วันนี้ (12 พฤศจิกายน) พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) แถลงผลการปฏิบัติการครั้งใหญ่ของตำรวจไซเบอร์ ในการทลายเครือข่ายลี ยงพัด องค์กรอาชญากรรมฟอกเงินข้ามชาติ
ซึ่งเป็นผู้ต้องหาสำคัญที่ถูกทางการสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร และกระทรวงมหาดไทยประกาศถอนสัญชาติไทย เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงทางไซเบอร์และฉ้อโกงประชาชน
คดีนี้สืบเนื่องมาจากการที่สำนักงาน ปปง. มีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์เครือข่าย ลี ยงพัด (หรือ พัด สุภาภา) มูลค่า 79 ล้านบาทก่อนหน้า ทาง บช.สอท. จึงได้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนพบว่า ลี ยงพัด กับพวก เป็นเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับครอบครัวของ ก๊ก อาน ซึ่งถูกออกหมายจับไปก่อนหน้า
โดยพบหลักฐานทางการเงินว่า ลี ยงพัด มีการรับโอนเงินจากกลุ่มขบวนการแก๊งสแกมเมอร์ ที่ทำการหลอกลวงผู้เสียหายชาวไทยหลายราย นอกจากนี้ ยังมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงว่าลี ยงพัด คือเจ้าของตึกโอร์เสม็ด รีสอร์ท ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของแก๊งสแกมเมอร์ ในจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา
ต่อมาในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท. ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ ลี ยงพัด และเครือข่าย รวม 5 คน ในความผิดฐาน สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทําความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน
ผู้ต้องหาประกอบด้วย 1) พัด สุภาภา หรือ ลี ยงพัด 2) โชคชัย สุภาภา (บุตรชาย) 3) IEK UN CHOI (สัญชาติจีน) 4) WEIBIN WANG (สัญชาติกัมพูชา) และ 5) WEIQING WANG (สัญชาติกัมพูชา)
ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 ตำรวจไซเบอร์ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ ปปง. ร่วมเปิดปฏิบัติการตรวจค้นที่พักอาศัยของลี ยงพัด และผู้ต้องหาตามหมายจับรวม 36 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดตราด
ผลการปฏิบัติการ สามารถตรวจยึดทรัพย์สินและพยานหลักฐานสำคัญทางคดีได้จำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 411 ล้านบาท อาทิ ห้องชุดในคอนโดหรูย่านสุขุมวิท 3 ห้อง มูลค่ารวมกว่า 260 ล้านบาท, ห้องชุดในคอนโดหรูอีกแห่งมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท, ที่ดินใน จ.ตราด มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท, เงินในบัญชีธนาคาร 6 บัญชี มูลค่ารวมกว่า 88.2 ล้านบาท, รถยนต์หรู ซึ่งมีชื่อ เซปิงภู บุตรชายของก๊กอาน เป็นผู้ครอบครอง มูลค่ารวมกว่า 15 ล้านบาท
รวมถึงกรมธรรม์ประกันชีวิต 2 กรมธรรม์ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท และโฉนดที่ดินในพื้นที่ จ.ตราด ที่มีชื่อ พัด สุภาภา และมานี สุภาภา เป็นผู้ครอบครองอีกรวม 22 แปลง (อยู่ระหว่างรอราคาประเมิน)
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. จะจัดตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อทำการสืบสวนขยายผลในคดีนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป และจะประสานงานกับตำรวจสากล เพื่อออกประกาศสืบจับในต่างประเทศ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ ปปง. เพื่อติดตามยึด/อายัดทรัพย์สินเครือข่ายลี ยงพัด ให้ได้ทั้งขบวนการ
