ประสบการณ์กว่า 20 ปี Romrawin เติบโตภายใต้ความตั้งใจและแพสชันของคุณหมอฐา-ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล (ว.10656) หนึ่งในผู้ก่อตั้งคลินิก ในการมอบการดูแลผิวพรรณด้วยเทคโนโลยีและทีมแพทย์
ด้วยแรงบันดาลใจจากคุณพ่อที่เป็นแพทย์และความปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่น หมอฐาจึงมุ่งมั่นศึกษาด้านแพทยศาสตร์ ในช่วงการเป็นนักศึกษาแพทย์ คุณหมอฐาได้เห็นถึงปัญหาผิวหนังที่ผู้คนประสบอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสิวหรือฝ้า ทำให้เกิดความสนใจและมุ่งมั่นศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนัง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การดูแลผิว และยังถือเป็นข้อได้เปรียบในการดูแลและเข้าใจถึงปัญหาของคนไข้อย่างแท้จริง
แม้ในวัยเด็กคุณหมอฐาอาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมากนัก ทว่าความหลงใหลในศิลปะได้จุดประกายให้คุณหมอนำเอาศาสตร์แห่งความงามมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน ทำให้คุณหมอฐามีมุมมองที่เน้นย้ำถึงความงามเฉพาะตัวและความเป็นธรรมชาติของแต่ละคน ซึ่งเป็นแก่นสำคัญของแนวคิด ‘For the Better You’ ที่ Romrawin มุ่งมั่นที่จะดูแลให้คุณดูดีขึ้นในแบบที่เป็นตัวคุณอย่างแท้จริง
ติดตามเรื่องราวชีวิตและทัศนะด้านความงามของผู้หญิงจากคุณหมอฐาได้ใน Passion Calling x Romrawin with Dr.Tha
แพทย์ด้านความงามกับแพทย์ผิวหนังมีความแตกต่างกันอย่างไร
หมอฐา: เท่าที่หมอมีประสบการณ์หรือหมอเห็นมาตลอดนะคะ หมอก็พบว่าการเป็นแพทย์ผิวหนังทำให้ มีความรู้ความเข้าใจถึงกลไกการทำงานของผิวหนัง โครงสร้างของผิวหนังว่ามันมีกี่ชั้น มันทำงานอย่างไร หรือโรคผิวหนังมันมีอะไรบ้าง
ผื่นที่หน้าไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นสิวเสมอไป ตุ่มที่หน้าไม่ใช่สิวเสมอไป รอยดำที่เป็นปื้นที่หน้า ไม่ได้แปลว่าจะเป็นฝ้าเสมอไป อาจจะเป็นจากการแพ้หรืออาจจะเกิดจากภาวะอื่นๆ ได้ ภาวะในร่างกายอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ผิวหนังออกมาในรูปแบบต่างๆ ได้
มันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสามารถดูแลผิวหน้าหรือผิวหนังทั้งหมดของคนไข้ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ แล้วหลังจากนั้นก็นำมาสู่การดูแลทางด้านความงาม ถ้าเราใช้ความรู้จากการที่เป็นหมอผิวหนัง เราก็จะรู้ถึงการทำงานของผิวได้ดี รู้ว่าเครื่องมือตัวนี้กลไกการทำงานมันลงไปอย่างไร มันทำงานอย่างไรกับผิวหนัง ก็จะทำให้เราเลือกใช้เครื่องมือแก้ไข ดูแลรักษา เสริมความงามให้กับผู้ที่มารับบริการได้อย่างแม่นยำแล้วก็ถูกต้องมากขึ้น ตรงจุดมากขึ้น ได้ผลดีมากขึ้นค่ะ
ส่วนใหญ่แล้วปัญหาผิวของคนไทยที่หมอฐาพบบ่อยคืออะไร
หมอฐา: ฝ้าและกระเป็นปัญหาหลักของคนในประเทศไทย รวมทั้งประเทศในแถบเอเชียที่มีแสงแดดอยู่เป็นประจำ ถามว่ามีวิธีแก้ไขอย่างไร ทาครีมค่ะ ทาครีมแล้วก็ต้องหลบสาเหตุด้วยก็จะหาย หนึ่งคือครีมให้ความชุ่มชื้น ให้ผิวหน้าเราชุ่มชื้นอยู่เรื่อยๆ สองคือจะต้องเป็นครีมที่มีความสามารถในการลดการทำงานของเม็ดสีได้ เพราะว่าคนเราจะมีเซลล์สร้างเม็ดสีอยู่ใต้ผิวค่ะ เมื่อได้รับการกระตุ้นจากสาเหตุอะไรก็ตาม ทำให้มันสร้างเม็ดสีมากขึ้นก็จะเกิดกระหรือฝ้าขึ้นมาได้ แล้วเราก็ต้องหลบสาเหตุที่จะกระตุ้นให้มันดำมากขึ้นมาร่วมด้วย มันถึงจะได้ผลดี
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลือกใช้ครีมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าแม้แต่ครีมที่ลดการทำงานของเม็ดสีเองก็มีสารอยู่หลายชนิด สารบางอย่างทำให้มันลดการทำงานของเม็ดสีได้ดี ฝ้าจางเร็ว กระจางเร็ว แต่มีผลเสียระยะยาวได้ บางทีอาจจะเป็นพิษต่อตับต่อไต หรือบางทีจะเกิดจุดด่างขาวที่ผิวหน้าหรือกลายเป็นหน้าแดงๆ เห่อๆ อยู่ตลอดเวลา หรือบางทีก็จะทำให้หน้าบางถ้ามันลอกมากเกินไป เพราะฉะนั้นการใช้ครีมก็ต้องเลือกให้ถูกต้องตามสภาพผิว แล้วก็ปกป้องด้วยการใช้ครีมกันแดด
ครีมกันแดดปัจจุบันมีวิวัฒนาการเยอะแยะมากมายจริงๆ ในอดีตเราจะได้ยินคนแนะนำหรือคุณหมอแนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่กันรังสี UVA และ UVB ที่ทำให้เกิดปัญหาฝ้ากระ แต่ปัจจุบันไม่ใช่อย่างนั้นเนื่องจากว่าแสงมันมีหลายความยาวคลื่น มันจะมีครีมกันแดดที่มีจะกันรังสีได้กว้างขึ้น เช่น รังสีที่เรามองเห็นจากการใช้คลื่นเครื่องมือโซเชียล หรือจากการใช้แสงจากความร้อนพวกนี้อีกค่ะ มันจะมีครีมกันแดดที่มีความสามารถในการป้องกันได้มากขึ้น
การที่เราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เองมันเป็นสิ่งที่ดีระดับหนึ่ง แต่ถ้าเรามีความรู้มากขึ้นโดยการมาปรึกษาผู้รู้หรือคุณหมอก็จะได้รับผลดีมากยิ่งขึ้นค่ะ ช่วยกันหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไรเพราะอาจจะไม่ใช่แค่การโดนแดด โดนความร้อน อาจจะเป็นที่ฮอร์โมนในร่างกายของเรา ถ้าพบกับคุณหมอก็จะได้ประโยชน์มากขึ้นค่ะ
เวลาคนไข้ก้าวเข้ามาในคลินิก คุณหมอมีเทคนิครักษาคนไข้อย่างไร
หมอฐา: อย่างที่กล่าวไปข้างต้นคือเริ่มจากครีม เราก็จะเลือกชนิดที่ถูกต้องให้ว่าเขาควรจะต้องใช้ครีมตัวไหน ต่อด้วยการใช้ครีมกันแดดแบบไหน
อย่างที่สามคือการทำทรีตเมนต์บางอย่างเพื่อให้ผิวของเขาแข็งแรงมากขึ้น เป็นรอยดำน้อยลง รวมทั้งบางคนอาจจะต้องใช้เลเซอร์
เลเซอร์อาจจะไม่ใช่เรื่องแรกในการมารักษา รอยดำบนผิวหน้าเนี่ยบางคนจะคิดว่าเป็นฝ้าเป็นกระเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ รอยดำเนี่ยมีหลายชนิด เป็นกระแบบวัยรุ่นเล็กๆ เป็นกระแดดแบบผู้ใหญ่มากขึ้น หรือแม้แต่เป็นกระเนื้อคือมีความหนาขึ้น การรักษาเนี่ยมันแตกต่างกัน แล้วก็ถ้าอย่างที่นูนๆ มากขึ้น การจี้ทำลายออกไปก็ได้ผลดี อันที่เป็นดวงๆ มันก็ต้องมีเลเซอร์ที่มีความเฉพาะเจาะจงต่อเม็ดสีไปทำลาย โดยที่ไม่ทำลายผิวรอบๆ เพราะฉะนั้นเกิดปฏิกิริยารอยดำตามมาก็น้อยลง แล้วก็ยังมีกระลึกอีกนะ กระลึกก็หมายความว่าดูดำๆ เทาๆ แล้วเม็ดสีอยู่ลึกๆ การทายาอย่างเดียวไม่ได้ผลจะต้องใช้เลเซอร์กลุ่มที่สามารถลงไปทำลายเม็ดสีลึกๆ โดยที่ไม่ได้ทำลายผิวชั้นบนเลย เพราะฉะนั้นมันมีความซับซ้อนในการที่จะเลือกเลเซอร์
ก่อนหน้านี้คนอาจจะได้ยินตัวที่มีความนิยมในปัจจุบันนี้คือ Pico Laser ใช่ไหมคะ เริ่มต้นในอดีตเนี่ยการรักษาฝ้าโดยมือเนี่ย อันนี้ไม่พูดถึงการทายาซึ่งต้องทำอยู่แล้วนะคะ ก็มาพูดถึงเรื่องเลเซอร์ซึ่งการใช้เลเซอร์ในอดีต เราก็จะเป็นเลเซอร์ที่ลงไปกระแทกเม็ดสีให้มันถูกทำลายแล้วก็ร่างกายขจัดออกไป แต่ก็พบว่าบางคนอาจจะต้องหลบแดดเป็นพิเศษ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะดำมากขึ้นหรือมีรอยดำตามมานาน การใช้ Pico Laser เริ่มมีบทบาทเข้ามาในช่วงใกล้ๆ นี้ในแง่ที่ว่ามันสามารถทำลายเม็ดสีโดยที่ไม่ทำให้เกิดความร้อนหรือกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาของผิวมากมายแล้วก็ทำลายเม็ดสีย่อยๆ ได้ละเอียดแล้วก็ให้ร่างกายขจัดออกไป แต่ก็ไม่ใช่ว่า Pico Laser อย่างเดียวจะรักษาฝ้าได้หมด มันก็จะต้องมีเทคนิคในการทำ
Pico Laser ยังมีความยาวคลื่นแตกต่างอีกนะคะ ความยาวคลื่นหนึ่งอาจแค่ทำให้รอยดำจางลงโดยทั่วๆ ไป อีกความยาวคลื่นหนึ่งอาจจะแก้กระ ทำให้มันเป็นสะเก็ดบางๆ หลุดไปเลย
ในอดีตคนอาจจะกลัว ไม่กล้ามาทำเลเซอร์เพราะมันอาจจะต้องรักษาหน้านาน หลบแดดนาน แต่เดี๋ยวนี้ปฏิกิริยาผลข้างเคียงมันน้อยค่ะ ถ้าเป็นเลเซอร์ที่ไม่ได้ลอกผิวหรือทำให้ผิวชั้นบนออกไป ไม่ได้ทำให้ผิวบางขึ้นค่ะ ในระยะยาวผิวที่ถูกกระตุ้นกลับจะหนาแน่นเพิ่มขึ้นมาด้วยซ้ำไป
การดูแลรักษาฝ้ามันเป็นงานศิลปะชนิดหนึ่ง ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความชำนาญ จากการที่มีประสบการณ์มาเยอะๆ จะทำให้เราดูแลเคสเหล่านี้ได้ดีมากขึ้น รวมทั้งจากการที่มีวิวัฒนาการของเครื่องมือมากขึ้นค่ะ
หมอฐามองว่าคุณสมบัติอะไรที่ต้องมีถ้าอยากให้ตัวเองดูสวยแบบธรรมชาติ
หมอฐา: ถ้าจะดูสวยแบบธรรมชาติ คุณสมบัติขั้นต้นเลยก็คือคุณภาพผิวค่ะ คุณภาพผิวต้องดีก่อน ยกตัวอย่างเช่น สิว มีบ้างนิดๆ หน่อยๆ ได้ แต่อย่ามีเยอะจนดูว่าเราเป็นคนสกปรกหรือดูน่ารังเกียจ ฝ้ามีได้ แต่อย่าให้ถึงกับดำมากเกินไป แล้วที่สำคัญคือผิวแพ้ง่ายที่เห่อๆ เป็นผื่นอยู่เรื่อยๆ อันนี้ก็แก้ไขให้มันหมดไป ให้มันดูเรียบเนียน แล้วก็สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือความชุ่มชื้นของผิวค่ะ จะต้องดูชุ่มชื้น ทำให้ผิวหน้าดูฉ่ำวาว พื้นฐานของผิวเนี่ยสำคัญที่จะนำไปสู่ความงามขั้นต่อไปค่ะ
พูดถึงความงาม นิยามความในแบบฉบับของหมอฐาเป็นอย่างไร
หมอฐา: ความงามในแบบฉบับของหมอฐาเนี่ยก็จะต้องเป็นความงามที่ดูดีเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครรู้ว่าเราไปตกแต่งเสริมอะไรขึ้นมาค่ะ ดูสดชื่น ทำให้เกิดความมั่นใจ แล้วทุกอย่างก็จะดูเป็นความงามที่ดีมากขึ้น
ในฐานะที่เป็นแพทย์ผิวหนัง โดยส่วนตัว หมอฐาคิดว่าหัตถการใดที่คุณหมอเชี่ยวชาญที่สุด
หมอฐา: สำหรับตัวเอง จริงๆ เราก็คิดว่าเราทำได้ดีในหลายๆ เรื่องนะคะ แต่เรื่องที่เราทำได้ดีในแง่ที่ว่าทำให้คนไข้ประทับใจแล้วก็กลับไปใช้ชีวิตที่ดีมากขึ้นได้ก็จะเป็นเรื่องของผื่นแพ้ง่ายแล้วก็เรื่องสิว ก็คือปัญหาพื้นฐานของผิว สภาพผิวจะต้องดีค่ะ ยกตัวอย่างเรื่องการรักษาสิวก่อน หลายๆ คนอาจจะทายา อาจจะกินยาบ้างค่ะแล้วก็ดีขึ้น แต่บางครั้งเราจะพบว่ามันหายไม่หมดสักที มันก็จะเหลือขึ้นๆ ยุบๆ หรือบางทีก็เหลือรอยดำๆ ให้เห็นอยู่นั่นแหละ แต่จากการที่ว่าเราเป็นหมอผิวหนังเราจะรู้ว่าข้างใต้ผิวเนี่ย มันจะต้องมีการอุดตันซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดสิวแล้วมันยังไม่หมด มันถึงได้สร้างขึ้นมาใหม่ เกิดการอักเสบขึ้นมาใหม่ แล้วรอยดำก็ไม่มีทางหายถ้าข้างล่างยังหายไม่หมด เราก็จะต้องมารักษาถึงต้นเหตุให้มันหาย
การอุดตันข้างล่าง นอกจากการกดสิวให้มันออกแล้วก็ยังมีวิธีอื่นๆ รวมทั้งมีเครื่องมืออื่นๆ ที่นำมาใช้ได้อีกเยอะ ที่นี้ถ้าเราแก้ปัญหาสิวเกลี้ยงหมดเขาก็จะไม่ค่อยมีแผลเป็นตามมา ในอดีตเราจะพบว่าคนเป็นแผลเป็น เป็นรอยหลุมจากสิวเยอะมาก แต่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีแล้วถ้าเรารักษาตั้งแต่ต้นหรือมีเครื่องมือเครื่องไม้ในการรักษาสิวได้ดีเขาก็จะมีชีวิตที่มีความสุข ประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากขึ้น เหมือนกับนิยาม ‘For the Better You’ ทุกคนสามารถที่จะดูดีขึ้นได้ ดีขึ้นในแบบฉบับของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ค่ะ การที่เราดูดีขึ้นจะทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาแล้วก็สิ่งดีๆ ก็จะตามเข้ามา
มีเคสคนไข้ที่ประทับใจไม่ลืมเลยบ้างไหม
หมอฐา: มีเรื่องประทับใจอยู่เรื่อยๆ ค่ะ ก็จะมีน้องคนหนึ่งที่มีสิวเต็มหน้าเลยนะ ความจริงสวยนะคะ เป็นคนที่สวยแต่ว่ามีสิวเต็มหน้าเลยแดงๆ เต็มไปหมด สิวเม็ดใหญ่ๆ มันไม่ใช่แค่ไม่สวยอย่างเดียว มันจะเจ็บด้วย ความมั่นใจเขาก็น้อยลงแล้วยิ่งเขาเป็นคนสวยอยู่แล้วด้วยแล้วมามีปัญหาอย่างนี้ก็ไม่อยากไปไหน คุณแม่ก็พามารักษา พอเรารักษาดูแลเขา ภาวะพวกนี้หายไปหมด ในที่สุดเขาก็ไปใช้ชีวิตปกติได้ ไปเรียนหนังสือต่อ ประสบความสำเร็จในชีวิต จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งซึ่งเขาจัดงานแต่งงาน เราก็ลืมเขาไปแล้วแหละ ตัวเขาและคุณแม่เขาก็มาเชิญ เหมือนกับว่าเราทำให้เขามีวันนี้ ก็ปลื้ม (คุณหมอน้ำตาคลอ)
จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้ เคยมีช่วงที่คุณหมอเบิร์นเอาต์บ้างไหม
หมอฐา: จากการทำงานที่ผ่านมา ช่วงแรกๆ ก็จะต้องทำงานหนักหน่อยเพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้น มีคนมารักษาแล้วเขาดีขึ้นได้ หรือว่าคลินิกอยู่รอดได้ คุณหมอที่อยู่ด้วยกันสามารถที่จะอยู่ด้วยกันได้ดีแล้วก็คลินิกมีชื่อเสียงมากขึ้น ทุกอย่างก็ต้องใช้ความสามารถแล้วก็ทำงานเยอะหน่อยค่ะ
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เราคิดว่าเรามีทั้งความรู้ เรามีทั้งเครื่องมือที่ดีเต็มที่ มีคุณหมอที่มีประสบการณ์มาช่วยเราแล้วเนี่ย เราก็เริ่มจะทำน้อยลงได้ แต่ว่าความรู้สึกที่ว่าไม่ได้อยากทำแล้ว เหนื่อยแล้ว คงไม่ใช่ เราทำน้อยลงได้แต่ต้องในขณะที่เราดูแลควบคุมในคุณภาพที่ดีได้ด้วย
เราจะต้องรู้ความต้องการของคนไข้ รู้ว่าเขาชอบอะไร เขาไม่ชอบอะไร แล้วอะไรที่ทำให้เขาดีขึ้นได้อันนี้เราจะต้องรู้เอง บางครั้งเราฟังจากคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นหมอก็ยังคงจะต้องทำงานอยู่ เพียงแต่ว่าจะต้องทำในขนาดที่พอเหมาะค่ะ แล้วก็ไม่ใช่แค่เรื่องการทำงาน ก็จะต้องมีทางด้านชีวิตครอบครัวรวมทั้งประสบการณ์ในชีวิตที่เราเกิดมาแล้ว เราควรจะต้องมีบ้างเพื่อความสุขในชีวิตของเราด้วยค่ะ
สุดท้ายแล้วเราต้องบาลานซ์
หมอฐา: ความชอบของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน บางคนชีวิตเขาอาจจะชอบทำงาน อาจจะชอบไปเที่ยว มันก็แล้วแต่คน แต่สำหรับหมอ หมอรู้สึกว่าโอเค หมอทำงาน หมอมีคนไข้ มีคนรู้จัก มีเพื่อน แต่หมอก็ยังชอบที่จะไปเดินทางท่องเที่ยวหรือการไปมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้มันนำมาปรับใช้กับตัวเองและนำมาปรับใช้กับการทำงานได้ด้วยค่ะ
หมอฐาได้เรียนรู้อะไรจากการเป็นแพทย์ผิวหนังและแพทย์ด้านความงามในวันนี้บ้าง
หมอฐา: การที่เราทำงานเป็นหมอผิวหนัง เป็นหมอความงามมันเป็นการช่วยคนได้ดีทีเดียวค่ะ หลายคนอาจจะมองว่ามันดูผิวเผินเกินไป มันไม่ใช่การรักษาโรคที่ร้ายแรง แต่จริงๆ แล้วเนี่ยมันช่วยทำให้คนหลายๆ คนมีความสุขมากขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น แล้วเขาก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากขึ้นค่ะ อันนี้คือสิ่งที่หมอมีความภาคภูมิใจค่ะ
การที่เราดูดีขึ้นทำให้เราประสบความสำเร็จได้
หมอฐา: อันนี้เป็นเรื่องจริง การที่เราดูดีขึ้นมันจะนำมาสู่ความมั่นใจ แล้วก็ทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตในหลายๆ ด้านนะคะ บางคนพูดว่ามันเหมือนการลงทุน เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้วก็ได้ผลประโยชน์เยอะค่ะ
อยากฝากอะไรถึงคนที่ไม่มั่นใจในความสวยของตัวเอง
หมอฐา: หลายคนไม่มีความมั่นใจกับความสวยของตัวเอง แม้กระทั่งหมอเองที่ผ่านมาก็ไม่ได้เป็นคนสวย แต่ที่ทำงานมาจนถึงปัจจุบันนี้พบว่า ทุกๆ คนมีความสวยซ่อนอยู่ในตัวเองค่ะ ไม่จุดใดก็จุดหนึ่ง เราควรที่จะมองหาให้เจอแล้วก็นำสิ่งนั้นขึ้นมา อาจจะเติมเสริมแต่งนิดหนึ่ง อาจจะดูแลแก้ไขให้มันสวยงามแบบธรรมชาติ แล้วมันก็จะทำให้เขาสวยขึ้น ดูดีมากขึ้น หรือประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากขึ้น
อยากบอกอะไรกับ Romrawin ในวันนี้
หมอฐา: ขอให้เราคงคุณภาพของการบริการของการดูแลคนไข้ ดูแลคนที่มารับบริการให้มีประสิทธิภาพแล้วก็ดีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อความสุขทั้งตัวเราเองและคนที่เข้ามาใน Romrawin ค่ะ
Romrawin Clinic
Open: ตรวจเวลาทำการได้ทางเว็บไซต์ Romrawin Clinic
Address: ตรวจสอบสาขาได้ทางเว็บไซต์ Romrawin Clinic
Tel: 08 0153 9000, 08 0154 9000
Website: https://www.romrawin.com
Instagram: https://www.instagram.com/romrawinclinic
Facebook: https://www.facebook.com/RomrawinClinic