×

รีวิว Garmin Forerunner 970 สมาร์ทวอทช์ตัวท็อปสำหรับนักวิ่งที่อยากอัปเลเวล

26.06.2025
  • LOADING...
สมาร์ทวอทช์ Garmin Forerunner 970 บนข้อมือระหว่างวิ่งกลางแจ้ง

HIGHLIGHTS

4 min read
  • รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ที่สว่างและคมชัดที่สุดในตระกูล Forerunner, เซ็นเซอร์วัดหัวใจใหม่ล่าสุดที่แม่นยำขึ้น, วัสดุพรีเมียมอย่างกรอบไทเทเนียมและกระจก Sapphire Crystal ที่ทนทาน 
  • มีเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบใหม่ล่าสุด Elevate V5 ที่แม่นขึ้นกว่าเดิม รองรับฟีเจอร์ Advanced Running Metrics และเมื่อจับคู่กับ HRM 600 ที่เราลองใช้คู่กัน ปรากฏว่าเราสามารถวิเคราะห์การออกกำลังกาย และระดับความฟิตได้ละเอียดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง Running Form ที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้คุณได้ทำ New PB

เมื่อ Garmin ปล่อย Forerunner 970 ออกมา หลายคนรอคอยว่าจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ จากนาฬิกาวิ่งระดับเรือธงรุ่นล่าสุด และเมื่อได้ทดลองใช้งานจริงก็ต้องยอมรับว่า Garmin Forerunner 970 ไม่ได้แค่อัปเกรดสเปกแต่ละตัวเป็นชิ้นๆ แต่พัฒนาประสบการณ์การใช้งานไปอีกขั้นหนึ่งเลยทีเดียว

 

 

รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ที่สว่างและคมชัดที่สุดในตระกูลสมาร์ทวอทช์ Forerunner, เซ็นเซอร์วัดหัวใจใหม่ล่าสุดที่แม่นยำขึ้น, วัสดุพรีเมียมอย่างกรอบไทเทเนียมและกระจก Sapphire Crystal ที่ทนทาน และที่สำคัญคือระบบที่ ‘คิดแทนเรา’ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับตั้งค่าอัตโนมัติหรือแม้แต่ไฟฉายเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่กลับช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นทุกวัน

 

และนี่คือ 4 จุดเด่นที่รู้สึกได้จากการใช้งาน ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่าทำไมรุ่นนี้ถึงเป็นมากกว่าการอัปเกรดธรรมดา

 

1. ไฟฉาย: ฟีเจอร์เล็กๆ ที่กลายเป็นของจำเป็น

 

 

ตอนเห็นสเปกครั้งแรก หลายคนอาจมองว่าไฟฉายที่ติดมาน่าจะเป็นเพราะกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ ที่เติมเข้ามา แต่พอได้ลองใช้งานจริงมันกลับเป็นฟีเจอร์ที่เราใช้งานบ่อยที่สุด หรือแทบทุกวันเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะขณะวิ่ง ออกกำลังกาย หรือต้องหาของในที่มืด ที่ช่วยให้เรามองเห็นพื้นหรือทางเดินได้ชัดเจน สะดวกเวลาต้องควานหาของในกระเป๋า โดยที่ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดไฟฉายอีกต่อไป

 

 

โดยเฉพาะการใช้ขณะวิ่งในสวนนี่จะเป็นประโยชน์มาก ช่วยให้เราซ้อมวิ่งสะดวกขึ้นเยอะ ซึ่งไฟฉายนี้ตั้งได้หลายโหมด ทั้งเปิดค้าง กะพริบ หรือส่อง SOS ในกรณีฉุกเฉิน เหมาะกับชอบออกกำลังกายทั้งยามเช้ามืดและตกค่ำ

 

 

2. หน้าจอสว่างจัดเต็ม แต่แบตยังอยู่ได้

 

Garmin Forerunner 970  มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ที่สว่างและคมชัดที่สุดในซีรีส์ Forerunner มองเห็นชัดแม้ในแสงแดดจ้า และให้ความรู้สึกเหมือนใช้สมาร์ทวอทช์เต็มรูปแบบ แต่แน่นอนว่าความสว่างนี้ก็แลกมากับการใช้แบตเตอรี่ที่มากขึ้น เพราะถ้าเปิด Always-on Display และเปิด GPS จัดเต็ม แบตอยู่ได้ราว 3-4 วัน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคนที่อยากชาร์จแค่สัปดาห์ละครั้ง แต่หากตั้งค่าให้เหมาะสม เช่น ปิด Always-on และใช้โหมดประหยัดแบตเวลานอน หรือหากเราไม่ได้ออกกำลังกายทุกวัน แบตก็สามารถอยู่ได้นานถึง 6-7 วันแบบไม่ต้องชาร์จบ่อย ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของเราว่าเป็นแบบไหน และจะรับได้ไหมหากต้องชาร์จบ่อยครั้ง (แต่ไม่ถึงกับต้องทุกวันแน่นอน)

 

สมาร์ทวอทช์ Garmin Forerunner 970 บนข้อมือระหว่างวิ่งกลางแจ้ง

 

3. วัสดุพรีเมียม แต่งแนวสปอร์ตก็สวมใส่ได้

 

เราคิดว่า Garmin Forerunner 970  ไม่ได้เป็นแค่นาฬิกาสำหรับใส่วิ่งแล้วถอดเก็บ แต่เขาตั้งใจออกแบบรุ่นนี้ให้ใส่ติดข้อมือได้ตลอดวัน ไม่ว่าจะใส่ไปเที่ยว ทำงาน หรือปาร์ตี้ยามค่ำคืน ด้วยกระจก Sapphire Crystal ที่ทนรอยขีดข่วนดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน บวกกับกรอบไทเทเนียมที่น้ำหนักเบาแต่หรูหรา มาในขนาด 47 mm ทำให้ดีไซน์ของรุ่นนี้กลายเป็นนาฬิกาสปอร์ตแบบใส่ได้ทุกวัน แทนที่จะเป็นแค่นาฬิกาเพื่อเล่นกีฬา แถมยังทนดีด้วย ใส่ได้แบบไม่ต้องถนอม

 

 

4. เซ็นเซอร์ใหม่: วัดแม่นกว่าเดิม เพื่อการเทรนที่ลึกขึ้น

 

จุดเด่นอีกข้อของ Garmin Forerunner 970 คือเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบใหม่ล่าสุด Elevate V5 ที่แม่นขึ้นกว่าเดิม รองรับฟีเจอร์ Advanced Running Metrics และเมื่อจับคู่กับ HRM 600 ที่เราลองใช้คู่กัน ปรากฏว่าเราสามารถวิเคราะห์การออกกำลังกาย และระดับความฟิตได้ละเอียดยิ่งขึ้น ประหนึ่งนักกีฬาอาชีพ โดยเฉพาะเรื่อง Running Form ที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้คุณได้ทำ New PB

 

 

จริงอยู่แม้ฟีเจอร์เหล่านี้อาจไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณต้องการที่จะยกระดับ Performance หรืออยากจริงจังกับผลลัพธ์มากยิ่งขึ้น นาฬิการุ่นนี้จะตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตได้เลย

 

สมาร์ทวอทช์ Garmin Forerunner 970 บนข้อมือระหว่างวิ่งกลางแจ้ง

 

บทสรุป: ลงทุนครั้งเดียวให้มันจบ

 

ส่วนตัวคิดว่า Garmin Forerunner 970  (ราคา 24,990 บาท) คือนาฬิกาที่ตอบโจทย์ทุกอย่างสำหรับคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ อยากได้นาฬิกาที่ลงทุนครั้งเดียวให้มันจบ ไม่ว่าจะใส่วิ่งถนน วิ่งเทรล ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ครบเครื่องไปหมด ยิ่งเมื่อจับคู่กับ HRM 600 ก็ยิ่งทำให้ความสามารถเหลือล้นขึ้นไปอีก วัดได้ลึกจนแทบจะรู้ว่าหัวใจที่เต้นแต่ละครั้งรู้สึกอย่างไร

 

 

แต่หากใครมีงบที่ย่อมเยาลงมาหน่อย ลองดู Forerunner 570 (ราคา 17,990 บาท) ที่เพิ่งเปิดตัวไป ความสามารถต่างออกไปเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นวิ่ง เพราะอย่าลืมว่าสิ่งสำคัญคือนาฬิกาต้องตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณในกระเป๋าของเรา และเราสามารถใช้งานได้บ่อยครั้ง มีความคุ้มค่าจริงๆ ไม่ใช่ใส่เฉพาะเวลาที่ต้องซ้อม

FYI

HRM 600 คืออะไร?

 

 

เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาสำหรับนักกีฬาสายวิเคราะห์ข้อมูล ที่ต้องการความแม่นยำสูงสุด สามารถวัดอัตราการเต้นหัวใจ ข้อมูล HRV และไดนามิกการวิ่งแบบเรียลไทม์ ส่งข้อมูลไปยังนาฬิกาหรือแอปที่รองรับ ที่เด่นคือแบตเตอรี่ชาร์จได้ใช้งานยาวนานสูงสุด 2 เดือน และสามารถบันทึกกิจกรรมแยกได้โดยไม่ต้องใช้นาฬิกา พร้อมซิงค์กับแอป Garmin Connect บนสมาร์ทโฟนภายหลัง ราคา 5,490 บาท

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising