ใครที่เป็นสายสกินแคร์ออร์แกนิกคงจะต้องคุ้นหูหรือผ่านตาแบรนด์สกินแคร์พรีเมียมสัญชาติสวีเดนอย่าง L:a Bruket ที่เลื่องชื่อในเรื่องความพิถีพิถันในการคัดสรรส่วนผสมจากธรรมชาติ กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ชวนผ่อนคลาย และดีไซน์แพ็กเกจจิ้งเรียบง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนถึงแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและปรัชญา ‘นวัตกรรมขับเคลื่อนโดยธรรมชาติ’
ล่าสุด L:a Bruket ได้เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG) พร้อมให้ทุกคนได้เข้าถึงพลังของธรรมชาติจากสวีเดนมากขึ้น
ซึ่งงานนี้ Stanislas Le Bert ซึ่งเป็น Managing Director ของแบรนด์ ได้บินลัดฟ้าจากกรุงปารีสถึงประเทศไทย เพื่อฉลองการเดินทางครั้งใหม่ อีกทั้งยังพูดคุยกับ LIFE ถึงเรื่องราวการเดินทางอันน่าทึ่งของแบรนด์อีกด้วย
What is it?
L:a Bruket เป็นภาษาสวีดิช โดยที่ L:a มาจากคำว่า Lilla ซึ่งแปลว่าเล็ก และ Bruket แปลว่าโรงงาน สะท้อนถึงถิ่นกำเนิดของแบรนด์ โดยมีสองสามี-ภรรยา Mats Johansson และ Monica Kylén เป็นผู้ก่อตั้ง
เขาทั้งสองต่างหันหลังให้กับการทำธุรกิจในองค์กร แล้วเลือกที่จะเดินทางออกนอกสต็อกโฮล์มไปยังวาร์เบิร์ก เมืองเล็กๆ บนชายฝั่งตะวันตกของประเทศสวีเดน ที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทะเล ผืนป่า ชายฝั่ง และยังถือเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมสปาเก่าแก่กว่า 200 ปีด้วย
จุดเริ่มต้นของ L:a Bruket เกิดขึ้นจากการที่ Monica Kylén ผู้มีอาชีพเป็นนักปั้นเซรามิก ไม่สามารถหาสบู่ที่มีคุณภาพอย่างที่ต้องการได้ ด้วยความที่เธอมีผิวบอบบางมากถึงมากที่สุด แถมหน้าที่การงานยังบังคับให้เธอต้องสัมผัสสิ่งต่างๆ ด้วยมือโดยตรง เธอเลยทำสบู่ขึ้นมาเองด้วยการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติรอบตัว
สบู่ที่ถูกขึ้นรูปด้วยมืออย่างพิถีพิถันชิ้นต่อชิ้น ได้ผลตอบรับดีอย่างล้นหลาม จนทำให้เธอริเริ่มคิดค้นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์สภาพอากาศอันแสนแปรปรวนในวาร์เบิร์ก เริ่มจากผลิตภัณฑ์สำหรับผิวพรรณอย่างน้ำมันและสครับ โดยใช้น้ำมันหอมระเหยและเกลือจากในท้องถิ่น ด้วยแรงบันดาลใจจากองค์ความรู้สปารวมถึงวิถีชีวิตของคนในสวีเดน
นับจากผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกที่ถือกำเนิดในปี 2008 วันนี้ L:a Bruket มีทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย ผลิตภัณฑ์บำรุงผม และผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านที่ทุกคนสามารถใช้ได้โดยไม่แบ่งแยกเพศ
Swedish Authenticity & Culture
ด้วยความที่ Mats และ Monica มีความผูกพันกับธรรมชาติอย่างเต็มล้น พวกเขาจึงยึดมั่นในการเฟ้นหาส่วนผสมที่ล้วนมาจากธรรมชาติ และต้องเป็นธรรมชาติในสวีเดนเท่านั้น
อีกทั้งยังหยิบยกวัฒนธรรมของชาวสวีเดนมาปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน
“ชาวสวีเดนมักจะเอาน้ำทะเลและทรายมาขัดตัว และใช้น้ำทะเลเค็มๆ มาล้างทุกอย่างออกไป ตามด้วยการนวด เราอยากนำธรรมเนียมในการดูแลตัวเองมาปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน แล้วนำเสนอมันออกมาอย่างเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ในผลิตภัณฑ์ของเรา” Mats กล่าว
หากคุณลองไถฟีด Instagram หรือเว็บไซต์ ก็จะเห็นได้ถึงภาพอันเปลือยเปล่าของผู้คนที่ทำกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติในสวีเดน ไม่ว่าจะเป็น Bastufest ปาร์ตี้ซาวน่าที่ผู้คนวิ่งตัวเปลือยออกจากซาวน่าอันร้อนระอุสู่หิมะ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของ ‘254 Bastu’ กลิ่นเทียนหอมยอดนิยมของทางแบรนด์ หรือจะเป็น Vinterbadare การเปลือยกายอาบน้ำทะเลอันเย็นเฉียบ
L:a Bruket สอดแทรกอารมณ์ขันผ่านภาพเหล่านี้เพื่อสื่อว่า “ชีวิตไม่ต้องซีเรียสตลอดเวลาก็ได้” และที่สำคัญคือ “หากไร้ซึ่งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ เราก็เป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันอยู่ดี”
The Definition of Clean Beauty
กระแสคลีนบิวตี้ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีหลังนี้ ซึ่งมีทั้งผู้บริโภคที่พร้อมจะควักเงินจ่ายเมื่อได้ยินว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ คลีน และเชื่อว่ามันจะปลอดภัยกับผิวจริงๆ แต่ก็มีบางส่วนที่มองว่าเป็นเพียงการตลาดเท่านั้น
สำหรับ L:a Bruket ที่มีจุดยืนเรื่องความออร์แกนิกและส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติอย่างแข็งแกร่งนั้นกลับไม่เลือกที่จะตะโกนบอกว่า “ฉันคลีน!”
“หลายแบรนด์บอกว่าตัวเองคลีน แต่มันสำคัญที่จะอธิบายว่าคลีนคืออะไร สำหรับเราคลีนคือความพึงพอใจของลูกค้า, การผลิตในสวีเดน, การได้รับมาตรฐาน COSMOS และต้องโปร่งใสกับผู้บริโภคในแง่ข้อมูลส่วนผสม แหล่งที่มา และกระบวนการผลิต มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะทำให้ผู้บริโภครู้ว่า เขาจะได้คุณค่าอะไรจากสิ่งที่จ่ายไป” – Stanislas อธิบาย
Stanislas เล่าย้อนถึงครั้งที่คุยกับ Monica ถึงการเสนอให้ติดโลโก้ COSMOS ไว้หน้ากล่องผลิตภัณฑ์ แต่ Monica กลับปฏิเสธ
“ทุกสิ่งที่เราทำมันคลีนอยู่แล้ว และมันก็เป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิตของเรา ดังนั้นมันไม่จำเป็นต้องตะโกนว่าเราคลีนหรือใช้มันเป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสารเลย”
หากถามว่า Monica ให้ความสำคัญเรื่องความคลีนของส่วนผสมระดับไหน คำตอบคือ ระดับที่เธอสามารถเทผลิตภัณฑ์ลงทะเลได้โดยไม่รู้สึกผิดเลยล่ะ
Behind the Code
เมื่อลองไล่ดูผลิตภัณฑ์ต่างๆ กลับพบว่า แต่ละชิ้นล้วนมีตัวเลขปริศนาอยู่ เช่น 017 Lip Balm ชิ้นอันเลื่องชื่อ, 271 Lip Mask ซึ่งเบื้องหลังตัวเลขเหล่านี้ Stanislas เผยว่า ช่วงที่ทางแบรนด์กำลังทำ Prototype ผลิตภัณฑ์นั้นมีสูตรที่ถูกพัฒนาขึ้นมากมาย แต่ยังไม่ได้มีการคิดชื่อสูตรเฉพาะเจาะจง เลยกำหนดเป็นรหัสตัวเลขแทน
แต่เมื่อค้นพบสูตรที่ลงตัวที่สุดแล้ว ทางแบรนด์จึงนำรหัสตัวเลขนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของชื่อผลิตภัณฑ์เสียเลย
ซึ่งถ้าคุณเสิร์ชตัวเลขในเว็บไซต์คุณก็จะสามารถเจอผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นได้เช่นกัน
Stanislas เล่าอย่างติดตลกว่า เขาเคยเจอกรณีที่ลูกค้าเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์แล้วสั่งซื้อโดยการบอกเลขรหัสอีกด้วย
Care for the Nature
ด้วยแพสชันที่มีต่อธรรมชาติอย่างเหลือล้น L:a Bruket ยังได้สร้างแคมเปญการกุศลอย่างการอนุรักษ์ชายฝั่งทะเลในสวีเดนด้วยการบริจาครายได้ 5% จากคอลเล็กชันลิมิเต็ดเอดิชันอย่าง Angelica ที่ทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีของแบรนด์ให้แก่ CleanSea องค์กรที่ช่วยเก็บและรีไซเคิลขยะจากทะเลในสวีเดน
อีกทั้งโครงการ Forest Pledge ที่สนับสนุนการอนุรักษ์ผืนป่าด้วยการบริจาค 5% จากยอดขายทั่วโลกให้แก่ Naturarvet องค์กรการกุศลของสวีเดนที่ระดมทุนเพื่อซื้อพื้นที่ป่า เพื่อสงวนเป็นทรัพยากรอันล้ำค่าแก่โลกต่อไป
The Sustainability Efforts
แพ็กเกจจิ้งของทาง L:a Bruket ยังคงสะท้อนถึงแนวคิดเรื่องความยั่งยืน อย่างเช่น ขวดผลิตภัณฑ์กระจกที่ทนทาน ปกป้องส่วนผสมที่อ่อนโยนจากรังสี UV และสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ กล่องกระดาษรียูสที่ผลิตจากผืนป่าที่มีการจัดการด้วยวิธียั่งยืน รวมไปถึงแพ็กเกจจิ้งที่รีฟิลได้สำหรับกลุ่มบอดี้แคร์และเทียน
สำหรับป๊อปอัพสโตร์ต่างๆ ก็จะมีการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อวิ่งแวดล้อมและนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ตลอดจนระบบขนส่งท่ีใช้รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนส่งสินค้าจากโกดังไปยังสนามบิน โดยพื้นที่ตั้งของโกดังเองจะต้องใกล้กับสนามบินอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) เทคโนโลยีที่ทางแบรนด์คิดส่วนผสมขึ้นจากแล็บส่วนตัวโดยกรรมวิธีแบบสวีดิช เพื่อนำไปผสมผสานกับส่วนผสมที่คัดสรรจากธรรมชาติ เพื่อทวีคุณสมบัติสูงสุด อาทิ Algica® ส่วนผสมที่ได้รับสิทธิบัตรของทางแบรนด์ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น มีความสมดุล พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะ และเป็นส่วนหนึ่งในไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผิวหน้าอย่าง 280 Revitalising Eye Cream, 278 Hydra-Firming Sea Mist และ 281 Protective Fluid
The Product Range
สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองใช้ผลิตภัณฑ์ของ L:a Bruket มาก่อน Stanislas แนะนำให้เริ่มจาก 017 Lip Balm สุดไอคอนิกที่ฮือฮาตั้งแต่วันแรกที่วางบนเชลฟ์
ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวมืออย่าง 246 Restorative Algae Hand Peeling ที่จะชวนให้สัมผัสถึงธรรมชาติของสวีเดน องค์ความรู้สปาอันเก่าแก่ รวมถึงภูมิหลังของ Monica เกี่ยวกับเซรามิกที่มีอิทธิพลต่อวิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์
เขาแนะนำให้ใช้มือในการตักผลิตภัณฑ์ออกจากกระปุกโดยตรง เพื่อเพิ่มประสบการณ์ด้านประสาทสัมผัส แล้วลูบไล้ไปกับผิวมือ จากนั้นสูดดมความหอมผ่อนคลายจาก Elder Flower ที่ชวนให้นึกถึงฤดูใบไม้ผลิของสวีเดน
ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เขาแนะนำสำหรับสภาพอากาศอันแสนร้อนระอุในไทยเป็นพิเศษคือ 279 Replenishing Serum ด้วยเนื้อสัมผัสที่ซึมซาบไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และยังช่วยให้ผิวกระชับ ชุ่มชื้น แลดูอิ่มฟู จะทาเดี่ยวๆ โดยไม่ต้องมีมอยส์เจอไรเซอร์ทับก็เอาอยู่
และแนะนำให้ล้างหน้า 2 ขั้นตอนในตอนกลางคืน เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกอย่างหมดจดด้วย 276 Essential Cleansing Oil และ 277 Mild Cleansing Gel โดยช่วงเช้าใช้เป็นเจลตัวเดียวก็เพียงพอ
แวะไปสัมผัส L:a Bruket กันได้แล้ววันนี้ที่เคาน์เตอร์สาขาสยามพารากอน ชั้น M และเซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 1
Budget: เริ่มต้นที่ 750 บาท
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์, Courtesy of the Brand