ฤดูฝนในประเทศไทย นอกจากจะสร้างความลำบากยามที่ตกลงมาให้กับคนบนท้องถนนแล้ว ฤดูฝนยังนำพาโรคทางเดินหายใจและภูมิแพ้ต่างๆ โดยมีสาเหตุจาก ‘ความชื้น’ ที่นำพาทั้งเชื้อไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย และกลิ่นอับชื้น มาสู่ตัวเรา
พญ.ศิวาพร ทรัพย์สพรั่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา เจ้าของแอ็กเคานต์ @wawa.allergy บน TikTok ได้ให้คำแนะนำถึงการควบคุมและจัดการสมดุลความชื้นในฤดูฝน เพื่อรักษาสุขภาพของเราให้ยั่งยืนทั้งตัวเราเองและคนในบ้าน
‘ความชื้น’ ทำให้เชื้อโรคเติบโตได้ดี
มาทำความเข้าใจกันง่ายๆ เลยก็คือ ‘ไอน้ำยิ่งมาก ความชื้นก็จะยิ่งสูงขึ้น’ ซึ่งระดับความชื้นสัมพัทธ์ปกติจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 40-60% RH (Relative Humidity) ความชื้นในช่วงความชื้นสัมพัทธ์นี้ เราจะรู้สึกสบายตัว ไม่อึดอัด หรือเหนอะหนะตัว
อย่างไรก็ตาม หากค่า RH พุ่งสูงไปมากกว่านี้ จะส่งผลดังนี้
- อึดอัด ไม่สบายตัว ตัวเหนียวเหนอะหนะ
- เกิดไอน้ำ ละอองน้ำ และคราบน้ำภายในบ้าน
- ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านอาจเสียหายได้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า กระเป๋าหนัง พรม
- เป็นแหล่งเจริญเติบโตของเชื้อโรค ส่งกลิ่นเหม็นอับภายในบ้าน
โดยเฉพาะเชื้อราและแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีความชื้น ผลเสียที่จะตามมาก็คือ กระตุ้นและนำพาโรคภัยของคนภายในบ้าน
ยกตัวอย่างจากเชื้อราที่สามารถสร้างสปอร์ได้ สปอร์จะกระตุ้นโรคภูมิแพ้และหอบหืด
สร้างสมดุลความชื้น สร้างสุขภาพที่ดี
ความชื้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องกำจัด แต่คือสิ่งที่ต้องสร้างสมดุลให้กับมัน เพราะความชื้นที่มากเกินไปจะเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับตัวการของโรคภัยอย่างแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ ทำให้คนที่แพ้สิ่งกระตุ้นเหล่านี้มีอาการภูมิแพ้กำเริบ หรือมีอาการคัดจมูก จาม น้ำมูกไหล หรือเป็นลมพิษได้
ในทางกลับกัน หากความชื้นน้อยเกินไปก็ทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้งลง ขนพัดโบกในจมูกทำงานได้ลดลง (Mucociliary Clearance) เกิดการระคายเคืองง่าย แสบจมูก เลือดกำเดาไหล เจ็บคอ คอแห้ง ไอ ติดเชื้อทางเดินหายใจง่ายขึ้น รวมถึงยังทำให้ตาแห้ง เคืองตา ผิวหนังแห้งหยาบกร้านและเกิดผื่นได้ง่าย
วิธีการจัดการกับความชื้นเพื่อสุขภาพที่ดี
ในฤดูฝนที่กระตุ้นโรคภัยหรือเป็นพาหะนำโรคต่างๆ มานั้น สิ่งที่เราทำได้ก็คือ
- กำจัดไรฝุ่นที่กระตุ้นภูมิแพ้
- ทำความสะอาดห้องเป็นประจำ
- ระบายอากาศในห้องเพื่อไม่ให้ความชื้นสูงเกิน
- รักษาความสะอาดของร่างกาย
- ดื่มน้ำให้มากขึ้น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
อีกหนึ่งทางเลือกคือ การสร้างการควบคุมสมดุลความชื้นด้วยตนเอง บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีนวัตกรรม ‘เครื่องลดความชื้น LG PuriCare™’ ที่มาพร้อม ดูอัล อินเวอร์เตอร์ (Dual Inverter) ระบบคอมเพรสเซอร์ที่ทรงประสิทธิภาพ ทนทาน ประหยัดพลังงาน และลดเสียงรบกวนในขณะทำงาน
PuriCare™ มาพร้อมระบบ Ionizer ที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยหลักการทำงานที่ตัวเครื่องจะดูดความชื้นในอากาศกลั่นออกมาเป็นน้ำเก็บไว้ในแทงก์ภายในตัวเครื่อง หรือระบายออกทางท่อน้ำทิ้ง สามารถลดความชื้นได้ 19 ลิตรต่อวัน และยังสามารถลดความชื้นได้สูงสุด 30 ลิตรในวันที่ความชื้นสัมพัทธ์สูงถึง 80% เพื่อคืนสมดุลความชื้นในอากาศ พร้อมความรู้สึกสบายตัว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยให้คุณและคนในครอบครัวใช้ชีวิตได้สบายขึ้น หายใจสะดวก และลดโอกาสการก่อสารเกิดภูมิแพ้ที่เป็นอันตราย