ย้อนไปสมัยเป็นวีเจจ๋า
ตอนที่ได้บรรจุเป็นวีเจครั้งแรกคือปี 4 ตอนนั้นทำงานไปด้วย เป็นเด็กมีไฟ พอทำงานแล้วมีเวลาเหลือก็คิดว่าจะทำอะไรดี ตอนนั้นคิดว่าเราเป็นเด็กสยาม ชอบเดินสยาม ชอบเดินซื้อของ ก็ชวนเพื่อนว่ามาลองขายกันบ้างไหม เพราะเรามีสิ่งที่เราชอบ ซึ่งสไตล์เราค่อนข้างจะชัดเจน ค่อนข้างจะเซอร์ ชอบใส่เสื้อกล้าม กางเกงยีนส์ แล้วเพื่อนเขาเรียนครุอาร์ตก็สามารถทำกราฟิกได้ เลยทำเป็นเสื้อสกรีนวัยรุ่นธรรมดาเลย กางเกงยีนส์ก็ไปหาเลือกผ้าเองที่สำเพ็ง พาหุรัด แล้วไปเดินเสือป่าหาซื้อพวกอะไหล่ต่างๆ ก็ทำเองทุกอย่างเลย รับส่งของ แล้วก็มาเฝ้าหน้าร้าน ตอนนั้นเปิดร้านอยู่ใต้โรงหนังสยาม เป็นร้านที่เล็กมากๆ เล็กมากจริงๆ น่าจะประมาณ 2×6 เมตร ช่วยกันทำสองคน ตอนหลังพองานในวงการเยอะขึ้น เวลาน้อยลง เลยตัดสินใจขายหุ้นคืนให้เพื่อนไป
จุดเปลี่ยนช่วงโควิด
ช่วงโควิดเป็นช่วงแห่งการปรับตัวของทุกคน ซึ่งจ๋าเองก็อยู่ในโหมดนั้นเหมือนกัน ตอนแรกไม่รู้ว่าทุกอย่างจะไปทางไหน แล้วคนก็กลัวโควิดกันมาก ยิ่งตอนแรกที่สถานการณ์ดูรุนแรงมาก มีคนเสียชีวิต อะไรหลายอย่างมันน่ากลัว เลยอยู่แต่บ้าน ออกไปข้างนอกน้อยมาก อยู่ในบ้านก็ออกกำลัง แล้วด้วยความที่เรามีแพลตฟอร์ม ก่อนหน้านั้นเราทำรายการท่องเที่ยว เราก็มีอะไรให้อัปเรื่อยๆ พอไม่ได้ออกไปไหนก็ไม่มีอะไรให้อัป เรายังอยากจะสื่อสารกับแฟนเพจ ก็ชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ จนเราออกกำลังกายแล้วถ่ายคลิป เหมือนชวนออกกำลังเล่นๆ ซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดอะไรค่ะ ปรากฏว่าคนชอบ เป็นช่วงที่คนอยู่บ้านและ Work from Home คนที่ออกกำลังเองก็ออกกำลัง มี Beginner เยอะมาก คราวนี้พอเขามาเจอเราออกกำลังด้วยท่าง่ายๆ เขาก็ชอบ เลยเหมือนว่ามีฐานแฟนใหม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นแฟนใหม่จริงๆ ด้วย แต่เป็นแฟนเก่าที่มาในเวอร์ชันออกกำลัง เฮ้ย ไม่ได้เที่ยว แต่มาออกกำลังกัน คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น
จากวิกฤตเริ่มมองเห็นโอกาส
ก่อนจะสร้างแบรนด์ VJ ACTIVE มันเริ่มมาจากมองหาว่ามีโอกาสอะไรที่จะต่อยอดได้บ้าง ก็นึกไปถึงตอนที่เราทำเสื้อผ้าสมัยเรียน เรารู้สึกสนุกกับสิ่งนั้น แล้วอยากจะลองเริ่มดู ไหนๆ เราก็ต้องใส่ชุดออกกำลังอยู่ทุกวัน แล้วปกติเวลาเราไปหาชุดออกกำลังเราก็จะเลือกแบบที่เราชอบ แล้วบางตัวที่เราชอบ คนอื่นก็ชอบด้วยเหมือนกัน เขาถามว่า ตัวนั้นซื้อที่ไหน ตัวนี้ซื้อไหน เราเลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นลองทำเองมันก็น่าจะได้หรือเปล่า? แต่ปัญหาช่วงเริ่มต้นของคนทำชุดออกกำลังมันจะยากตรงการผลิต สั่งผลิตขั้นต่ำแต่เริ่มต้นปริมาณเยอะมาก แล้วอีกวิธีคือเราสามารถรับมาจากตลาดต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ผลิตตีแบรนด์โดยเลือกของเข้ามา อย่างนั้นก็ได้ แต่เราอยากออกแบบใหม่และให้มันเป็นอินพุตจากเราเอง เลยพยายามติดต่อที่ที่รับผลิตขั้นต่ำจำนวนไม่เยอะมาก ขั้นต่ำคือต่ำได้ไหม ทุกครั้งที่พูดขั้นต่ำจะสูงหมดเลย ก็เป็นหมื่นนะคะ ขั้นต่ำไม่มีความต่ำ คืออะไร (หัวเราะ)
สมมติเราคิดจะเริ่มแล้วกางเกงหนึ่งตัวเราต้องผลิต 1,000-1,500 ตัว เราก็ร้องไห้เหมือนกัน เลยพยายามลองหาทาง สุดท้ายโชคดี เพราะเจอรุ่นน้องที่เขาทำโรงงานพอดี แล้วปกติเขารับแต่แบรนด์ใหญ่ที่เป็นแบรนด์เมืองนอก ช่วงโควิดเลยกลายเป็นโชคดีของเราตรงที่ว่ากำลังการผลิตเขาพอมี เพราะว่าทุกอย่างชะงัก เขาเลยพอมีเวลามาทำให้เราได้ เลยรับผลิตขั้นต่ำที่จำนวนไม่สูงเท่าไร แล้วก็ช่วยตั้งไข่ให้
ทำไมจึงเป็น VJ ACTIVE
VJ ACTIVE จริงๆ คำว่าวีเจ เหมือนถูกประทับไว้ที่หน้าผาก เหมือนเป็นคำนำหน้านาม เขาไม่เรียกนางสาว เขาเรียกวีเจ ไม่ว่าวันนี้วีเจไหนจะหายไป แต่วีเจจ๋ายังเป็นชื่อเดิมอยู่ เพราะว่าชื่อสั้นไงเขาก็เลยเรียกวีเจจ๋า มันเลยกลายเป็นชื่อแบรนด์ อยากให้พอพูดแล้วก็ยังนึกถึงเรา แต่ก็ไม่เราซะทีเดียว ไม่ต้องเป็นวีเจจ๋าอะไรอย่างนี้ ก็เป็นวีเจ แล้วคำว่า Active ก็ตอบโจทย์ของแอ็กทีฟแวร์ เวลาเสิร์ชปั๊บจะได้รู้ว่าเราขายแอ็กทีฟแวร์ ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นวีเจอะไร วีเจแล้วยังไงต่อ? ก็คิดแบบนี้ ตัวสโลแกนคือ Strong, Sexy, Determine จ๋าเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความเซ็กซี่ มีความแข็งแรง แล้วถ้าเป็นแบรนด์นี้ก็ต้องมีความมุ่งมั่นด้วย
VJ ACTIVE คือการเดินทางของแพสชัน
มันเปรียบเหมือนการเดินทางของจ๋าเลยค่ะ ด้วยความที่เราอยากพรีเซนต์ความเป็นแบรนด์ให้ชัดเจนที่สุด เลยต้องทำหลายรอบมากกว่าที่มันจะลงตัว ลองทำโดยเริ่มจากตัวเองก่อน แล้วลองปรับ ลองผ้า ลองแบบ คือทุกอย่างจริงจังมาก พอเสร็จคอลเล็กชันนั้นปุ๊บมันก็จะมีเรื่องให้เรียนรู้ว่าเส้นทางนี้ไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้นนะ พอขายมาได้สักพักหนึ่ง แล้วโควิดเริ่มซา เริ่มกลับสู่ความเป็นปกติ แต่ยังไม่ปกติมากนะ การผลิตเริ่มกลับคืนมา คิวผลิตเขาเริ่มเยอะ เริ่มยาวแล้ว ซึ่งบริษัทเขาที่อยู่ที่ประเทศพม่า ตอนนั้นพม่าเกิดปัญหาภายใน โรงงานเขาก็โดนเผา โดนปิด กลายเป็นว่าการผลิตทุกอย่างที่อยู่ที่โน่นก็มาที่นี่ งานเลยล้น คราวนี้ถ้าเรารอการผลิตอย่างเดียว ที่เดียวก็จะต้องรอหลายเดือน เราเลยต้องไปหา Outsource อื่นอีกว่ามีที่ไหนที่เขารับผลิตได้อีก แล้วขั้นต่ำต้องย้ำว่าต่ำมาก ก็เจอบ้างนะคะ เจอที่เขาผลิตให้รายเล็กบ้าง แต่บางที่เขาตัดเย็บสวย แต่ว่าตามงานไม่ได้ก็มี เบลอใส่ คือหายไป ไลน์ไม่ตอบ ไม่อ่าน ไม่หือ ไม่อือ โทรไปไม่รับ บางทีผลิตแล้วมี Defect เยอะ ก็เจอมาหลากหลายรูปแบบ เรียกว่าเรียนรู้วันต่อวันเลยว่าเราจะแก้ปัญหายังไง เพราะว่าตัวเองเป็นคนที่ให้ใส่ใจเรื่องคุณภาพอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้วมันคือหน้าตาของเรา เวลาเขาด่าเขาไม่ด่าคนอื่น เพราะเราเอาตัวเองการันตี เพราะฉะนั้นความผิดพลาดอะไรนิดๆ หน่อยๆ เราก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เราอยากควบคุมคุณภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
แพสชันกับสร้างแบรนด์
ต้องมี! จำเป็นมาก เพราะเวลาจะทำชุดออกมา เราคิดทุกอย่างเหมือนเราใส่เอง เราใส่เองแล้วเรารู้สึกยังไง คนที่เขาซื้อไปก็ต้องได้รับความรู้สึกเดียวกัน ถ้าเราเอามาใส่แล้วยังไม่ชอบ เราก็จะปรับอีก ก่อนทำจ๋าไม่ได้คิดมากว่ามันจะเป็นยังไง แค่รู้สึกว่าอยากทำชุดออกกำลัง แล้วเรียนผิดเรียนถูกไปเรื่อยๆ ตามสิ่งที่เจอมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน ซึ่งก็จะมีปัญหามาให้แก้เรื่อยๆ ค่ะ ถ้าถามว่ามีภาพอะไรที่เราเคยมองไว้ก่อนหน้านี้แล้วมันเป็นอย่างที่เราต้องการไหม น่าจะเป็นคนที่เขาได้ใส่แล้วมาบอกว่า เฮ้ย มันเวิร์ก ถ้าเกิดว่าเขาเอาไปใส่แล้วเขากลับมาบอกเราว่า เฮ้ย พี่ มันอึ๋มจริง เราก็รู้สึกแฮปปี้แล้วนะ ใส่แล้วรู้สึกกระชับมากเลย ใส่แล้วอยากถ่ายรูปที่ยิม เราก็รู้สึกดี เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาคนไปยิมเขาไปออกกำลัง แต่ถ้าได้รูปสวยมาด้วยก็ถือเป็นโบนัส ถ้าเกิดว่ามีรูปสวยที่สามารถทำให้หุ่นดูดีขึ้นอีกนิดหนึ่งก็ยิ่งเป็นโบนัสแบบดับเบิล เราเลยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
สิ่งที่สนุกจากการทำแบรนด์ VJ ACTIVE
ตอนแรกคิดการตลาดสนุกสนานมาก เราเป็นคนที่ทำทุกอย่างจริงๆ ตอนที่คิดการตลาดเราบอกไปก่อนว่าจะลงวันไหน แล้วดูฟีดแบ็ก ดูกระแสว่าคนจะชอบไหม มันตื่นเต้นนะ ถ้าเกิดเขาไม่ซื้อจะทำยังไง ถ้าเกิดเขาไม่ชอบ ถ้าเกิดเขารู้สึกว่าซื้อที่อื่นก็ได้ ไม่เห็นจะต่างกันเลย เราจะทำยังไง พอดูฟีดแบ็กแล้วเห็นว่ามีคนรอซื้อเลยทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ตอนขายเซ็ตแรกก็ขายดี เราเลยมีกำลังใจ แล้วโชคดีที่จ๋ามีเพื่อนเยอะ พอเขาเอาไปใส่เลยทำให้คนเห็นเยอะ ช่วยให้ได้รับฟีดแบ็กที่ดีขึ้นอีก เพราะว่าเพื่อนสวยด้วย เพื่อนใส่แล้วก็สวย
จุดเด่นของแบรนด์ VJ ACTIVE
ชุดออกกำลังจะมีแฮชแท็กที่ชอบใช้คือ #ionlygetBetter เราอยากจะพัฒนาตัวเอง และมี #Strong #Sexy #Determined ช่วงแรกๆ เลยจะมี #อัปบนลดล่าง คือตัวฟองน้ำที่เลือก เรื่องนี้ซีเรียสมากเลยนะ เราเคยใส่ชุดออกกำลังที่ใส่แล้วรู้สึกว่าทำไมหน้าอกแบนจัง ทั้งที่เราก็ไม่ได้แบนขนาดนั้น แต่เวลาใส่ทำไมมันรัดจนแบนขนาดนั้น เราเลยใส่ใจในเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องเล็กที่ไม่เล็ก มันคือความมั่นใจนะ แต่ว่าบางแบรนด์ที่เราเคยใส่ โอ้โห อย่าไปชนใครเลยนะ ฟองน้ำหนามาก แต่มันก็สวยไง เราเลยพยายามหาอะไรที่อยู่ตรงกลาง ฟองน้ำไม่ต้องหนาแต่ว่าดันทรง คือจะโกหกก็ไม่ต้องโกหกเยอะ โกหกแบบยังพอพูดได้อยู่ว่า บ้า เสริมนิดหน่อยเองน่า ซึ่งรายละเอียดจะอยู่ที่คัตติ้ง ทรงบราของเราใช้ฟองน้ำตัวเดียวกันเลย แต่จะใช้วิธีการเย็บโดยเก็บตรงนั้นแล้วดันขึ้นมาตรงนี้ ทำให้มีเนินขึ้นมา ก็จะเป็นเรื่องเล่าของการอัปบนแล้วก็ลดล่าง ส่วนผ้าที่เลือกใช้เราก็ให้ความสำคัญ เราอยากใส่เสื้อผ้าแล้วสวย แต่ก็จะมีชุดออกกำลังบางแบบที่ใส่แล้วรู้สึกว่าไม่สบายขา เราเลยเลือกผ้าที่รัดแน่นหน่อย ใช้เวลาตามหาจนได้ผ้าที่โอเคที่สุด เป็นที่มาของคำว่าอัปบนลดล่าง แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มมีการพัฒนา เช่น เย็บยังไงให้ยกก้นขึ้น คือมันไม่ได้ยกขึ้นมาจริงๆ แต่ว่าพรางสายตา ช่วยให้ดูมีทรวดทรงมากขึ้น
ความรู้สึกต่อฟีดแบ็กที่ได้รับจากลูกค้า
ปลื้มมาก ทุกครั้งไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาจะซื้ออะไรไป จะชิ้นไหน จะซื้อครั้งเดียว จะซื้อหลายครั้งคือปลื้มหมดทุกอย่าง แล้วทุกฟีดแบ็กแม้จะแค่คำว่า ชอบค่ะ คำเดียว แต่แค่คำนี้มันก็เติมเต็มแล้วนะ ถามว่าสำเร็จไหม? ยังไม่ได้วัดว่ามันเป็นความสำเร็จหรือไม่สำเร็จ แต่ว่าเราอยากให้เขาซื้อไปแล้วเขาชอบ หรือว่าซื้อไปแล้วมันช่วยอะไรเขาได้บ้าง แล้วรู้สึกคุ้มค่าที่ซื้อ เราพยายามคิดให้ตอบโจทย์ชีวิตเขา ให้เขาได้ใช้เงินอย่างคุ้มค่า ซื้อไปแล้วใส่ได้ยาวๆ
มีคนหนึ่งค่ะเป็นลูกค้าหลัก ตกใจมากเหมือนกัน เพราะเขาซื้อทุกออร์เดอร์ ทุกแบบ ทุกรุ่น ทุกคอลเล็กชัน ทุกสี เราก็คิดในใจ อย่าหนีไปไหนนะคะ ขอร้อง อยู่ด้วยกันไปยาวๆ เลยลองถามฟีดแบ็กดู แต่ไม่กล้าถามเยอะ ถามแค่ว่าชอบไหม ดีไหมคะ เขาก็ตอบว่าดีค่ะ ลูกค้าหลายคนบอกเราว่า ปกติเขาไม่มีหน้าอกเลย พอได้ลองใส่ชุดออกกำลังของเราแล้วเขารู้สึกมั่นใจขึ้น แต่มีคนหนึ่งที่บอกว่าเขาใส่แล้วรู้สึกมีหน้าอกมากขึ้นแล้วหายไปพักหนึ่ง เราก็คิดว่าเขาไม่กลับมาซื้อแล้วเหรอ ปรากฏว่าเขากลับมา บอกว่าเขาท้องกำลังจะมีน้อง เขาอยากซื้อ แต่ว่าน่าจะต้องเปลี่ยนไซส์แล้ว เราดีใจที่เขายังนึกถึงเรา ยังอยากจะอุดหนุนเราอยู่
ปัญหาที่เจอระหว่างทาง
ที่เจอก็น่าจะเป็นเรื่องของการผลิต เพราะว่าเราไม่ได้ควบคุมเองได้ แล้วบางครั้งอาจจะเกิดความไม่ต่อเนื่อง บางทีเรากำลังขายสินค้าตัวนี้แล้วมันขาดตอนไป เดี๋ยวนี้อะไรก็มาไวไปไวไงคะ สมมติว่าเขาไม่ได้ซื้อของเรา บางทีเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้นะ เหมือนช่องยูทูบ พอไม่ได้อัปมันก็หายไปเลย แต่ถ้าเราทำให้เขายังจำได้ อยากจะซื้อกางเกงที่ใส่แล้วมันกระชับก็ยังมีแบรนด์นี้ เขานึกถึงเรา มันก็ยังช่วยได้อยู่ ความต่อเนื่องมีส่วนเยอะมากๆ ในการทำสินค้าออกมาขาย
ถ้าถามว่าเคยอยากเลิกทำไหม? ความรู้สึกอยากเลิกทำยังไม่มี แต่เหนื่อยมากๆ มีเหมือนกันค่ะ เหมือนกับว่า โอ๊ย ซ้ายก็ปัญหา ขวาก็ปัญหา แต่ยังโชคดีในความเป็นตัวเอง เพราะเป็นคนที่มีมายด์เซ็ตว่าถ้ามีปัญหาเดี๋ยวหาทางอื่น มีปัญหาเดี๋ยวหาทางอื่นอยู่อย่างนี้ สุดท้ายสมมติไม่มีทางเลยก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเราทำเต็มที่แล้ว
นิสัยอะไรที่หล่อหลอมให้ตัวเองกล้าทำตามหัวใจ
จ๋าเป็นคนชอบเรียนรู้ การเรียนรู้มันไม่ใช่แค่ตำรา เลยเป็นลักษณะนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็เป็นคนแพ้เป็น ไม่ซีเรียสเวลาที่ทำแล้วไม่ได้ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ แต่ว่าไม่ได้เคียดแค้น หรือเครียดที่ทำไมไม่ใช่ฉัน ทำไมฉันทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้เดี๋ยวทำใหม่ ถ้าไม่ได้เดี๋ยวทำอย่างอื่น มันเป็นมายด์เซ็ตของเรา
ความรู้สึกที่มีต่ออาชีพที่สอง
คนเราไม่ต้องทำอาชีพเดียว จะทำกี่อาชีพก็ได้ถ้าเราเอาอยู่ คือคุณจะทำ 3 อาชีพ 5 อาชีพ ถ้าคุณเอาอยู่และจริงจัง ไม่ใช่ทำแบบแตะๆ แล้วไม่รับผิดชอบ ทำไปเถอะ จะกี่อาชีพก็ทำไปเลย อาชีพเดียวก็ไม่ผิด แต่ถ้าเรามีความสามารถมากกว่านั้น เรามีเวลาที่เราจัดการได้ ทำหลายอาชีพไว้ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีให้กับชีวิต เผื่อว่าทางแรกตัน เราจะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าชีวิตเราจบสิ้นแล้ว เรายังมีทางที่สองให้เลือกเดิน จะเดินสองทางพร้อมกันก็ได้ถ้าคุณเอาอยู่
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการสร้างแบรนด์
เหมือนกับทุกครั้งที่ได้เริ่มทำงานใหม่ อะไรที่มันเป็นสิ่งที่เราริเริ่มขึ้นมา มันเป็นความภูมิใจในตัวเอง มันเป็นประสบการณ์ มันเป็นการเดินทาง มันเป็นสิ่งที่เราสั่งสม และเป็นสิ่งที่ทำให้เราเติบโตขึ้นอีกก้าวหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แล้วยิ่งเรื่องของอาชีพมันทำให้เราได้มีเส้นทางว่าเราเลือกจะทำสิ่งนี้ได้ เอาไว้ย้อนกลับมามองว่าในชีวิตนี้เราได้ทำอะไรไปบ้าง แล้วเรามีความภูมิใจในตัวเองไหม แล้วความภูมิใจนี้มันสามารถสร้างอะไรให้เราได้บ้าง สร้างรายได้ให้เราได้ สร้างความเป็นผู้ใหญ่ สร้างความรับผิดชอบ สร้างความสามารถอื่นๆ เช่น สื่อสาร อยู่ดีๆ ก็เป็นนักการตลาด อยู่ดีๆ มีทักษะแอดมิน เดี๋ยวนี้ฉันพิมพ์คำเร็วมาก แพ็กของก็เป็นนะ ได้ไปรีเสิร์ชข้อมูล อะไรต่างๆ ที่เราอาจไม่เคยได้ทำ เรียนรู้ว่าการกระจายงานเป็นเรื่องที่ดี แต่ในวันที่กระจายงานไม่ได้ก็ต้องทำเองได้
อยากบอกอะไรกับคนที่มีฝัน แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ
น่าจะเหมือนกับที่ทุกคนเคยได้ยินมา จ๋าว่ามันเป็นเรื่องเดียวกันที่ได้ยินซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว คืออยากทำอะไรทำเลย เพราะว่าถ้ารอก็คือเลื่อน แล้วการเลื่อนคือไม่ได้เริ่ม เพราะฉะนั้นอยากทำทำไปก่อน แต่ก่อนจะทำไม่ใช่ทำแบบสะเปะสะปะ หาข้อมูลก่อน เรียนรู้กับมันก่อน แล้วก็เริ่มทำ แต่ไม่ใช่ว่าหาข้อมูลจนแบบกลัวไปหมด เดี๋ยวรออันนี้ เดี๋ยวเผื่อมีอันนี้ ไม่ได้ทำ เราต้องอยู่ตรงกลาง สะเปะสะปะเกินไปก็อาจเสียเงินฟรี หรือทำเสร็จแล้วเฟลก็จะพาลหมดกำลังใจ เพราะฉะนั้นหาข้อมูลไม่ต้องพร้อมมาก เริ่มทำเลย แล้วก็แก้ไปตามนั้น
ทุกวันนี้เป้าหมายของจ๋าคืออะไร?
เป้าหมายของจ๋าคืออยากให้แบรนด์เติบโต อยากให้อยู่ไปนานๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากขยับตลาดออกไปต่างประเทศบ้าง อย่างประเทศใกล้เคียง ประเทศในเอเชีย ในอนาคตถ้าการผลิตของเราแข็งแรงมากขึ้น เราจะทำการตลาดแบบนั้น เราอยากให้เป็นแบบนั้น สำหรับตลาดออนไลน์จ๋ายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ เพราะเป็นคนรุ่นเก่า แต่จะไม่หยุดเรียนรู้