นูร ซาญัต (Nur Sajat) คือใคร เกิดอะไรขึ้นกับเธอ
นูร ซาญัต ทรานส์เจนเดอร์สาวชาวมาเลเซีย เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไทยจับกุมตัวเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา หลังเดินทางมาลี้ภัยยังประเทศไทย เพื่อเดินเรื่องขอสถานะผู้ลี้ภัยไปยังออสเตรเลีย หลังรัฐบาลมาเลเซียสั่งยกเลิกการใช้หนังสือเดินทางของเธอ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไทยส่งตัวเธอกลับไปยังมาเลเซีย เพื่อรับโทษตามกฎหมาย
แม้ประเทศไทยจะมีสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ แต่ไทยไม่ได้เข้าเป็นภาคีสมาชิกกับอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ปี 1951 และพิธีสาร ปี 1967 และไม่มีกฎหมายที่รองรับการเข้ามาของผู้ขอลี้ภัย ผู้ลี้ภัยจึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายการตรวจคนเข้าเมืองเหมือนกับชาวต่างชาติคนอื่นๆ จึงสามารถถูกจับกุม กักกัน และเนรเทศออกนอกประเทศได้
จากฐานความผิดเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย นูร ซาญัต ได้รับการปล่อยตัวหลังจากวางหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงิน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 66,700 บาท) พร้อมเงื่อนไขให้เธอเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยเป็นประจำทุก 2 สัปดาห์
สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงข้ามเพศ (Transwoman) รายนี้ถูกติดตามตัวจากรัฐบาลมาเลเซีย เนื่องจากเมื่อปี 2018 นูร ซาญัต ถูกเจ้าหน้าที่การศาสนาอิสลามของรัฐเซอลาโงร์ 1 ใน 13 รัฐของมาเลเซีย แจ้งข้อหาดูหมิ่นศาสนาอิสลาม ละเมิดกฎหมายชารีอะห์ หลังจากที่เธอเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาด้วยการสวมใส่เครื่องแต่งกายที่กำหนดไว้ให้เพศหญิงใส่ โดยศาลศาสนาอิสลามได้ขอหมายจับกุมตัวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากไม่ได้เข้าฟังการพิจารณาไต่สวนของศาล ซึ่งเธออาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 3 ปี หากพบว่ามีความผิดจริง
ตัวแทนองค์การด้านสิทธิทั้งในไทยและมาเลเซียต่างเคลื่อนไหวในประเด็นของ นูร ซาญัต
สุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม โพสต์จดหมายเปิดผนึกผ่านเฟซบุ๊ก Cross Cultural Foundation (CrCF) ถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา กรณีเจ้าหน้าที่รัฐไทยเข้าจับกุมชาวมาเลเซีย เสี่ยงต่อการส่งตัวกลับประเทศและถูกการทรมาน ถูกกระทำอย่างโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรี จากการประหัตประหารด้วยกฎหมายชารีอะห์ รัฐเซอลาโงร์ ประเทศมาเลเซีย
โดยระบุว่า ประเทศไทยเป็นภาคีในอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment: CAT) ข้อ 3 (1) ว่า รัฐภาคีต้องไม่ขับไล่ ส่งกลับ (ผลักดันกลับออกไป) หรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะตกอยู่ภายใต้อันตรายที่จะถูกทรมาน ซึ่งเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่รัฐภาคีจำต้องปฏิบัติตามหลักการ Non-Refoulement
ประกอบกับรัฐสภาไทยได้มีมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .… เพื่อให้การกระทำทรมาน การกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรี และการบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นความผิดทางอาญา โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวเป็นวาระเร่งด่วนตามการร้องขอของนายกรัฐมนตรี
5 ข้อเรียกร้องของประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรมต่อนายกรัฐมนตรี
- นูร ซาญัต มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัย กำลังอยู่ระหว่างเตรียมการเดินทางไปประเทศที่สาม จึงมีสิทธิอาศัยอยู่ชั่วคราวในประเทศไทย รัฐบาลต้องดูแลให้ความปลอดภัยจนกว่าจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศที่สาม
- มาเลเซียไม่สามารถขอตัว นูร ซาญัต ไปดำเนินคดีในมาเลเซียได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้อำนาจประเทศไทยในการส่งให้มาเลเซีย ด้วยกรณีนี้ไม่เข้าด้วยเงื่อนไขและองค์ประกอบสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
- การแต่งกายข้ามเพศและการแปลงเพศ แม้จะเป็นความผิดตามกฎหมายมาเลเซีย แต่มิได้เป็นความผิดตามกฎหมายไทย และการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปปฏิบัติตามกฎหมายมาเลเซีย ในการจับกุม นูร ซาญัต และส่งตัวกลับไปประเทศมาเลเซีย จะทำให้ประเทศไทยเสียอธิปไตยทางศาล
- รัฐบาลต้องไม่ส่ง นูร ซาญัต กลับไปยังประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ เพราะจะทำให้ นูร ซาญัต ตกอยู่ภายใต้อันตรายของภัยประหัตประหาร การทรมาน เเละการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรี
- นายกรัฐมนตรีต้องกำกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ และหากพบว่ามีการกระทำความผิด ก็ขอให้ดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ทั้งทางวินัย ทางอาญา และทางปกครองด้วย
ขณะที่ Thilaga Sulathireh ผู้ร่วมก่อตั้ง Justice for Sisters กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิทรานส์เจนเดอร์ในมาเลเซีย ชี้ว่าการเดินหน้าข่มเหงรังแก นูร ซาญัต อย่างต่อเนื่อง สะท้อนบรรยากาศของการกดขี่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ในมาเลเซีย โดยเธอเรียกร้องผ่าน AFP ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องยุติการสืบสวนสอบสวนและการละเมิดสิทธิของ นูร ซาญัต ในทันที
“นี่คือสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในมาเลเซีย ผู้หญิงข้ามเพศอย่างฉันถูกลงโทษจากกฎหมายอิสลาม เพียงเพราะฉันทำบุญทำการกุศลเพื่อศาสนาอิสลามของฉัน เพียงเพราะฉันสวมใส่ชุดผู้หญิง โปรดช่วยเหลือฉันในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง มองสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันในประเทศของฉัน” – ทวีตของ นูร ซาญัต ที่แท็กขอความช่วยเหลือจาก เคนเนท รอธ ผู้อำนวยการองค์การ Human Rights Watch เมื่อ 25 มกราคมที่ผ่านมา –
ภาพ: @Nursajat03 / Twitter
อ้างอิง:
- https://coconuts.co/kl/news/celebrity-transwoman-nur-sajat-seeking-asylum-in-australia-after-bangkok-arrest-report/
- https://www.thestar.com.my/news/nation/2021/09/21/come-back-to-malaysia-willingly-cops-tell-nur-sajat
- https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/malaysian-transgender-entrepreneur-arrested-in-thailand
- https://twitter.com/nursajat02?lang=en
- https://web.facebook.com/CrCF.Thailand/?_rdc=1&_rdr
- https://www.unhcr.org/th/the-1951-refugee-convention