เคยไหมกับปรากฏการณ์ ‘เสียงในหัว’ ที่คุยกับคุณอยู่ตลอดเวลา? บางครั้งเป็นเสียงให้กำลังใจ “เธอทำได้ ลองดูสิ!” “อย่าไปกลัวเลย เดินหน้าต่อไป!” บางครั้งกลับกลายเป็นเสียงวิจารณ์
“ดูคนอื่นสิ สวยและเก่งกว่าเธอเยอะ”
“งานนี้ยากเกินไป เธอทำไม่ได้หรอก”
หรือแม้แต่เสียงกังวล “เผลอทำผิดอีกแล้วนะ”
“คนอื่นจะคิดยังไงนะ?”
จริงๆ แล้วเสียงลึกลับนี้มาจากไหน? เป็นปรากฏการณ์ธรรมดา หรือมีอะไรพิเศษซ่อนอยู่กันแน่? LIFE จึงอยากชวนทุกคนไปหาคำตอบ เพื่อให้เข้าใจว่าจริงๆ แล้วเสียงในหัวคือกลไกทางจิตวิทยาที่ซับซ้อนและทรงพลัง หากเข้าใจและจัดการอย่างถูกวิธี มันจะกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเปลี่ยนชีวิตคุณให้ดีขึ้นได้อย่างน่าทึ่งเลยล่ะ
ทำความรู้จักกับ ‘เสียงในหัว’
เสียงในหัว หรือที่นักจิตวิทยาเรียกว่า Inner Monologue คือการที่เราได้ยินคำพูดอยู่ในความคิดของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องขยับปากหรือให้ใครได้ยิน เสียงนี้มีน้ำเสียงและสำเนียงครบถ้วน แม้จะไม่สามารถได้ยินด้วยหูจริงก็ตาม เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มพัฒนาเสียงในหัวนี้เมื่ออายุประมาณ 2-3 ปี พร้อมกับการพัฒนาภาษาสื่อสาร แต่ที่น่าสนใจคือไม่ใช่ทุกคนจะมีเสียงในหัวแบบเดียวกัน หรือแม้แต่ไม่มีเลย
มิติต่างๆ ของเสียงในหัว นักวิจัยได้ระบุว่าเสียงในหัวมี 3 มิติหลักดังนี้
ความกระชับ (Condensation) บางครั้งเสียงในหัวอาจเป็นเพียงคำเดียวหรือประโยคสั้นๆ แต่บางครั้งก็เป็นประโยคเต็มหรือย่อหน้าทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความซับซ้อนของเรื่องที่เรากำลังคิด
การสนทนาโต้ตอบ (Dialogicality) บางคนคิดด้วยเสียงเดียว เหมือนการบอกสิ่งที่ต้องจำกับตัวเอง ส่วนบางคนมีหลายเสียงในหัว เหมือนการจินตนาการบทสนทนาในอนาคตที่มีหลายมุมมอง
ความตั้งใจ (Intentionality) บางครั้งเราใช้เสียงในหัวอย่างจงใจ เช่น การฝึกซ้อมการนำเสนอ แต่บางครั้งเสียงในหัวก็ทำงานเองโดยไม่ตั้งใจเมื่อเรากำลังใจลอย
คนที่ไม่มีเสียงในหัวคิดอย่างไร?
การวิจัยของศาสตราจารย์ Russell Hurlburt ประมาณการว่ามีคนราว 30-50% ที่มีประสบการณ์เสียงในหัวบ่อยครั้ง แต่ไม่ได้มีตลอดเวลา ส่วนคนที่ไม่มีเสียงในหัวจะคิดด้วยวิธีอื่น เช่น การมองเห็นภายใน จินตนาการภาพในใจ เช่น นึกภาพสถานที่ที่ต้องการไป การคิดแบบไร้สัญลักษณ์ คิดโดยไม่ใช้คำ ภาพ หรือสัญลักษณ์ใดๆ ความรู้สึก พิจารณาอารมณ์ของตนเองอย่างมีสติ และการรับรู้ทางประสาทสัมผัส มุ่งเน้นไปที่แง่มุมเดียวของสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว
ข้อดีของเสียงในหัว
เสียงในหัวมีประโยชน์มากมาย เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานของสมอง ช่วยในการวางแผน การแก้ปัญหา การควบคุมตนเอง และการรับมุมมองของผู้อื่น เสียงในหัวยังเป็นแหล่งของแรงจูงใจและคำแนะนำต่อตนเอง ช่วยเพิ่มสมาธิ ทักษะการคิด และช่วยในการทบทวนข้อมูลเพื่อการจดจำ การพูดกับตัวเองออกเสียงดังๆ ยังสามารถกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และสร้างแนวคิดใหม่ๆ ได้ นอกจากนี้ เสียงในหัวยังช่วยกระตุ้นทฤษฎีแห่งจิต โดยการจินตนาการถึงผู้ฟัง ทำให้เราสามารถตั้งคำถามกับตัวเองได้อย่างวิพากษ์วิจารณ์และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น
อันตรายของเสียงในหัวที่ควรระวัง
แม้เสียงในหัวจะมีประโยชน์ แต่ก็อาจกลายเป็นปัญหาได้ ข้อเสียที่สำคัญที่สุดคือการวิพากษ์วิจารณ์ตนเองอย่างต่อเนื่อง เสียงในหัวอาจเป็นแหล่งที่มาของความคิดเชิงลบเกี่ยวกับตนเอง นำไปสู่ความนับถือตนเองที่ลดลง จิตใจที่วิตกกังวลมักจะวนเวียนอยู่กับความคิดเชิงลบที่รบกวนจิตใจ หากไม่สามารถปิดเสียงในหัวได้ อาจกลายเป็นสิ่งที่ท่วมท้นและเป็นพิษต่อสุขภาพจิตได้
เทคนิคการจัดการเสียงในหัวเชิงลบ
การบำบัดด้วยการยอมรับและผูกมัด (ACT) สอนทักษะการสร้างระยะห่างจากความคิด ช่วยให้ตระหนักว่าความคิดเป็นเพียงคำพูดที่ไม่มีอำนาจเหนือตัวเรา
การฝึกการรับมุมมอง มองตัวเองเป็น พื้นที่กว้างใหญ่ที่รองรับความคิด ช่วยให้สังเกตเรื่องราวเกี่ยวกับตนเองได้อย่างเป็นกลางมากขึ้น
เทคนิคการสงบจิตใจ รวมถึงการมองด้วยสายตาที่ผ่อนคลาย การผ่อนคลายขากรรไกรและลิ้น การฟังเสียงบรรยากาศรอบข้าง เทคนิคการหายใจ หรือการพยายามคาดเดาความคิดต่อไป การเข้าใจว่าเสียงในหัวเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมนุษย์จะช่วยให้เราจัดการกับมันได้อย่างมีสติมากขึ้น แทนที่จะปล่อยให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์บั่นทอนกำลังใจ เราสามารถฝึกฝนให้เสียงเหล่านั้นเป็นไปในเชิงบวกได้
อ้างอิง: