LIFE จะชวนคุณมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ถ้างานที่รัก และสถานที่ที่ใช่ คือทางออกของการดูแลใจล่ะ? ชีวิตแบบนี้มันจะดีแค่ไหนกันนะ?” โดยจะพาไปสำรวจมุมมองกับ กานดา สายทุ้ม Beauty Curator และ Scent Designer ผู้ที่ได้ค้นพบความหมายของ Living Quality ผ่านการใช้พื้นที่ของบ้านเพื่อขับเคลื่อนงานที่เธอรัก รวมถึงใช้ดูแลตัวเองแบบองค์รวมได้อย่างลงตัว
การเติบโตขึ้นในวงการความงามและแฟชั่นกว่า 20 ปี ทำให้เธอเข้าใจถึงความท้าทายในการรักษาสมดุลชีวิตที่ต้องอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเธอเป็นเจ้าของแบรนด์น้ำหอมที่ปรุงกลิ่นเอง เป็นผู้ผลิตคอนเทนต์และโปรดักชันเฮาส์ รวมถึงเปิดสถานที่พักตากอากาศริมแม่น้ำ และได้ค้นพบความหมายของ Living Quality ในแบบของตัวเองที่แตกต่างไปจากเดิม
การได้มีพื้นที่ที่เอื้อต่อการดูแลใจ เช่น การได้ทำโยคะในมุมสงบ, การได้สร้างสรรค์งานศิลปะในพื้นที่ที่สะท้อนตัวตน, หรือการได้ใช้ ‘ความหอม’ มาช่วยสร้างความสงบและสมดุลทางอารมณ์ในแต่ละวัน เหล่านี้คือช่วงเวลาที่เธอได้อนุญาตให้ตัวเองได้ ‘หายใจ’ และเติมเต็มพลังงานจากภายในอย่างแท้จริง
ทำงานที่รัก และบ้านที่เป็นพื้นที่แห่งความสุข
“งานที่ทำปัจจุบันนี้เป็นทั้งคนปรุงกลิ่น แล้วก็มีแบรนด์ของตัวเอง เราใช้พื้นที่ต่างๆ ภายในบ้านที่มี 4 ชั้น ทำงานสร้างสรรค์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ ทำโปรดักชั่นให้ตัวเอง แล้วก็ทำโปรดักชั่นเฮาส์ที่ผลิตให้กับแบรนด์อื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอ ตอนนี้พยายามจะ ซิงค์งานต่างๆ เข้าด้วยกัน เพราะแต่ก่อนเราทำงานหลายอย่าง ต้องเปลี่ยนหมวกหลายรอบต่อวัน บางวันเป็นคนสื่อไปงานแบรนด์ต่างๆ วันเดียวกันแบรนด์ก็โทรมาในฐานะลูกค้าของเรา เลยตัดสินใจให้ พื้นที่ส่วนตัวของเรากลายเป็นเบสของทุกอย่าง ให้มันครบองค์ประกอบในที่เดียว ทำให้บ้านกลายเป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์ในทุกกิจกรรมและสามารถสร้างสรรค์งานที่รักได้ด้วย”
ความผูกพันกับบ้าน กลายมาเป็นรากฐานสำคัญของ Living Quality
“เราเป็นคนรักบ้าน และติดบ้านมาก เพราะรู้สึกว่ามีความสุขที่ได้อยู่บ้าน รู้สึกสงบ เรามีบ้านที่เราเลือกทำให้มันน่าอยู่ มีพื้นที่ดีๆ รอบบริเวณ ทั้งต้นไม้ พื้นที่เอาต์ดอร์สำหรับชมวิวหรือเล่นโยคะ ส่วนในห้องก็จัดให้ดูดี มีมุมทำงาน ห้องนอน เราเลยรู้สึกผูกพันกับบ้านมาก”
ค้นพบแพสชันใหม่ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
“มุมมองในชีวิตเปลี่ยนมาก แต่เพิ่งจะมาเปลี่ยนประมาณ 5 ปีนี้เอง หลังจากที่เราเริ่มเจอสิ่งที่ชอบมากขึ้นในชีวิต อย่างการเล่นโยคะ เชื่อมั้ย เราเล่นโยคะในวัย 45 ได้ดีกว่าตอนที่พี่อายุ 20 ด้วยซ้ำ ตัวอ่อนขึ้น แข็งแรงขึ้น ทำท่ายากได้มากขึ้น มันเป็นเหมือนการได้อยู่กับสิ่งที่ชอบแล้วเข้าใจมัน เราจะทำได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะอายุแค่ไหน ถ้ามันไม่อันตรายกับร่างเราเกินไป และเราก็งดดื่มแอลกอฮอล์ไปเลย ซึ่งแต่ก่อนจะเป็นคนที่กลับบ้านมาแล้วดื่ม ตื่นขึ้นมาก็จะรู้สึกว่าความสวยงามของบ้านในปัจจุบันนี้สวยขึ้น เราได้เห็น ได้มองท้องฟ้ามากขึ้น การใช้ชีวิตใน 45 ของเรามันสามารถชื่นชมสิ่งรอบๆ ตัวได้ง่ายขึ้น และมีความสุขแบบง่ายๆ มองเห็นความงดงามของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ”
มุมโปรดในบ้าน ล้วนเป็นพื้นที่ชาร์จพลังใจ
“ที่บ้านริมน้ำของเรา มีการแบ่งพื้นที่ในบ้านออกอย่างชัดเจน และมีมุมโปรดที่ช่วยให้เราได้ชาร์จพลังงาน แล้วชั้น 4 บนสุดจะเป็นชั้นที่พี่มองเห็นริมน้ำทอดยาวไป มันเป็นคลองบางกอกน้อยที่คอนเนกต์กับเจ้าพระยา มุมนี้น่าจะเป็นมุมที่แขกมาแล้วชอบ เป็นมุมที่ปาร์ตี้ได้ ไม่กินเหล้าก็นั่งชมวิว ชมนกไป เป็นพื้นที่ที่ผ่อนคลายและสงบ”
ในฐานะ Scent Designer เธอได้สร้างกลิ่นเฉพาะในบ้านที่ไม่เหมือนใคร
“บ้านของเราจะอบอวลไปด้วยกลิ่นของรอว์แมทีเรียลต่างๆ แต่จะมีกลิ่นหนึ่งซึ่งเราทำให้บ้านโค้ง ชื่อ ‘Gathering Cloud’ ภาษาไทยแปลว่า ‘รวมเมฆ’ ซึ่งรวมเมฆเป็นชื่อสะพานข้ามแม่น้ำที่อยู่หน้าบ้านฝั่งริมน้ำ เราเลยทำกลิ่นนี้ขึ้นมาเป็น
กลิ่นแรก Very First Scent ของแบรนด์ และเรามอบให้กับบ้านหลังนี้ เพราะมันเป็นกลิ่นที่รู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกของการ Neutral อยู่ตรงกลาง ไม่ทุกข์ไม่สุข
“ทุกคนที่เข้ามาในบ้าน จะเหมือนได้เดินเข้าไปในความเรียบ มีความรู้สึกเบา เหมือนก้อนเมฆจริงๆ ไม่อยากทุกข์ ไม่อยากสุข อยากวางโทรศัพท์ลง แล้วมองไปไกลๆ เราเรียกกลิ่นนี้ว่ากลิ่นเยียวยาหัวใจ เป็นกลิ่นของความรู้สึกว่า ทุกข์เข้ามาที่นี่ สุขเข้ามาที่นี่ สุขก็สุขน้อยลง ทุกข์ก็ทุกข์น้อยลง มันจะอยู่ In The Middle”
การบาลานซ์ชีวิต 3 เสาหลักของการพักใจ
“วิธีการบาลานซ์ระหว่างการทำงานหลายอย่างกับการพักผ่อน เราเน้นการควบคุมเทคโนโลยีและการหาจุดเบรก ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่มีอยู่บนโลกในปัจจุบัน อย่าง AI ต่างๆ ที่ทำให้เราทำงานเร็วขึ้น แต่เราต้องคุมมัน ไม่ใช่ให้มันเป็นผู้นำเรา เมื่อเราใช้มันเสร็จ เราก็ต้องปลดปล่อย ในชีวิตของเรามี 3 อย่าง ที่เป็นสมดุลของชีวิต หนึ่งคือเรามีคนที่รักที่สุดคือคุณหรั่ง เขาเป็นเหมือนสามี เป็นเหมือนเพื่อนของเราที่เวลามีอะไรก็จะบอกเรา มันมากกว่าแฟน มากกว่าสามี ที่ช่วยบาลานซ์ในความเครียด ได้ระบาย สองคือการออกกำลังกาย แต่ก่อนเกลียดการออกกำลังกายมาก แต่สุดท้ายการออกกำลังกายทำให้เราเป็นคนอดทน และสามารถอดทนต่อการทำงานต่างๆ ที่ยากเย็นได้ มันได้ผลลัพธ์ที่เวิร์กมาก สามคือสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงจะเป็นอะไรที่ดีมาก ยิ่งเลี้ยงนกยิ่งมีความสุข เราเรียกนกว่าเป็น ‘เบิร์ดเธราปี้’ มันอยู่ดีๆมันก็ยิ้ม สรุปคือการใช้เทคโนโลยีในการทำงานให้เร็วขึ้น แล้วหาเบรกทำในสิ่งที่ชอบ หาวิธีการออกกำลังกายอาจจะโยคะ หรือทำ HIIT สัก 20 นาทีเสร็จ แล้วมันได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อชีวิตความเป็นอยู่จริงๆ”
Living Quality ในแบบของความพอดี
เมื่อให้คำจำกัดความ Living Quality กานดาสรุปด้วยความหมายที่เน้นความสมดุลระหว่างเป้าหมายกับการพักใจ
“Living quality สำหรับเราคือความพอดี การได้ทำในสิ่งที่บรรลุเป้าหมายเรา เมื่อเราพยายามผลักดันตัวเองให้ไปสู่เป้าหมาย ขณะเดียวกันเราก็จะมีสิ่งที่เป็นที่พึ่งพาใจให้กับตัวเองในยามท้อถอย นี่ก็คือการบาลานซ์ ช่วงเวลานั้นอันไหนจะมาก จะน้อย ก็ต้องใช้วิจารณญาณของตัวเอง ทุกวันนี้ความสุขของเราคือบ้าน เราอยู่ช่วงในอายุที่รู้สึกว่า Success กับอะไรหลายๆ อย่าง ได้ทำงานหลายอย่าง แล้วเราอาจมีวันที่รู้สึกเครียด บ้านคือที่ที่ Feel Safe แล้วก็ชาร์จพลังเราได้ ดังนั้นบ้านคือพื้นที่แห่งความสุข”
การมีพื้นที่ที่ช่วยส่งเสริมการค้นหาความสุขในแบบของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นมุมสงบๆ สำหรับการพักผ่อนหรือพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมที่คุณรัก ลองสร้าง Living Quality ในแบบของคุณเองไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่พร้อมรองรับความสุขในทุกรูปแบบ มุมสบายๆ สำหรับทำโยคะยามเช้า หรือพื้นที่สำหรับสร้างสรรค์งานศิลปะที่คุณหลงใหล