเป็นทรัพยากร ถ้าจัดการถูกวิธีสามารถเป็นรายได้ และสุดท้ายจะไม่เป็นขยะตกค้างส่งกลิ่นเหม็น และทำให้ Living Quality ของเราดีขึ้น ทั้งตัวเราเอง ชุมชนของเราและกรุงเทพในฐานะเมือง
พรหม–พรพรหม วิกิตเศรษฐ์
ทุกวันนี้กรุงเทพมหานครผลิตขยะมูลฝอยเฉลี่ยมากกว่า 9,000 ตันต่อวัน และกว่าครึ่งของทั้งหมด (ราว 5,000 ตัน) คือ ขยะอินทรีย์ หรือเศษอาหารที่ต้องนำไปกำจัดในแต่ละวัน ปัญหาคือขยะเหล่านี้ไม่ได้เกิดจาก Food Waste เพียงอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่เกิดจากการ ‘เทรวม’ หรือทิ้งทุกอย่างรวมกัน โดยไม่แยกตั้งแต่ต้นทาง ทำให้ขยะอินทรีย์ปนเปื้อนกับขยะรีไซเคิล และสุดท้ายสิ่งที่ควรนำกลับมาใช้ใหม่ได้ กลับต้องกลายเป็นของเสียที่ต้องกำจัดทั้งหมด
ในความจริงง่ายๆ แค่การ ‘แยกขยะเปียกและขยะแห้ง’ คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนเมือง และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน เพราะเมื่อขยะรีไซเคิลไม่ถูกปนเปื้อน เมืองสามารถจัดการทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดกลิ่น ลดภาระในการกำจัด และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นรอบตัวเรา ทั้งหมดนี้สะท้อนกลับมาที่สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตเมือง นั่นคือการมี Living Quality ที่ดีขึ้นในทุกวัน
ในตอนล่าสุดของ Eco-Curious เราพาคุณไปพูดคุยกับ ‘พรหม–พรพรหม วิกิตเศรษฐ์’ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพฯ หนึ่งในหัวแรงสำคัญของโครงการ ‘ไม่เทรวม’ และอีกหลายโครงการด้านสิ่งแวดล้อม ว่าทำไมแค่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ อย่างการแยกขยะภายในบ้าน ถึงสามารถสร้าง Living Quality ที่ดี และเปลี่ยนชีวิตของคนเมืองได้จริง
ดูรายการเต็มได้ที่: https://www.instagram.com/p/DPoL5NLkqBg

Who is ‘พรหม–พรพรหม วิกิตเศรษฐ์’
หลายคนอาจไม่คุ้นหน้า ‘พรหม–พรพรหม วิกิตเศรษฐ์’ แต่ชายผู้นี้คือคนผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายด้านความยั่งยืนต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็น โครงการแยกขยะ บ้านนี้ไม่เทรวม โครงการสวน 15 นาที และอีกหลายนโยบายสีเขียวที่ช่วยเพิ่ม Living Quality ของคนกรุงได้ หลังจากจบปริญญาโทด้านพลังงานและนโยบายสิ่งแวดล้อมจากนิวยอร์ก พรพรหมเคยแวะไปร่วมงานกับ UN มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ก่อนเข้าร่วมทีมกับชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในบทบาทผู้บริหารด้านความยั่งยืนคนแรกของกรุงเทพฯ

How sustainable is it?
ด้วยความเชื่อที่ว่า ‘เมือง’ และ ‘ความยั่งยืน’ ต้องไปด้วยกัน เป้าหมายของพรพรหมคือการออกแบบ ‘ระบบเมืองใหม่’ ให้อยู่ได้ในยุค Climate Crisis ที่คนกับธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นการจัดการขยะ อากาศสะอาด พลังงานน้ำ และพื้นที่สีเขียว ซึ่งหนึ่งในโครงการที่กำลังได้รับความสนใจของทุกบ้านตอนนี้ คือ ‘บ้านนี้ไม่เทรวม’ แค่แยกขยะก็ลดค่าธรรมเนียมได้
“กรุงเทพมหานครมีขยะวันละ 9,000 ตัน ซึ่ง 50% หรือ 4,500 ตัน เป็นเศษอาหาร และขยะที่ถูกทำให้ปนเปื้อนแล้วเป็นขยะ แม้กรุงเทพมหานครเราลงทุนเรื่องเตาเผาขยะ แต่ต้องยอมรับว่าขยะเหล่านั้นส่วนใหญ่เราเอาไปฝังกลบ และการฝังกลบนั้นส่งผลกระทบต่อ Living Quality ของคนเมือง เช่น ปล่อยแก๊สมีเทน สารพิษ กระทบโลกร้อน รวมถึงเรื่องกลิ่นต่างๆ
“โครงการบ้านนี้ไม่เทรวม เราเน้นให้ประชาชนแยกขยะ โดยพยายามสื่อสารว่าไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับคุณด้วย เพราะถ้าคุณแยกขยะ คุณก็จะจ่ายค่าเก็บขยะของกทม.แค่ 20 บาทเท่านั้น แต่ถ้าคุณไม่แยก ก็จำเป็นจ่าย 60 บาท เราใช้ตัวเศรษฐศาสตร์มาเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้คนแยกขยะ”

ในช่วงเริ่มแรก กทม. ไม่ต้องการให้แยกแบบละเอียดยิบแต่อยากให้แยกเพียงแค่เปียกและแห้ง สีน้ำเงินเป็นขยะทั่วไป เช่น ถุงแกง ถุงหูหิ้ว, ส่วนเศษอาหารใส่ถุงสีเขียว, กระดาษ อะลูมิเนียม กระป๋องน้ำดื่มเป็นขยะรีไซเคิล
อันที่จริงแนวคิดแยกขยะจากโครงการบ้านนี้ไม่เทรวม ได้รับความร่วมมือจากโครงการบ้านแฝดและทาวน์โฮมมาสักพักแล้ว ยกตัวอย่างเช่น หลายโครงการบ้านของ AP ที่มีระบบจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางภายในโครงการ ด้วยการออกแบบพื้นที่ทิ้งขยะและจุดคัดแยกเป็นระบบ สนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยแยกขยะได้ง่ายตั้งแต่ในบ้าน ลดการปนเปื้อนและเพิ่มโอกาสในการนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำได้จริง นี่คือหนึ่งในแนวทางของการสร้างสิ่งแวดล้อมอยู่อาศัยที่สะอาด เป็นระเบียบ และส่งเสริม Living Quality ของผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้น
“เดี๋ยวนี้หมู่บ้านจัดสรร เขาจะมีที่พักรวม รถขยะสามารถเข้าไปที่เดียวไม่มีขยะตกค้าง บางโครงการมีถังขยะครบทั้ง 4 สี พร้อมการจัดการที่ดีถูกสุขลักษณะ ซึ่งดีมาก


“สุดท้ายแล้ว ผมคิดว่าควรเริ่มจากตัวเราดีที่สุด สิ่งที่เรามองว่าเป็นขยะ ถ้าคัดแยกได้จะกลายเป็นทรัพยากร ถ้าจัดการถูกวิธีสามารถเป็นรายได้ และสุดท้ายจะไม่เป็นขยะตกค้างส่งกลิ่นเหม็น ช่วยสร้าง Living Quality ของเราให้ดีขึ้น ทั้งตัวเราเอง และกรุงเทพในฐานะเมือง”
สำหรับใครที่สนใจแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร สามารถติดตามนโยบายและรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ https://greener.bangkok.go.th/sustainability


