×

Living Quality: ถ้าชีวิตเราไม่ได้มีแค่เรื่อง “ต้องสำเร็จ” ล่ะ? หยุดพักบ้างก็ได้

20.09.2025
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • Living Quality: ถ้าชีวิตเราไม่ได้มีแค่เรื่อง “ต้องสำเร็จ” ล่ะ? บางทีชีวิตที่ใช่อาจไม่ใช่แค่การวิ่งตามเป้าหมาย แต่คือการหยุดพักให้คุณได้ ‘หายใจ’ อย่างเต็มที่ในพื้นที่ที่คุณเลือกได้เอง

ในจังหวะชีวิตที่เร่งรีบจนลืม ‘หายใจ’ คนเมืองหลายคนต้องเผชิญกับการไล่ตามเป้าหมาย ยอดขาย หรือ KPI ที่ต้องทำให้สำเร็จ จนบางครั้งก็รู้สึกผิดเมื่อไม่ได้ทำอะไรที่มีประโยชน์หรือเมื่อหยุดพัก ความรู้สึกนี้กดดันให้ต้องพยายามทำทุกอย่างให้บรรลุเป้าหมาย แต่ในท้ายที่สุดกลับทำให้ใจเหนื่อยล้าเกินไป

 

LIFE จะชวนคุณมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ถ้าการตื่นเช้ามาเพื่อ ‘หายใจ’ ก่อนจะเริ่มวันทำงาน คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่พอแล้วจะเป็นยังไง?” โดยพาไปสำรวจมุมมองกับ นุ่น-ภัทรศยา เชาว์รัศมีกุล บรรณาธิการ THE STANDARD LIFE ผู้ที่เข้าใจอินไซต์ของคนเมืองและได้ค้นพบความหมายของ Living Quality ในแบบของตัวเอง

 

การเติบโตขึ้นมาในกรุงเทพฯ และผ่านชั่วโมงบินในการทำงานด้านสื่อมาตลอด โลกเปลี่ยนไว เทรนด์คอนเทนต์เปลี่ยนตาม การวิ่งไล่ตามทุกอย่างให้ทันจึงเป็นความท้าทายที่แสนเหนื่อย แต่เธอก็ได้ตกผลึกและค้นพบความหมายของ Living Quality ในแบบของตัวเองที่แตกต่างไปจากเดิม มายด์เซ็ตใหม่คือคุณภาพชีวิตที่ดีไม่ได้มาจากการทำงานที่ต้องสำเร็จอยู่ตลอดเวลา แต่คือการได้ใช้ชีวิตในแบบที่เรียบง่ายและมีความสุข เช่น การได้ใช้เวลาทำ  slow morning จิบกาแฟช้าๆ หรือการได้ใช้เวลาบนโต๊ะอาหารกับครอบครัวอย่างเต็มที่โดยปราศจากความเร่งรีบใดๆ เหล่านี้คือช่วงเวลาที่เธอได้อนุญาตให้ตัวเองได้ ‘หายใจ’ และปล่อยวางจากความกดดันในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง 

 

เมื่อ “ความรู้สึกผิด” เข้ามาแทรกแซงการพักผ่อน

 

ในฐานะบรรณาธิการ นุ่น-ภัทรศยา ได้สัมผัสและมองเห็นเรื่องราวของผู้คนมากมายผ่านการทำงาน และพบว่าอินไซต์หนึ่งที่น่าสนใจของคนเมืองคือความรู้สึกผิดเมื่อไม่ได้ทำอะไรที่มีประโยชน์หรือเมื่อหยุดพัก ซึ่งความรู้สึกนี้เธอเองก็เคยเจอมากับตัว

 

“จริงๆ เรื่องนี้ก็เคยได้ยินมาบ้าง ที่คนทำงานบางกลุ่มอาจเกิดความรู้สึกผิดเวลาที่ไม่ได้ทำงาน หรือหยุดพัก มาคิดดูมันก็แปลกดีนะ แต่ก็เกิดขึ้นจริงกับคนยุคนี้ ต้องบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างส่งผลกระทบกับเรานะ เพราะเราเองก็เคยเป็นและทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ จะเรียกว่าเป็นคนบ้างานก็ได้ อยากทำงานตลอดเวลา บางทีตื่นเช้ามาก็เช็กงานก่อน หรือก่อนนอนก็ยังทำงานไม่จบ รู้สึกว่าตอนที่ทำมันก็สนุกดี แต่จริงๆ แล้วมันบั่นทอนเราเหมือนกัน ทำให้นอนน้อยและนอนหลับได้ไม่เต็มที่”

 

เธอยังเล่าอีกว่าความรู้สึกนี้อาจมาจากบทบาทการเป็นหัวหน้าที่ต้องขับเคลื่อนทีมให้ไปสู่เป้าหมาย พอถึงวันที่อยากพักจึงกลับรู้สึกผิดว่ามันจะโอเคไหม มันจะแฟร์สำหรับทีมหรือลูกน้องที่เธอบริหารอยู่หรือเปล่า? 

 

ทางเลือก “ปล่อยวาง…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า”

 

นุ่น-ภัทรศยา ยอมรับว่าในอดีตเธอเคยเป็นคนที่พยายามทำทุกอย่างในเช็กลิสต์ให้เสร็จ แต่เมื่อทำไม่เสร็จก็จะรู้สึกเฟล

 

“เรื่องงานเราพยายามตะบี้ตะบันทำ จนบางครั้งงานก็ออกมาไม่ดี ไม่ได้ชอบ ไม่ได้ภูมิใจ คือมันแค่เสร็จแต่มันไม่ได้ดี พอเจอปัญหาแบบนี้ก็เลยเริ่มคิดได้ว่าจริงๆ แล้วงานมันไม่เสร็จบ้างก็ได้ แค่เราต้องจัดลำดับความสำคัญของมัน ถ้างานที่สำคัญที่สุดของวันนั้นเสร็จแบบสมบูรณ์แล้วก็โอเคแล้ว ไม่ต้องรู้สึกเฟลจนมันทำลายสุขภาพจิตของตัวเอง พอเราคิดแบบนี้ได้ก็เริ่มปล่อยวางได้ คือยอมรับว่าไม่ต้องติ๊กถูกทุกข้อก็ได้ ถามว่าชีวิตเป็นยังไงเหรอ? ชีวิตก็ดีกว่าเดิมนะ คือเราจะไม่รู้สึกว่าเราเฟลทุกวัน การปรับมาเป็นแบบนี้มัน healthy กับเรามากขึ้น”​

 

การมีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับชาร์จพลัง ไม่ว่าจะนั่งนิ่งๆ ในมุมโปรดและมี Slow Morning ในแบบของตัวเอง หรือการปล่อยวางจากความวุ่นวายด้วยการพัก เอนกาย และมองต้นไม้สีเขียวภายในบริเวณบ้าน ก็ช่วยให้เราได้ดีท็อกซ์ตัวเองจากความเหนื่อยล้าทางใจอย่างได้ผล 

 

ความสุขที่แท้จริงในแบบของ นุ่น-ภัทรศยา คืออะไร?

 

เมื่อพูดถึงการค้นหาความสุขในแบบของตัวเอง นุ่น-ภัทรศยา แนะนำว่าความสุขไม่ได้มาจากกรอบของสังคมหรือความคาดหวังจากคนอื่นเสมอไป

 

“หลายคนอาจคิดว่าการได้ออกไปกิน fine dining หรือเที่ยวหรูๆ คือชีวิตที่ดี แต่จริงๆ แล้ว ยิ่งไปทำแบบนั้นบ่อยๆ เรายิ่งรู้ว่าความสุขของเราคือมื้ออาหารที่เรียบง่าย คือมื้ออาหารที่กินแล้วนึกถึงตอนเด็กที่เรากินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว สำหรับเราแล้ว มื้ออาหารที่มีความสุขคือการได้กินข้าวที่บ้าน เจอเมนูโปรดที่บ้านทำให้กินบ่อยๆ อย่างแกงจืด น้ำพริก ผัดผัก มันทำให้เห็นว่าความสุขของเรากับคนอื่นมันไม่เหมือนกัน เราอย่าไปเปรียบเทียบเลยว่าเห็นความสุขของคนอื่นแล้ว หมายความว่าเราจะต้องมีความสุขแบบนั้นด้วย เพราะความสุขมันเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ เราต้องลองค้นหาหลายๆ อย่าง”

 

เธอยังกล่าวอีกว่า “Living Quality ของเราทุกวันนี้คือการได้ตื่นมากินกาแฟตอนเช้าแก้วแรก ได้ออกกำลังกายตอนเช้า หรือแม้แต่การได้ล้างจาน เพราะการล้างจานทำให้เราได้ปล่อยวางจากมือถือ มันเป็นการทำ meditation อย่างหนึ่ง และได้ดีท็อกซ์ตัวเองจากดิจิทัล”

 

การมีพื้นที่ที่ช่วยส่งเสริมการค้นหาความสุขในแบบของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นมุมสงบๆ สำหรับการพักผ่อนหรือพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมที่คุณรัก ลองสร้าง Living Quality ในแบบของคุณเองไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่พร้อมรองรับความสุขในทุกรูปแบบ มุมสบายๆ สำหรับทำ Slow Morning ยามเช้า หรือห้องนั่งเล่นที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายได้ง่ายๆ ในทุกวัน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising