นี่คือร้านอาหารที่เราเฝ้ารอมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตั้งแต่เราได้เจอเชฟดีมี่ (Dimitrios Moudios) ครั้งแรกที่ร้านหลานยาย วันนั้นเชฟแอบสปอยล์เปิดหน้าตาโลเคชันร้านนี้ให้เราดูว่า ‘ōre’ ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่เขาจะเป็นคนนำครัวจะมาเปิดอยู่ที่นี่ ชั้นบนร้านอาหาร BK SALON ของเชฟต้น ธิติฏฐ์ เจ้าของตัวจริงของร้านหลานยายที่เป็นคนชวนเชฟดีมี่มาช่วยดูแล
ทว่าสำหรับ ōre ทุกคนจะได้เห็นตัวตนอีกด้านหนึ่งของเชฟดีมี่ ซึ่งเราว่าแตกต่างจากครั้งแรกที่เจอกันอย่างสิ้นเชิงทั้งหน้าตาและสไตล์อาหาร แถมที่นี่เชฟไม่ได้ทำอาหารไทยหรืออาหารสัญชาติไหนเป็นพิเศษ เชฟดีมี่บอกว่าเขาแค่อยากโชว์รสชาติของวัตถุดิบด้วยการจับสิ่งต่างๆ ที่เขาเรียนรู้มาโดยตลอดอาชีพการเป็นเชฟมาใส่เข้าไว้ด้วยกัน
The vibe
ōre เป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแบบเคาน์เตอร์บาร์ 8 ที่นั่ง ร้านเปิดอยู่บนชั้น 2 ของร้านอาหาร BK SALON ในย่านสาธุประดิษฐ์ เดินขึ้นมาแล้วทุกคนจะพบกับอีกบรรยากาศที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่นผสมสแกนดิเนเวียนิดๆ ทุกอย่างทำจากไม้ ผ้า กระดาษ และใช้โทนสีธรรมชาติ ซึ่งทั้งหมดเป็นคอนเซปต์เดียวกับอาหารที่พวกเรากำลังจะได้ชิม
เชฟดีมี่ (Dimitrios Moudios)
The taste
ore แปลว่าแร่ธาตุ นี่คือไอเดียตั้งต้นของเชฟเลยก็ว่าได้ เพราะสิ่งแรกที่เชฟพูดถึงก่อนเสิร์ฟเมนูแรกก็คือ ‘น้ำ’ ที่ใช้ในการทำอาหารของร้านนี้ เชฟดีมี่บอกว่าเขาใช้น้ำจากน้ำพุใกล้น้ำตกไทรโยค โดยน้ำจะส่งมาที่ร้านทุกๆ 2 วัน และเหตุผลที่ต้องเป็นน้ำจากแหล่งนี้เท่านั้นก็เพราะแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำตามธรรมชาติจะส่งผลให้รสชาติอาหารออกมาดีกว่า ก่อนเมนูแรกจะมาเชฟจึงมีน้ำต้มอุ่นๆ ให้ลองชิมด้วย
เมนูมีทั้งหมด 20+ คอร์ส เป็นรูปแบบเทสติ้งเมนูที่เราว่าเชฟชูวัตถุดิบได้ดี แปลกใหม่ และไม่น่าเบื่อ อย่างเช่นคำที่เราชอบก็มี ‘สตรอว์เบอร์รี’ ด้านบนเป็นลาร์โดหมักมะแขว่น กินแล้วมีรสเปรี้ยว หวาน เค็ม และหอมกลิ่นรมควันอ่อนๆ
‘ฟัก’ เรากินแล้วนึกถึงฟักแฟงในซุปจีนๆ แต่เวอร์ชันนี้เชฟใส่พริกแกงไว้ด้านในให้มีรสเค็มดึงขึ้นมา ส่วนน้ำซุปก็มาจากน้ำจากน้ำตกที่ใช้ต้มฟัก
‘มันหวาน’ เป็นเมนูที่เราชอบมาก เพราะทำให้อร่อยและแตกต่างยาก แต่เชฟดีมี่นำไปรมควัน 2 ชั่วโมงจนผิวกรอบนิดๆ เสิร์ฟคู่กับซอสข้นๆ ต่อไปเป็นเมนูซาชิมิ ‘ปลากะพงแดง’ ที่ด้านในมีเม็ดมะละกอ เชฟให้จิ้มกับโชยุโฮมเมดที่รสชาติแตกต่างจากทั่วไป มีความหอมเข้มและเปรี้ยวนิดๆ
‘ถั่วหวานย่าง’ เป็นอีกเมนูที่เราชอบตั้งแต่คำแรก เชฟหั่นหมึกเป็นชิ้นเล็กๆ เท่ากับเม็ดถั่ว ก่อนผสมคาเวียร์ และให้เราบีบฟิงเกอร์ไลม์ลงไปเพิ่มความเปรี้ยว จานนี้เท็กซ์เจอร์ดีมาก รสชาติก็หลากหลาย กินสนุกเลย
เราชอบทั้งพรีเซนเทชันและรสชาติของ ‘ปูนิ่ม’ เชฟคงได้แรงบันดาลใจมาจากปูในนา ด้านล่างเชฟห่อใบงากับซอสมาให้แล้ว เราหยิบขึ้นมากินได้เลย แล้วมีมะม่วงเขียวให้บีบเพิ่มความเปรี้ยวด้วย
‘ปลาโอรมควัน’ เสิร์ฟแบบซาชิมิคู่กับมะเขือเทศย่างก็น่าสนใจ เช่นเดียวกับ ‘มะเดื่อย่าง’ ที่มาพร้อมซอสคล้ายพริกแกง แต่ทำจากถั่วผสมเต้าหู้ บอกเลยว่ารสชาติดีมากจนเราอยากขอเพิ่มอีก
‘เนื้อกับข้าวผสมทุเรียนดำ’ น่าจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ที่สุดสำหรับเราในคืนนี้ เชฟทำเหมือนซูชิโรล แต่ด้านนอกเป็นสาหร่ายกรอบๆ ด้านในเป็นข้าวผสมทุเรียน ท็อปด้วยแฮมเนื้อทำเอง
‘เสือร้องไห้’ หลายคนต้องชอบ เพราะเนื้อนุ่มละลายในปาก เนื่องจากผ่านการรมควันนาน 12 ชั่วโมง ‘ข้าวอบหม้อดิน’ เชฟผสมดอกดาหลากับถั่วลงไป ด้านบนเป็นมีตบอลน่องเป็ด
ของหวานมีทั้งหมด 4 อย่าง เมนูที่เราชอบมากคือ ‘กีวีซอร์เบต’ กับซอสใบชะมวง ผักชีลาว และพาร์สเลย์ ‘คอมบุครีม’ ที่ทำเหมือนหมี่กรอบเวอร์ชันใหม่ และ ‘ไอศกรีมมะพร้าว’ ที่เสิร์ฟกับชาอู่หลง ตักกินทีละคำแล้วได้ความหวาน ตัดด้วยความหอมขม
Good for
ōre เป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่เราว่ามีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน อาจเพราะเชฟดีมี่เคยทำอาหารมาแล้วในหลายๆ ประเทศด้วย เขาจึงหยิบทุกอย่างที่เรียนรู้มาใส่ในร้านนี้ เชฟบอกเราว่า “ผมไม่จำกัดความว่า ōre เป็นร้านอาหารสัญชาติใด เพราะผมอยากลองหยิบวัตถุดิบมาผสมผสานกันไปเรื่อยๆ เพื่อทำสิ่งใหม่มากกว่า”
เราว่าร้านนี้จะสมกับการเฝ้ารอ ถ้าหากคุณอยากลองประสบการณ์ใหม่ๆ หรือชิมอาหารที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน หรือบางทีอาจเป็นรสชาติคุ้นๆ ทว่าวัตถุดิบที่หยิบขึ้นมาชิมอาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้
ōre Bangkok
Address: ถนนสาธุประดิษฐ์ (ชั้นบนร้าน BK SALON)
Open: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00-21.00 น.
Contact: @ore.bkk
Budget: 3,990++ บาทต่อคน
Map: