Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ คือภาพยนตร์สัตว์ประหลาดสัญชาติไทยจากค่ายเนรมิตรหนัง ฟิล์ม ที่เริ่มต้นการโปรโมตผลงานอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่มว่าพวกเขาจะมาผลักดันวงการภาพยนตร์ไทยผ่านงานวิชวลเอฟเฟ็กต์ของโคตรแย้ยักษ์ โดยฝีมือของ Fatcat Studios ผู้อยู่เบื้องหลังงานวิชวลเอฟเฟ็กต์จากละคร นาคี (2559) ภาพยนตร์เรื่อง นาคี ๒ (2561) และ ขุนแผน ฟ้าฟื้น (2562) ทั้งหมดนี้จึงทำให้ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ กลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่น่าจับตามองว่าทีมสร้างจะรังสรรค์เรื่องราวการเอาชีวิตรอดจากแย้ยักษ์ตัวนี้ออกมาด้วยรสชาติแบบไหน
ภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของ เก้า (กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล) แรปเปอร์หนุ่มถังแตกที่กำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตมากมาย กระทั่งวันหนึ่งเก้าได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของปู่ที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังเด็ก เขาจึงเดินทางกลับบ้านเกิดในภาคอีสานเพื่อไปร่วมงานศพ และนำพาให้เขามาพบกับ ฝน (ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์) เพื่อนสมัยเด็กที่ตอนนี้กลายเป็นยูทูเบอร์สาวชื่อดัง
ฝนได้จัดการแข่งขันตามหาน้ำบาดาลในทุ่งตะวันแยง โดยทีมที่หาน้ำบาดาลเจอเป็นทีมแรกจะได้รับเงินรางวัลสูงถึง 1 ล้านบาท เก้าจึงตัดสินใจลงสมัครเพื่อร่วมชิงเงินรางวัล แต่ในระหว่างการแข่งขันกลับมีสัตว์ประหลาดยักษ์ปริศนาปรากฏตัวขึ้นและเข้าทำร้ายผู้คนอย่างโหดเหี้ยม เก้าและพรรคพวกจึงต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากแย้ยักษ์
สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนตลอดการชม Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ คือความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้กำกับและทีมสร้างในการรังสรรค์แย้ยักษ์ตัวนี้ให้ออกมาน่าเกรงขามและเหี้ยมโหด ซึ่งส่วนตัวเราคิดว่าทางทีมสร้างสามารถนำเสนอเจ้าแย้ยักษ์ตัวนี้ออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ ไล่เรียงตั้งแต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในช็อต Close Up ไปจนถึง Long Shot ที่ให้เราสัมผัสกับความใหญ่โตของมัน
อีกหนึ่งสิ่งที่เราอยากชื่นชมคือความระทึกขวัญในฉากการออกล่าของแย้ยักษ์ที่นำเสนอออกมาได้อย่างน่าสนใจ ทั้งจังหวะจะโคนในการตัดต่อและวิธีการไล่ล่าที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความอันตรายของแย้ยักษ์ตัวนี้ได้เป็นอย่างดี และการใส่รายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการดำรงชีวิตของแย้ยักษ์ที่อาจจะไม่ได้ลงลึกมากนัก แต่ข้อมูลตรงนี้ก็ช่วยให้เราได้ทำความรู้จักกับแย้ยักษ์มากขึ้น รวมถึงการสร้างสรรค์ฉากโพรงถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของแย้ยักษ์ที่ทำออกมาได้อย่างสมจริง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพยนตร์จะมีจุดเด่นในแง่ของการสร้างสรรค์เจ้าแย้ยักษ์ที่มีเสน่ห์และน่าจดจำ แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าจุดด้อยสำคัญของ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ คือตัวบทภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยบาดแผล โดยส่วนตัวผู้เขียนนั้นไม่ได้รู้สึกติดขัดกับความไม่สมเหตุสมผลในหลายๆ จุดของภาพยนตร์ เพราะอย่างที่เรากล่าวไว้ในตอนต้นว่าทีมสร้างค่อนข้างนำเสนอฉากการเผชิญหน้ากับแย้ยักษ์ออกมาได้น่าสนใจ
แต่สิ่งที่เรารู้สึกติดขัดจริงๆ จนทำให้ความสนุกของภาพยนตร์ลดลงพอสมควร เห็นจะเป็นการปูปมปัญหาของเหล่าตัวละครหลักและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทุกคนที่ดูเบาบางจนไม่น่าติดตาม ไล่เรียงตั้งแต่เก้าและฝน ที่ผู้กำกับและทีมสร้างพยายามจะผูกปมปัญหาให้กับสองตัวละครนี้ตั้งแต่ต้น แต่ตลอดการดำเนินเรื่อง ภาพยนตร์กลับนำเสนอความสัมพันธ์ของเขาและเธอให้เราติดตามค่อนข้างน้อย และเน้นที่จะใช้บทสนทนาเพื่อบอกเล่าปมปัญหาของทั้งคู่แบบ ‘ตรงไปตรงมา’ เป็นส่วนใหญ่ มันจึงส่งผลให้เราไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละคร และไม่ชักชวนให้เราอยากจะเอาใจช่วยให้พวกเขาเอาชีวิตรอดจากแย้ยักษ์ได้อย่างที่ควรจะเป็น
รวมไปถึงตัวละครรองอย่าง เจน (จีน่า-ณัฐชา เดอซูซ่า) และ โย (ปาล์ม-ศุภชัย สุวรรณอ่อน) ที่ทีมงานสร้างคาแรกเตอร์ของทั้งคู่ได้โดดเด่น น่าสนใจ แต่ภาพยนตร์กลับไม่ได้นำเสนอเรื่องราวของทั้งคู่ หรือมีการใส่ฉากเด่นๆ ให้ผู้ชมได้ทำความรู้จักกับพวกเขาอย่างน่าเสียดาย
ถึงอย่างนั้นในภาพรวมแล้ว เราต้องขอชื่นชมในความตั้งใจของทีมสร้างทุกคนที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด จนสามารถสร้างสรรค์เจ้าแย้ยักษ์ตัวนี้ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์และน่าจดจำ อีกทั้งยังชวนให้เราอยากติดตามต่อไปว่าพวกเขาจะผลิตผลงานภาพยนตร์สัตว์ประหลาดสัญชาติไทยเรื่องใหม่ออกมาให้เราได้ชมในรูปแบบไหนอีกบ้าง แต่ขณะเดียวกัน Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ ก็มีจุดด้อยสำคัญในแง่ของเนื้อเรื่องที่ยังไม่สามารถชักชวนให้เรามีความรู้สึกร่วมไปกับเรื่องราวของตัวละคร และไม่อยากจะเอาใจช่วยพวกเขาได้อย่างที่ควรจะเป็น
Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ มีกำหนดเข้าฉาย 28 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
