×

‘หุ้นลีสซิ่ง’ ร่วงแรงกว่าตลาด รับข่าวร้ายกำไรหดตัวหลัง สคบ. เตรียมกดเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อ

22.06.2022
  • LOADING...
หุ้นลีสซิ่ง

หุ้นลีสซิ่งกอดคอกันร่วง รับแรงกดดันกรณี สคบ. เตรียมกำหนดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์มือ 1 ที่อาจกำหนดเพดานดอกเบี้ยที่ 20% ต่ำกว่าที่ผู้ประกอบการต้องการ นักวิเคราะห์ประเมินกำไร SAWAD และ MTC รับผลกระทบเยอะสุด เหตุมีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มาก แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการรับมือได้ด้วยการเพิ่มเงินดาวน์และจัดเป็นพอร์ตสินเชื่อบุคคลแทน

 

หุ้นกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อหรือลีสซิ่ง ปรับตัวลดลงอย่างถ้วนหน้าและลดลงมากกว่าตลาดรวม โดยตลอดทั้งวันนี้ หุ้นกลุ่มลีสซิ่งได้รับแรงกดดันจากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมประชุมกันในวันนี้ (22 มิถุนายน) และมีวาระหารือเรื่องการกำหนดเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อ โดยเดิมได้ข้อสรุปสำหรับเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อรถใหม่ 15% รถยนต์ใช้แล้ว 20% อย่างไรก็ตาม ในส่วนของส่วนรถจักรยานยนต์มือ 1 ยังตกลงกันไม่ได้ เนื่องจากคณะทำงานเสนอให้เก็บที่ 20% ขณะที่ผู้ประกอบการต้องการที่ 30% ซึ่งหากที่ประชุม สคบ. ได้ข้อสรุปในวันนี้ก็จะมีการประชุมเพื่อสรุปผลร่างประกาศอีกครั้ง

 

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มลีสซิ่งปรับตัวลดลงถ้วนหน้า นำโดย บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ปิดการซื้อขายที่ 47.50 บาท ลดลง 2.56%, บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ราคาปิดอยู่ที่ 29 บาท ลดลง 3.33%, บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ปิดที่ 42.25 บาท ลดลง 1.74%, บมจ.ฐิติกร (TK) ปิดที่ 10.40 บาท ลดลง 3.70% และ บมจ.เอส 11 กรุ๊ป (S11) ปิดที่ 5.55 บาท ลดลง 2.63%

 

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า หาก สคบ. กําหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มือ 1 ที่ 20% จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เป็นหลัก เช่น TK, S11 และ NCAP เป็นต้น เนื่องจากปัจจุบันคิดอัตราดอกเบี้ยที่ราว 25-35% สูงกว่าเพดานที่ สคบ. ต้องการกําหนดที่ 20% อยู่มาก

 

ขณะที่ผู้ประกอบการในกลุ่มจํานําทะเบียน เช่น SAWAD และ MTC จะได้รับผลกระทบบ้าง เนื่องจากมีสัดส่วนสินเช่ือจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไม่มาก แต่ TIDLOR ไม่กระทบ เพราะไม่มีสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์

 

โดย SAWAD มีสัดส่วนสินเชื่อจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ราว 12% ของสินเชื่อสุทธิ และคิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อเฉลี่ยราว 30% ซึ่งฝ่ายวิจัยได้ทํา Sensitivity หากเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อลดลงมาที่ 20% โดยสมมติฐานอื่นไม่เปลี่ยนแปลง จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มกําไรสุทธิปี 2566 ของ SAWAD ราว 10% จากประมาณการปัจจุบัน

 

ขณะที่ MTC มีสัดส่วนสินเชื่อจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เพียง 3% ของสินเชื่อสุทธิ และคิดอัตราดอกเบี้ยสินเช่ือเช่าซื้อเฉลี่ยราว 23% โดยฝ่ายวิจัยได้ทํา Sensitivity หากเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อลดลงมาที่ 20% โดยสมมติฐานอื่นไม่เปลี่ยนแปลง จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มกําไรสุทธิปี 2566 ของ MTC ราว 2% จากประมาณการปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า SAWAD และ MTC สามารถปรับกลยุทธ์ โดยการปรับเพิ่มเงินดาวน์จากลูกค้าหรือสามารถปรับกลยุทธ์มาใช้สัญญาสินเชื่อบุคคล ซึ่งมีเพดานอัตราดอกเบี้ย 25% หรือนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งมีเพดานอัตราดอกเบี้ย 33% ควบคู่กันไปด้วยได้

 

ดังนั้นจึงคงน้ําหนักการลงทุนกลุ่มเช่าซื้อเท่าตลาด โดยเลือก TIDLOR เป็น Top Pick จากแนวโน้มกําไรสุทธิปี 2565 จะเติบโต 23%YoY จากแนวโน้มสินเชื่อและรายได้ค่านายหน้าประกันภัยเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่คาดกําไรสุทธิงวด 2Q65 จะเติบโตต่อเนื่อง ท้ัง QoQ และ YoY โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 42 บาท

 

ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย ระบุว่า หุ้นในกลุ่มลีสซิ่งวันนี้รับแรงกดดันจาก สคบ. โดยเฉพาะกรณีการกำหนดเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งผู้ประกอบการขอไว้ที่ 30% ขณะที่คณะทำงานของ สคบ. ต้องการจะกดเพดานดอกเบี้ยรถจักรยานยนต์มือ 1 ที่ 20% ต่อปี

 

โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่า หากได้ข้อสรุปตามที่ สคบ. เห็นควร จะกระทบเฉพาะบริษัทที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ อาทิ SAWAD เนื่องจากมีพอร์ตเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ราว 17% ในปี 2566 ส่วน MTC มีพอร์ตเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เพียง 5% จึงประเมินว่าได้รับผลกระทบไม่มาก ส่วนบริษัทอื่นที่ไม่ได้ทำการศึกษาคาดว่า NCAP จะเป็นผู้ประกอบการอีกรายที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบ

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising