จากนักแสดงหน้าใหม่ในวงการที่แจ้งเกิดในบทบาท ‘สไปรท์’ พร้อมห้อยนามสกุลฮอร์โมนส์ จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 10 ปีพอดิบพอดีที่ ‘เก้า-สุภัสสรา ธนชาต’ นักแสดงสาวมากความสามารถได้โลดแล่นในวงการด้วยหมวกหลายใบ ไม่ว่าจะเป็นพรีเซนเตอร์ อินฟลูเอ็นเซอร์ หรือยูทูเบอร์
หากลองไถฟีดดูอินสตาแกรมของเธอก็จะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่รักสัตว์คนหนึ่ง แต่จากการได้มีโอกาสสนทนากับเธอแล้ว เราสัมผัสได้เต็มหัวใจว่า น้องๆ สี่ขาเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพื่อน…แต่เป็นทุกอย่างในชีวิตของเธอ
View this post on Instagram
ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อความต้องการของทั้งตัวน้องหมาและบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครอง
ประจวบกับจังหวะพักเบรกในช่วงยุคแรกของโควิดที่งานในหลากอุตสาหกรรมทั่วโลกเป็นต้องชะงัก เธอตัดสินใจก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน พร้อมสวมหมวกนักธุรกิจลงมือสร้างแบรนด์สินค้าสำหรับน้องหมาภายใต้ชื่อ ‘Yawning Pup’
จากงานหน้ากล้องสู่การทำงานในโลกอีกใบที่เริ่มทุกอย่างจากศูนย์ ทำให้เก้าได้เผชิญกับความท้าทายหลายรูปแบบและสารพันปัญหาที่ไม่คาดคิด แต่อะไรคือสิ่งที่ผลักดันเธอให้ยังคงเดินหน้าไปต่อ มาค้นพบคำตอบพร้อมพลังบวกดีๆ จากเธอได้ใน Passion Calling x Kao Supassara
ทำไมจู่ๆ ถึงสนใจทำสินค้าสำหรับน้องหมา
เริ่มแรกเลยต้องบอกก่อนว่าเราโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเยอะ ไม่ว่าจะเป็นน้องหมา น้องแมว นก ปลา เยอะมาก และสมัยก่อนคือเราเป็นลูกคนเดียวด้วย ตอนเด็กๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีอะไรเลย เราเลยเล่นกับน้องหมา เราเกิดและโตมาก็เห็นน้องหมาแล้ว ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่เราผูกพัน และเราไม่สามารถที่จะอยู่คนเดียวได้ มันเป็นเพื่อนช่วยคลายเหงา
แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด ช่วงที่โดนบังคับว่าทุกอย่างต้องหยุด ละครต้องหยุดถ่าย อีเวนต์ไม่มี เพราะทุกคนต้อง Social Distancing กันหมด จากที่เราทำงานมาตั้งแต่เด็ก และไม่มีจังหวะที่หยุดพักเลย มันก็เลยว่าง เราก็เริ่มรู้สึกเคว้งๆ ว่า มันเหงาจัง ไม่มีอะไรทำเลย ช่วงนั้นก็เลยรู้สึกว่าเราคิดถึงเรื่องอนาคต เรื่องความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น เราก็เลยคิดว่าหาอะไรที่มันเป็นแพสชันที่เราเองก็ใกล้ชิด และเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ เราก็นึกถึงน้องหมา เลยเป็นโปรดักต์ที่เกิดขึ้นมา ณ ปัจจุบันนี้
แล้วตอนนั้นมีไอเดียอะไรบ้างเกี่ยวกับสินค้าของน้องหมา
ตอนนั้นคือคิดในใจว่า เราไม่ได้ออกไปข้างนอกบ้าน ก็เลยคิดว่ามันก็จะมีสินค้าบางตัวนะที่เวลาคนต้องการเอาน้องหมาออกจากบ้านเขาใช้อะไรบ้าง คือมันยังไม่ค่อยมีในประเทศไทย ส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านหรือว่าต่างประเทศไปเลย เราก็เลยรู้สึกว่ามันก็น่าจะดีนะ ถ้าเราขยายตลาดประเทศไทยที่เกี่ยวกับสินค้าของน้องหมามากขึ้น
ตอนนี้มันก็มีสถานที่ที่เป็น Pet Friendly มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคอนโด หรือสถานที่ Dog Park ต่างๆ เยอะขึ้น ก็เลยรู้สึกว่าคนก็อยากจะเอาน้องหมาไปด้วยทุกที่นะ ไม่ว่าจะเป็นโรงหนัง อย่างตอนนี้ก็มีโรงหนังที่พาน้องหมาไปดูหนังได้แล้วนะ เราเริ่มเปิดกว้างในเรื่องของการเอาน้องหมาหรือเอาเพื่อนคู่ใจไปได้ทุกที่ ก็เลยรู้สึกว่าเราเริ่มทำอะไรแบบนี้ขึ้นมาดีกว่า
พอนึกถึงความเป็น Pet Friendly เราต้องเอาของใส่เข้าไปในรถ หรือเราอาจจะนั่ง Grab แท็กซี่อะไรไป ทุกอย่างมันจะต้อง 1. การเคลื่อนย้าย การห่อหิ้ว การเก็บของอะไรให้เรียบร้อยให้มันเป็นสัดส่วน เพื่อที่จะย้ายของโดยไม่กระจัดกระจายหรือว่าทิ้งระเนระนาด ก็เลยนึกถึงเรื่องของกระเป๋า 2. เราก็เริ่มลองคิดดูว่าจะทำอย่างไรให้เป็นกระเป๋าด้วย และเป็นที่นั่งหรือเบาะให้น้องหมานอนได้สบาย 3. เรื่องของความปลอดภัย อย่างเด็กเขาก็จะมี Car Seat สำหรับเด็ก กับน้องหมาเราก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
เราก็เลยลองเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตว่ามันมีสินค้าอะไรลักษณะแบบนี้ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด และคิดถึงเรื่องของ Pain Point ว่ามีจุดไหนที่คนเขามี แล้วเราขาดอะไรบ้าง ก็เลยเริ่มคิดว่าจะทำอะไรใส่ลงไปในโปรดักต์นั้น ก็เลยกลายมาเป็น Dog Car Seat
ก็คือมีทั้ง Dog Car Seat และมีที่เป็น Car Seat Cover
ใช่ๆ เป็นผ้าคลุม คือเราคิดถึงเรื่องหมาตัวใหญ่ว่าเขาก็อยากจะออกจากบ้านนะ บางทีคนที่คิดว่าหมาอาจจะเบื่อพื้นที่ในบ้านเราแล้ว อยากจะพาไปทะเล อยากจะพาไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ ทำอย่างไรให้มันไม่เลอะเปรอะเปื้อนและขนไม่ฟุ้งกระจายประมาณนี้ ก็เลยคิดถึงขึ้นมา
เรียกว่าอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ เลย
ใช่ เหมือนเราเลี้ยงหมา เราก็รู้ว่าคนที่เลี้ยงหมาต้องการอะไร เราอาจจะไม่ได้มีน้องหมาพันธุ์ใหญ่มาก แต่เราก็นึกถึงว่าเราเลี้ยงคอร์กี้ คอร์กี้เป็นพันธุ์ที่ขนร่วงได้ทุกวันและร่วงเยอะมาก และเป็นหมาที่ลุย ชอบคุ้ยดิน Cover มันก็ตอบโจทย์สำหรับหมาตัวกลางค่อนใหญ่ขึ้นไป
แอบไปส่องอินสตาแกรมร้านเก้ามา เห็นว่ามีชามด้วย
ใช่ มีชามด้วย จริงๆ เป็นแบบชามพับได้ พกพาเป็นตัวเสริมสำหรับคนที่อยากจะซื้อของเรา หรืออาจจะแถมไปเลยสำหรับคนที่ซื้ออันใหญ่ หด ยืด พับได้ เราแค่ใส่อาหารลงไปในชาม น้องหมาก็สามารถกินได้ตลอด หรือว่าจะเทน้ำแบ่งก็ได้ และมันพับเก็บง่าย มันสะดวก
ไอเดียมาแล้ว แล้วในส่วนของชื่อแบรนด์ล่ะ
Yawning Pup Store จริงๆ คือมันมาจากอินสตาแกรมของน้องหมาที่เพื่อนเราตั้งขึ้นมา คิดไม่ออกก็เลยเอาชื่อนี้แหละ เพราะมันมาจากน้องหมาตัวแรกที่เราเก็บตังค์และซื้อเอง มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง คือไม่ใช่น้องหมาของคุณพ่อ คุณแม่ ที่เราเกิดมาเจอ เป็นน้องหมาที่เราเลี้ยงเอง ก็คือน้องบราวนี่ น้องจะเป็นปอมเมอเรเนียน เป็นน้องหมาที่กินเก่งและขี้ง่วง ขี้เซา ชอบหาว เวลาถ่ายรูปเขาก็จะอ้าปากหาวทุกครั้ง เราก็เลยตั้งชื่ออินสตาแกรมนี้ขึ้นมา Yawning ซึ่งแปลว่าหาว
ตั้งแต่ทำแบรนด์มา มีอุปสรรคอะไรบ้างไหม
มี เราว่าเรามีความคิดสร้างสรรค์อะไรเยอะมาก แต่พอทำจริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้ตามที่เราฝันหรือตามที่วาดสเกตช์เอาไว้ อย่างเช่น ผ้าที่เราอยากได้หรือผ้าแต่ละล็อตไม่เหมือนกัน แต่ละล็อตก็มาไม่เท่ากัน แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเราจะกำหนดจำนวนของสินค้าว่ามันออกมาประมาณเท่าไร เพราะเราก็ยังกะเกณฑ์ไม่ได้ว่าเราจะขายได้ไหม เพราะเราก็ยังใหม่มากกับการที่มาทำธุรกิจ เราไม่เคย เราเติบโตมาเป็นนักแสดง เราทำงานในวงการบันเทิงมาตลอด มันใหม่มากสำหรับเรา คือเราต้องลองผิดลองถูกเยอะมากกว่ามันจะออกมาเป็นสินค้าตัวหนึ่งได้
เราก็เลยยังกะจำนวนลูกค้าหรือจำนวนสินค้าที่เราผลิตออกมาแต่ละล็อตไม่ได้ ค่อนข้างลำบาก พอสั่งล็อตใหม่มาก็ผ้าไม่เหมือนเดิม คุณภาพไม่ได้ เท็กซ์เจอร์ไม่ได้ เราก็คิดนะว่าอย่างนี้มันกระทบต่อการใช้งานของลูกค้าไหม หรืออะไหล่ที่มันไม่เหมือนกัน มันกระทบอะไรกับเขาไหม ซิปที่มันไม่ได้มาตรฐานมันทำอย่างไรบ้าง
อันนี้แค่แมตทีเรียล…
ใช่ ที่ปวดหัวกว่าคือช่าง (หัวเราะ) ช่างนี่เป็นอะไรที่ติสท์อยู่แล้ว สมมติว่าคนที่ไปจ้างช่างตัดผ้า ขึ้นชื่อว่าช่างศิลปิน ทุกคนจะมีความติสท์ของตนเอง อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ แล้วเราก็ไม่ได้มีโรงงานที่จะบังคับเขาได้ว่า พี่ๆ ต้องทำอันนี้ กำหนดอันนี้ภายในวันนี้นะ เราก็ไปจ้างซัพพลายเออร์อีกทีหนึ่ง มันก็ค่อนข้างค่าใช้จ่ายสูง เร่งกำหนดวันไม่ค่อยได้ด้วย และรวมถึงผ้ากำหนดส่งมาจากต่างประเทศ หรือว่าอะไหล่มันค่อนข้างหายากอยู่ คือมันมีหลายซัพพลายเออร์ เราไม่ได้เกิดมาแล้วมีโรงงานเป็นของตัวเอง หรือซัพพลายเออร์เสื้อผ้าหรือว่าช่างอะไรของตัวเอง คือเราศูนย์จริงๆ
ที่บอกว่าเราใหม่มาก เริ่มจากศูนย์แต่ก็ลงมือทำ ความรู้สึกตอนนั้นมันมีความกลัวหรือกังวลบ้างไหม
ตอนนั้นเราไม่คิดอะไรเลย เราแค่คิดว่าเราอยากลองทำสิ่งนี้ เรามีเงินก้อนหนึ่งแล้วเราอยากลองทำดู ก็ทำเลย เราไม่ได้คิดว่าเราจะล้มมากขนาดไหน เราโอเค ทำสิ่งที่เราอยากทำ
เจ็บก็เจ็บ
ใช่ อย่างน้อยแล้วเราได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์ เราได้เห็นปัญหา คือทุกอย่างเราได้ลองทำแล้ว ดีกว่าเรานั่งฝันไปเรื่อยๆ และไม่ได้ลงมือทำอะไร
เจอปัญหามาต่างๆ นานา เคยมีโมเมนต์อยากเลิกทำไหม
จริงๆ ของโปรดักต์น้องหมายังไม่เคยมีโมเมนต์ที่อยากเลิกทำ แต่ปัญหาคือเมื่อไรจะมีเวลากลับไปทำต่อมากกว่า เพราะว่างานหลักของเราตรงนี้มันก็ยังเยอะอยู่ ชิ้นงานที่มันเข้ามาในวงการบันเทิงมันยังค่อนข้างเยอะอยู่ เรายังไม่สามารถเจียดเวลาเพื่อที่จะไปทำธุรกิจได้เต็มที่ ไหนจะเป็นเวลาดูแลตัวเองหรือว่าออกกำลังกาย ทำอะไรวันหยุดที่มันมีค่าสำหรับเรามาก
เราไม่สามารถคอนโทรลทั้งสองอย่างได้พร้อมๆ กันอยู่แล้ว อยากให้มันดีอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็ต้องอันเดียว ถ้ามีเวลาเราคงลุยเต็มที่มากๆ เพราะมันมีอะไรหลายอย่างที่เราอยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ แล้วมันก็ยังไม่มูฟออนไปสักที
ย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มไอเดีย ลงมือทำ จนมันผลิตมาเป็นชิ้นแรก เราใช้เวลานานไหมกว่าจะปล่อยสินค้าออกมา
เราว่าน่าจะประมาณ 6 เดือนกว่า กว่าจะออกมาเป็นชิ้นหนึ่ง เพราะว่ามันมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ อะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ กว่าจะหาช่าง หาซัพพลายเออร์ หาโรงงานได้ คือเริ่มจากศูนย์จริงๆ เราไม่มีคอนเน็กชัน ไม่มีอะไรเลยที่เกี่ยวกับโรงงาน เราก็เลยค่อนข้างเปลี่ยนช่างหลายที่ จนมาเจอที่หนึ่งซึ่งมันโอเค คุยง่าย แล้วก็มีความเข้าใจตรงกับเรา
เรียกว่าเป็น 6 เดือนที่เข้มข้นที่เราทุ่มกับมัน
ใช่ๆ เพราะเราก็นั่งคิด นั่งวาดรูปเอง นั่งสเกตช์เองว่าตรงนี้อยากทำอะไร อยากเพิ่มอะไร อยากใส่ดีเทลอะไรตรงไหน
เก้ามีสกิลวาดรูปมาก่อนไหม
ไม่มี แต่จริงๆ เรามีความฝันตอนเด็กๆ ว่าอยากเข้ามัณฑนศิลป์ เราอยากเข้าแฟชั่นดีไซน์ สมัยก่อนตอนเด็กๆ เราก็ไปเรียนพักหนึ่ง ไปเรียน Art House ไปเรียน Drawing เพื่อที่จะเข้ามหาวิทยาลัย ก็มีอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ไปสุดขนาดนั้น โอเคเราอาจจะมีจินตนาการ แต่ว่ามันคงไม่ได้เป๊ะเท่าพี่ที่เขาเชี่ยวชาญ
จริงๆ เหมือนเราเก็บหอมรอมริบกับสิ่งที่เราเคยทำในอดีตมาด้วย
ใช่ๆ เราว่ามันก็เป็นเรื่องความชอบของเราส่วนตัว สิ่งที่เราอยากทำและเราไม่ได้ทำในวัยเด็กมากกว่า
แล้วความรู้สึกของวันแรกที่ได้ลงขายเป็นอย่างไร
ตอนนั้นก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนะถ้าย้อนกลับไป เพราะว่ารู้สึกว่าวันแรกมันก็ไม่น่าบูม เพราะมันก็ไม่เหมือนการเปิดร้านอาหาร หรือว่าวันแรกที่ต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่ว่ามันเป็นเรื่องของการจะทำอย่างไรให้กระตุ้นยอดขาย หรือว่าคนจะเห็นร้านเราไหม หรือจะทำอย่างไรให้คนเห็นและลองใช้จริงๆ มากขึ้น
เคยมีคนรู้จักทักมาบอกว่าซื้อสินค้าเก้าไปใช้บ้างไหม
มีหลายคนเลย (แววตาเป็นประกาย) เราดีใจ อย่างพี่ๆ ในวงการหลายคน เวลาเจอตามงานอีเวนต์เขาก็จะเดินเข้ามาบอกว่า พี่ซื้อไปใช้แล้วหมาพี่ชอบมาก หมาพี่ไม่ยอมลุกจากเบาะเลย นางก็จะโชว์รูปมา ให้ดูรูปน้อง มันมีเยอะมากแล้วก็หลายคน คือเราดีใจมาก เราพูดเลยว่ามันไม่ได้ทำรายได้ให้เราเป็นกอบเป็นกำ แต่ว่ามันคือสิ่งที่เราตั้งใจทำแล้วมันออกมามีคนชอบ
สิ่งนั้นถือว่าเป็นความสำเร็จของเก้าไหม
ใช่ มันไม่ใช่เป็นเรื่องตัวเงิน คือเราไม่ได้อยากจะ Romanticize นะว่า แบบดูคลิปนี้แล้วจะเป็นแรงบันดาลใจได้อย่างไร ในเมื่อเก้าแกก็มีทุกอย่างอยู่แล้ว เราคิดว่ามันเป็นเรื่องของสภาพจิตใจเราจริงๆ เราดีใจและเราภูมิใจกับสิ่งที่เราทำ
อยากให้ลูกค้าได้อะไรกลับไปจากการซื้อ Yawning Pup
เราว่าแค่เขาได้ใช้ น้องหมาเขาชอบ ใช้จนมันเปื่อย จนเน่า เราดีใจมากแล้ว แสดงว่าเขาได้ใช้จริงๆ ไม่ได้ใช้เพราะตามใคร อยากให้เขาใช้แล้วรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปจริงๆ
แอบบอกได้ไหมว่าสิ่งที่อยากทำต่อไปคืออะไร
ก็เป็นที่ปูเบาะเหมือนกัน แต่ว่าเป็นไซส์เล็กลง เดี๋ยวรอดูไปเรื่อยๆ แต่ว่าเป็นอุปกรณ์ Traveling เหมือนเดิม
ทุกวันนี้น้องหมาเปรียบเสมือนอะไรในชีวิตของเก้า
น้องหมาเปรียบเสมือนพลังงาน เพื่อน พี่ชาย พี่สาว ลูก คือเป็นทุกอย่าง เป็นครอบครัวเราจริงๆ (เก้าตอบพร้อมรอยยิ้มและแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข) วันไหนที่เราเหนื่อยหรืออะไรแบบนี้ เดินมาถึงเขาไม่ตัดสินเรา เขาแค่มองหน้าเราและกระดิกหาง อยากชวนเราเล่น อยากอยู่กับเรา แค่นั้นมันพอแล้ว เราว่ามันเป็นพลังงานดีๆ ที่ทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานและใช้ชีวิตต่อไป เขาเป็นเซฟโซนมาก
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการปลุกปั้น Yawning Pup สำหรับเก้าคืออะไร
เราดีใจมากเลย ไม่ว่าวันข้างหน้าเราจะต้องปิดแบรนด์หรือว่าต้องทำอะไร เราพูดเผื่อนะ
เราดีใจที่เราได้ลองทำมัน เราดีใจที่เคยมีครั้งหนึ่งที่หลายๆ คนเดินเข้ามาหาเรา แล้วบอกว่าขอบคุณมากที่ทำสิ่งนี้ขึ้นมา เราดีใจมาก และเราก็ดีใจเวลาที่เราได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ
ไม่ว่าจะเรื่องของไม่มีหรืออะไรอย่างนี้ เราได้เรียนรู้กับมัน ได้แก้ปัญหา เราสนุกกับการทำตรงนั้นมาก เราได้เจอสังคมใหม่ๆ ได้เจอเพื่อนเวลาไปออกบูธ เจอสังคมแม่หมา เจอสังคมที่เขารักหมาที่บูธและได้คุยกับเขา เราว่ามันคือโมเมนต์ที่น่าประทับใจและไม่เครียดด้วย
อยากบอกอะไรกับคนที่ยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะทำธุรกิจของตัวเอง
เรารู้สึกว่าจะรู้ได้ไงว่าทำได้หรือไม่ได้ ในเมื่อเรายังไม่ได้ลองทำเลย ถ้าเราได้ลองทำมันแล้ว เราเต็มที่กับมัน เราจะได้รู้ว่าเราทำได้จริงหรือเปล่า แม้ว่ามันจะผิดหวังหรือล้มอะไรก็แล้วแต่
เราว่ามันจะเสียดายโอกาสหรือเสียดายเวลาไปมากกว่านั้น ถ้าเวลาผ่านไปแล้วเราไม่มีแรง เราไม่มีเอเนอร์จี้มากพอที่จะทำตามความฝันของตัวเอง หรือสิ่งที่เราอยากทำในเวลานั้น
คิดอย่างไรกับการที่มีอาชีพที่ 2 ในสังคมสมัยนี้
เราว่ามันก็เป็นทางเลือกที่ดีแหละ แต่เราไม่รู้ว่าจะมีใครที่สามารถทำได้ทั้งสองอย่างแล้วมันดี เพอร์เฟกต์ไหม มันก็จะมีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้กันไป อันนี้อาจจะได้มากกว่า อันนี้อาจจะได้น้อยกว่า แต่สุดท้ายแล้วเราก็จะได้ประสบการณ์จากทั้งสองอย่าง เพราะฉะนั้นมันไม่เสียดายเวลาถ้าเราได้ทำ
อยากบอกอะไรกับอาชีพที่ 2 ของเราบ้าง
เราจะ Enjoy the Moment เราจะทำทุกอย่างให้เต็มที่กับโมเมนต์ที่ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เราก็จะเต็มที่กับมัน และจะซึมซับสิ่งเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด เราจะได้แฮปปี้กับมัน
Yawning Pup
สินค้าสำหรับน้องหมา ปัจจุบันมี 3 อย่าง ได้แก่ ผ้าคลุมเบาะรถยนต์ ชามพับ และเบาะนั่งอเนกประสงค์
Instagram: https://www.instagram.com/yawningpup.store/
Facebook: https://www.facebook.com/yawningpup/