×

เปิดตำนาน Mission: Impossible จากภารกิจลับบนจอแก้วสู่แฟรนไชส์หนังแอ็กชันที่ท้าทายขึ้นเรื่อยๆ

14.07.2023
  • LOADING...
Mission Impossible

Mission: Impossible นับว่าเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์แอ็กชันฟอร์มยักษ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งในแง่รายได้และคำวิจารณ์ โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ฉากเสี่ยงตายมากมายที่ชวนให้เราต้องลุ้นระทึกชนิดนั่งไม่ติดเก้าอี้ จนส่งให้ตัวละคร Ethan Hunt กลายเป็นหนึ่งในบทบาทของ Tom Cruise ที่ผู้ชมทั่วโลกจดจำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งภาพยนตร์ทั้ง 6 ภาคยังสามารถกวาดรายได้รวมทั่วโลกไปได้สูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

และเนื่องในโอกาสที่ Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One ภาพยนตร์ลำดับที่ 7 ของแฟรนไชส์ซึ่งมาพร้อมกับฉากแอ็กชันที่ถูกยกระดับความท้าทายมากยิ่งขึ้น ได้เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ THE STANDARD POP จึงถือโอกาสชวนผู้ชมไปย้อนชมจุดเริ่มต้นของแฟรนไชส์ชุดนี้กัน 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง:


 

Mission: Impossible ฉบับทีวีซีรีส์ 

ภาพ: IMDb

 

Mission: Impossible ทีวีซีรีส์แนวสายลับที่เนืองแน่นด้วยองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ 

 

หากจะกล่าวถึงเรื่องราวของ Mission: Impossible เราคงต้องย้อนเวลากลับไปในช่วงกลางยุค 1960 เมื่อ Bruce Geller นักเขียนและโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ผู้อยู่เบื้องหลังทีวีซีรีส์เรื่อง Rawhide (1959) ได้ริเริ่มไอเดียในการสร้างทีวีซีรีส์แนวสายลับเรื่องใหม่ในชื่อ Mission: Impossible ที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์โจรกรรมเรื่อง Topkapi (1964) ของผู้กำกับ Jules Dassin บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มโจรที่วางแผนปล้นกริชล้ำค่า 

 

โดย Bruce Geller ปรับเปลี่ยนจุดศูนย์กลางของเรื่องจากกลุ่มโจรมากฝีมือ มาเป็นกลุ่มสายลับที่คอยทำภารกิจสุดอันตรายเพื่อขัดขวางแผนการร้ายของเหล่าอาชญากร ภายใต้ชื่อ Impossible Missions Force หรือ IMF ซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่มากฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาร่วมทำภารกิจ และมีเหตุการณ์ในช่วงสงครามเย็นเป็นฉากหลัง 

 

นอกเหนือจากเรื่องราวการทำภารกิจอันซับซ้อนชวนติดตาม Mission: Impossible ยังเป็นทีวีซีรีส์ที่อัดแน่นไปด้วยเอกลักษณ์มากมาย เริ่มตั้งแต่ดนตรีประกอบชวนติดหูในช่วงอินโทรที่ประพันธ์โดย Lalo Schifrin ฉากเปิดเรื่องในแต่ละตอนที่ตัวละครหลักจะได้รับภารกิจผ่านเทปบันทึกเสียง พร้อมกับข้อความปิดท้ายว่า “ข้อความนี้จะทำลายตัวเองใน 5 วินาที” หรือการปลอมใบหน้าเพื่อเข้าแทรกซึมในภารกิจต่างๆ ฯลฯ 

 

และภายหลังจากที่ Mission: Impossible เริ่มออกฉายครั้งแรกในปี 1966 ทางช่อง CBS ซีรีส์ก็ได้รับการต่อยอดเรื่องราวอย่างต่อเนื่องถึง 7 ซีซัน (ปี 1966-1973) และสามารถคว้ารางวัล Emmy Awards มาแล้วถึง 10 สาขา ก่อนที่ Mission: Impossible ฉบับทีวีซีรีส์จะได้รับการสานต่ออีกครั้งในปี 1988 และออกอากาศจำนวน 2 ซีซันด้วยกัน รวมถึงยังถูกต่อยอดไปเป็นสื่อบันเทิงอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Mission: Impossible vs. the Mob (1967) ที่เป็นการนำเนื้อหาของ Mission: Impossible Season 2 ตอน The Council Part 1-2 มานำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์ หรือจะเป็นการดัดแปลงเป็นฉบับคอมิกในปี 1967 โดยค่าย Dell Comics 

 

และภายหลังจากที่ซีรีส์ Mission: Impossible ออกอากาศจบลงในปี 1990 หน่วย IMF ก็ได้หยุดปฏิบัติภารกิจไปยาวนานร่วม 5 ปี ก่อนในปี 1996 จะมีนักแสดงมากฝีมือคนหนึ่งได้ส่งเทปบันทึกเสียงเพื่อมอบภารกิจใหม่ให้หน่วย IMF อีกครั้ง และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์แอ็กชันที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม

 

เขามีชื่อว่า Tom Cruise 

 

Mission: Impossible (1996)

ภาพ: IMDb

 

จากภารกิจบนจอแก้วสู่แฟรนไชส์ภาพยนตร์แอ็กชันฟอร์มยักษ์ที่ยืนหยัดมอบความบันเทิงมายาวนานร่วม 27 ปี  

 

ย้อนเวลากลับไปในช่วงยุค 80-90 Tom Cruise นับว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงมากฝีมือที่เคยฝากผลงานเรื่องเยี่ยมมาแล้วมากมายหลายเรื่อง ทั้งการรับบทเป็นนักบินมากฝีมือใน Top Gun (1986) ที่ส่งให้ชื่อของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง, Born on the Fourth of July (1989) ภาพยนตร์ดราม่าเรื่องเยี่ยมที่ดัดแปลงมาจากชีวประวัติของ Ron Kovic ทหารผ่านศึกในสงครามเวียดนาม ซึ่งส่งให้ชื่อของ Tom Cruise ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรก หรือ A Few Good Men (1992) กับบทบาทของทนายความหนุ่มอ่อนประสบการณ์ 

 

ภายหลังจากที่ Tom Cruise ได้พิสูจน์ความสามารถในฐานะนักแสดงนำจนได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม เขาก็ได้ตัดสินใจจับมือกับ Paula Wagner อดีตตัวแทนเขา ในการก่อตั้งบริษัทโปรดักชันชื่อ Cruise/Wagner Productions ในปี 1992 พร้อมวางแผนที่จะหยิบนำทีวีซีรีส์เรื่อง Mission: Impossible ที่เขาชื่นชอบในวัยเด็กมาดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์อีกครั้ง โดยเขาจะรับหน้าที่เป็นทั้งนักแสดงนำและดูแลในตำแหน่งโปรดิวเซอร์ และประจวบเหมาะกับที่ Paramount Pictures พยายามผลักดันให้ซีรีส์ Mission: Impossible มาสร้างเป็นฉบับภาพยนตร์เช่นเดียวกัน 

 

พวกเขาจึงเริ่มต้นพัฒนาโปรเจกต์ดังกล่าว โดยได้คว้าตัว Brian De Palma ผู้กำกับภาพยนตร์แนวอาชญากรรม-ระทึกขวัญ เช่น Dressed to Kill (1980) และ The Untouchables (1987) มานั่งแท่นผู้กำกับ รวมถึง David Koepp และ Robert Towne มารับหน้าที่เขียนบทร่วม พร้อมด้วยทีมนักแสดงมากฝีมือมาร่วมปฏิบัติภารกิจ เช่น Jon Voight, Emmanuelle Béart, Henry Czerny, Jean Reno, Ving Rhames ฯลฯ

 

Mission: Impossible (1996)

ภาพ: IMDb

 

Mission: Impossible ฉบับภาพยนตร์เริ่มออกฉายอย่างเป็นทางการในปี 1996 โดยได้เสียงตอบรับจากผู้ชมอย่างล้นหลามด้วยการกวาดรายได้รวมทั่วโลกไปอย่างถล่มทลายถึง 457 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้างประมาณ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

โดยองค์ประกอบสำคัญที่ส่งให้ Mission: Impossible เป็นภาพยนตร์แอ็กชันที่โดดเด่นคือ เนื้อเรื่องที่ซับซ้อนชวนติดตามและเปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงในการนำเสนอ ซึ่งแตกต่างไปจากภาพยนตร์แอ็กชันในยุคเดียวกันที่มักจะเน้นขายฉากแอ็กชันบู๊แหลก ระเบิดสุดเวอร์วัง มากกว่าเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ รวมถึงฉากแอ็กชันสุดระทึกที่ Tom Cruise รับหน้าที่แสดงฉากสตันท์ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด  

 

ไม่เพียงแค่นั้น ผู้กำกับและทีมสร้างยังได้สอดแทรกองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์จากฉบับทีวีซีรีส์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งการนำตัวละครจากฉบับทีวีซีรีส์อย่าง Jim Phelps หนึ่งในเจ้าหน้าที่ IMF ที่รับบทโดย Peter Graves กลับมาใช้ในฐานะตัวร้ายของเรื่อง พร้อมได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง Jon Voight มาสวมบทบาท ฉากเทปบันทึกเสียง การสวมหน้ากากเพื่อปลอมตัว ไปจนถึงการใช้ดนตรีประกอบและฉากอินโทรแบบเดียวกับฉบับทีวีซีรีส์ ฯลฯ จึงส่งให้ Mission: Impossible ฉบับของ Tom Cruise สามารถเข้าถึงได้ทั้งแฟนคลับที่เติบโตมากับทีวีซีรีส์ต้นฉบับและผู้ชมกลุ่มใหม่ไปพร้อมกัน 

 

 

Mission: Impossible – Rogue Nation (2015)

ภาพ: IMDb

 

ภายหลังจากที่ Mission: Impossible ภาคแรกออกฉายในปี 1996 ภาพยนตร์ก็ได้รับการสร้างภาคต่อมาอย่างต่อเนื่องถึง 7 ภาค (นับรวมภาคล่าสุดอย่าง 

 

Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One) ซึ่ง Tom Cruise ที่รับบทนำและควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์ รวมถึงทีมสร้างในแต่ละภาค ต่างก็พยายามที่จะสร้างความท้าทายใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพของแฟรนไชส์ชุดนี้ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ 

 

เริ่มตั้งแต่เรื่องราวในช่วง 3 ภาคแรกที่ Tom Cruise เลือกใช้ผู้กำกับที่มีสไตล์ที่แตกต่างกันเพื่อสร้างความหลากหลายให้กับแฟรนไชส์ ทั้ง John Woo ในภาค Mission: Impossible 2 (2000), J.J. Abrams ในภาค Mission: Impossible III (2006), Brad Bird ในภาค Mission: Impossible – Ghost Protocol (2011) ก่อนที่ Tom Cruise จะชักชวน Christopher McQuarrie มือเขียนบทและผู้กำกับที่เคยร่วมงานกับเขามาแล้วใน Jack Reacher (2012) มาร่วมร้อยเรียงเรื่องราวของ Ethan Hunt ให้มีความต่อเนื่องกันใน Mission: Impossible – Rogue Nation (2015), Mission: Impossible – Fallout (2018) และ Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One-Two 

 

Mission: Impossible – Fallout (2018)

ภาพ: IMDb

 

รวมถึงฉากเสี่ยงตายที่ Tom Cruise ยังคงร่วมมือกับทีมสร้างในการทลายกำแพงความท้าทายให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งการปีนตึก Burj Khalifa ที่ได้ชื่อว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกใน Mission: Impossible – Ghost Protocol, การต้องเกาะอยู่ด้านนอกเครื่องบิน Airbus A400M ขณะขึ้นบินใน Mission: Impossible – Rogue Nation, ฉาก Halo Jump ที่ Tom Cruise ต้องกระโดดออกจากเครื่องบินบนความสูง 25,000 ฟุตใน Mission: Impossible – Fallout และฉากการขับมอเตอร์ไซค์เพื่อพุ่งออกจากหน้าผาที่ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1200 เมตรใน Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One จนส่งให้แฟรนไชส์ Mission: Impossible อัดแน่นไปด้วยฉากอันเป็นที่จดจำของผู้ชมมากมาย และทำให้ผู้ชมต่างตั้งตารอที่จะได้เห็น Tom Cruise แสดงฉากสุดท้าทายเหล่านี้อีกในภาคต่อๆ ไป 

 

ไม่เพียงแค่นั้น Mission: Impossible ในแต่ละภาคยังได้คว้าตัวนักแสดงมากฝีมือหลายคนมาร่วมรับทำภารกิจสุดท้าทายมากมาย เริ่มตั้งแต่ Ving Rhames ที่อยู่กับแฟรนไชส์ชุดนี้มาตั้งแต่ภาคแรก และ Simon Pegg ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในภาค Mission: Impossible III ก่อนที่เขาจะกลายเป็นหนึ่งในตัวละครเปี่ยมสีสันที่ขาดไม่ได้ รวมถึง Philip Seymour Hoffman, Michelle Monaghan, Jeremy Renner, Michael Nyqvist, Rebecca Ferguson, Alec Baldwin, Henry Cavill ฯลฯ 

  

Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One (2023)

ภาพ: United International Pictures Thailand

 

และด้วยความมุ่งมั่นของ Tom Cruise และทีมสร้างที่พยายามจะผลักดันคุณภาพของภาพยนตร์ให้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องอันเข้มข้นชวนติดตาม กลวิธีนำเสนอที่มีลูกล่อลูกชนอันแพรวพราว ไปจนถึงการสร้างความท้าทายใหม่ๆ ด้วยฉากเสี่ยงตายที่ยากขึ้น เพื่อให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ในการชมภาพยนตร์ที่ดีที่สุด ก็ส่งให้ Mission: Impossible กลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์แอ็กชันที่ยิ่งทำยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising