เราอยากให้ทุกคนเปิดเพลงซิตี้ป๊อปคลอไปด้วยระหว่างอ่านบทความ เพราะคาเฟ่ Oh! Vacoda กลับมาเปิดพร้อมไวบ์ใหม่ กลายเป็น ‘Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club’ ที่แค่เปิดประตูเข้าไปก็ได้กลิ่นอายซิตี้ป๊อปชัดแจ๋ว บวกกับโซนบาร์ที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มผลไม้ฉลากน่าหยิบจับ รับรองถึงเวลากลางคืนเมื่อไรทุกคนจะนั่งจิบบรรยากาศเพลินจนไม่อยากลุกแน่ๆ
The Vibe
Oh! Vacoda ยังคงเปิดอยู่ในบ้านหลังเดิม ตรงหัวมุมซอยอารีย์สัมพันธ์ 4 เพียงจากแต่ก่อนที่เคยเป็นคาเฟ่อะโวคาโด ตอนนี้ร้านปรับ Mood & Tone ใหม่ให้ตอนกลางคืนมีกลิ่นอายแบบร้านนั่งชิลสไตล์ญี่ปุ่นซิตี้ป๊อปด้วย ทั้งไฟสีแดงสลัวด้านใน ตัดกับผิวร้านสีเขียวอะโวคาโดด้านนอก ไปจนถึงวอลล์เปเปอร์และของตกแต่งที่ดึงมาจากยุค 80
เราชอบที่ร้านใช้กระจกใสบานใหญ่ให้คนที่ผ่านไปมามองเห็นไวบ์ร้านได้ชัดๆ ด้วย ถ้าใครอยากลองเป็นตัวละครเอกบนปกอัลบั้มซิตี้ป๊อป ก็ลองไปนั่งริมหน้าต่างแล้วทอดสายตาชมวิว ปล่อยใจจอยๆ ดู
The Taste
Oh! Vacoda ยังเก็บคาแรกเตอร์เดิมไว้ไม่หายไปไหน เมนูอาหารส่วนใหญ่ยังมีดีเอ็นเอของอะโวคาโดให้เห็น แต่เราอยากบอกว่าที่นี่เป็นมากกว่าคาเฟ่ เพราะถึงแม้หน้าตาอาหารจะดูน่ารักแบบจับวาง แต่รสชาติเขาก็ทำจริงจัง
เมนูแนะนำเช่น ‘Oh! Vacoda Fav Set (350 บาท)’ เซ็ตอาหารเช้าสไตล์อเมริกัน มีไข่ดาว ไส้กรอก อะโวคาโด วาฟเฟิลบัตเตอร์มิลก์ และไอศกรีม เสิร์ฟมาพร้อมกันในถาดเดียว ‘Kimchi Fried Rice (320 บาท)’ ข้าวผัดกิมจิเบคอนกับไข่คนและอะโวคาโด สั่งมากินคู่กับสลัดรสชาติสดชื่นๆ ‘Burrata Avocado Fruit Salad (420 บาท)’ หรือครีมโซดาสุดคลาสสิกจากยุค 80 ที่ชาวญี่ปุ่นคลั่งไคล้กันมากอย่าง ‘Melon-Vanilla (220 บาท)’ ก็ได้
‘Avocado Pesto Rice with Hamburg & Curry (330 บาท)’ จานนี้เราชอบ กินแล้วนึกถึงอาหารฝีมือแม่บ้านญี่ปุ่น เป็นข้าวผัดเพสโต้กับแฮมเบิร์ก ท็อปไข่แดงดอง ราดซอสแกงกะหรี่ นอกจากหน้าตาน่ารักน่ากิน รสชาติก็ดีไม่เบา
มีของหวานต้องลองด้วย ‘The Real Avocado Cheesecake (185 บาท)’ ชีสเค้กอะโวคาโดที่เรียลทั้งหน้าตาและส่วนผสม รสชาติหวานน้อย กินได้เรื่อยๆ แต่ถ้าใครยังอยากได้ของคาวกินคู่เครื่องดื่มอยู่ ให้สั่ง ‘Cheese Balls with Avocado Wasabi Mayo (180 บาท)’ ความเด็ดอยู่ตรงความกรอบและซอสอะโวคาโดวาซาบิมาโยด้านบน กินแล้วไม่หนักไป รสชาติไม่กลบดริงก์
พร้อมแล้วก็ถึงเวลาจิบค็อกเทล เราได้ลองซิกเนเจอร์ ‘Plastic Love (300 บาท)’ ชื่อเมนูที่สาวกเพลงซิตี้ป๊อปต้องคุ้นหู เป็นค็อกเทลเบสจินที่ใช้อัญชันทำให้เครื่องดื่มมีสีม่วงเหมือนพลาสติก แก้วนี้ดื่มแล้วสดชื่น
‘Ari Sour (340 บาท)’ ทวิสต์มาจากค็อกเทลกาลครั้งหนึ่งยอดฮิตอย่าง New York Sour แต่เปลี่ยนมาใช้ยูซุผสมตามคอนเซปต์ Fruit Bar แก้วนี้น่าจะถูกใจคนไม่ชอบความเข้ม หรือจะลอง ‘Pina Vacoda (340 บาท)’ ที่ทวิสต์มาจากค็อกเทลคลาสสิกอย่าง Pina Colada ก็ได้ ร้านใส่ไอศกรีมอะโวคาโดลงไปเชกพร้อมแอลกอฮอล์ ก่อนเสิร์ฟในถ้วยไม้ให้ฟีลซัมเมอร์
Good for
อาจเพราะร้านอยู่ตรงหัวมุมพอดี เราเลยรู้สึกว่าไวบ์ดูญี่ปุ่นมากขึ้นไปอีก บวกกับเพลงซิตี้ป๊อป บรรยากาศ และเครื่องดื่มที่ไม่ได้มีแค่ค็อกเทล เพราะ Oh! Vacoda จะเน้นทุกอย่างที่ทำจากผลไม้และมีความญี่ปุ่น อย่างที่เห็นบนเคาน์เตอร์บาร์ก็มีอูเมะชู สาเก โซจู หรือไวน์ให้เลือกอีก
ที่นี่เหมาะกับมานั่งแฮงเอาต์สนุกๆ กับเพื่อนมากๆ โดยเฉพาะเพื่อนคอเดียวกันที่ชอบฟังเพลงซิตี้ป๊อป หรือใครจะแวะมานั่งดื่มคนเดียวก็ไม่มีปัญหา เพราะเจ้าของร้านใจดี เฟรนด์ลี พร้อมชวนทุกคนคุยแก้เหงา
Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
Open: เปิดวันพุธ-วันจันทร์ เวลา 11.00-01.00 น. (ปิดวันอังคาร)
Address: ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4
Contact: Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
Budget: เริ่มต้น 300-500 บาท
Map: https://goo.gl/maps/CpizceCY3DXYFnpE9