วันนี้ (30 มีนาคม) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ขึ้นเวทีเปิดใจโดยระบุว่า กรุงเทพมหานครอหัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มาวันนี้โอกาสของเมือง โอกาสของประชาชน โอกาสของประเทศ เสียหายไปมาก และไม่ได้สร้างโอกาสใหม่ให้กับเมือง จึงตั้งใจสร้างพรรคไทยสร้างไทยให้เป็นทางเลือกใหม่ของประเทศไทย และสร้างโอกาสใหม่ให้กับกรุงเทพฯ
ตนไปแล้วมาหลายจังหวัด หลายภูมิภาคทั่วประเทศ อยู่บนถนนสายการเมืองมาแล้วสามสิบปีเต็ม แต่ไม่มีที่ไหนอุ่นใจ สบายใจ ภูมิใจ เท่ากับได้พูด ได้อยู่ ได้ร่วมแก้ปัญหาไปกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ แบบในวันนี้ เพราะกรุงเทพฯ คือบ้านเกิดทางการเมืองของสุดารัตน์ ไม่มีพี่น้องชาวกรุงเทพฯ มอบความไว้วางใจให้ในปี 2535 ไม่มี สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ บนถนนสายการเมืองมาจนถึงวันนี้
“หน่อยมีวันนี้เพราะพี่น้องชาวกรุงเทพฯ มอบโอกาสและความไว้วางใจให้”
การได้รับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ มาเป็นเวลาสามสิบปีเต็ม การได้เดินไปในตรอกซอกซอย ได้โอบกอดและพบปะกับพี่น้องประชาชนอยู่เป็นประจำ ทำให้ผูกพันกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ และรู้ปัญหาที่พี่น้องชาวกรุงเทพฯ กำลังเผชิญอยู่อย่างลึกซึ้ง
พรรคไทยสร้างไทยให้ความสำคัญกับกรุงเทพมหานครอย่างยิ่ง เรามองว่ากรุงเทพฯ คือหัวใจของการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจไทยทั้งประเทศ สิ่งที่เราได้เห็นตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาเรียกได้ว่าน่าเศร้าใจ เพราะที่เราได้เห็นคือ “โอกาสหลายอย่างได้หายไปจากเมืองแห่งนี้ โอกาสหลายอย่างได้หายไปจากมือของคนกรุงเทพฯ” โลกเปลี่ยนไว แต่กรุงเทพฯ คว้าโอกาสจากโลกยุคใหม่ได้ไม่ทันการณ์ เราขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ คิดไกล มองปัญหาอย่างเป็นระบบ เป็นนักปฏิบัติที่ตั้งเป้าหมายสูง และพร้อมทำงานเป็นทีม
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า ชัดเจนแล้วว่าโอกาสของเมือง โอกาสของประชาชน โอกาสของประเทศ เสียหายไปมาก ไม่ได้สร้างโอกาสใหม่ให้กับเมือง ไม่ได้ใช้ศักยภาพของกรุงเทพฯ ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง ที่รู้สึกเสียใจทุกครั้งคือการได้ยินว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่ ประโยคนี้นำไปสู่เป้าหมายของพรรคไทยสร้างไทยในสนามการเลือกตั้งกรุงเทพฯ เราจะทำให้กรุงเทพฯ กลับมาเป็นบ้านที่น่าอยู่ให้ได้
“สามสิบปีหน่อยได้ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมือง จากพรรคพลังธรรมจนถึงพรรคไทยสร้างไทย คือพรรคสุดท้ายและภารกิจสุดท้ายในชีวิตทางการเมือง ขอทำให้ดีที่สุด เพื่อส่งมอบประเทศไทยที่ดี กรุงเทพฯ ที่ดีที่สุด มีอนาคตให้กับคนไทยทุกคน ตลอดสามสิบปีในชีวิตทางการเมืองไม่เคยเห็นประเทศของเราตกต่ำและคนไทยต้องทุกข์ยากเท่ากับช่วงเวลานี้ จำเป็นต้องมีพรรคการเมืองที่เป็นทางเลือกใหม่ เป็นทางรอดของประเทศ มาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนและพรรคเรา “ไทยสร้างไทยพรรคเดียวไม่เกี่ยวใคร” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวต่อไปว่า พรรคไทยสร้างไทยมีวาระสำคัญเพื่อยุติความขัดแย้งและมุ่งสร้างเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวให้ได้โดยเร็วที่สุด และหากจะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้เร็วที่สุด กรุงเทพฯ ต้องเป็นเมืองแห่งการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ และเป็นเมืองแห่งโอกาส สามารถแข่งขันกับมหานครแห่งอื่นๆ ของโลกได้
พรรคไทยสร้างไทยมาพร้อมกับแพ็กเกจนโยบายเพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของ New Economy Hub หรือศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ สร้าง Ecosystem ใหม่ เพื่อให้เป็น Office ดึงดูดคนเก่ง นักลงทุน ผู้ประกอบการ และเศรษฐีจากทั่วโลก จึงขอให้พี่น้องชาว กทม. ได้ให้ความไว้วางใจทีมไทยสร้างไทยอีกครั้งเหมือนที่เคยไว้วางใจเลือกสุดารัตน์เป็น ส.ส. ครั้งแรกในปี 2535 ลงเลือกตั้งเมื่อไร พี่น้องชาว กทม. เทคะแนนเสียงให้ จนได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ต่อเนื่อง 4 สมัย และไว้วางใจเหมือนที่เคยเลือกทีมงานของสุดารัตน์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในนามกลุ่มพลังไทย ในปี 2541 จนได้รับชัยชนะจำนวน 36 ที่นั่ง จาก 100 ที่นั่ง ใน 14 เขตเลือกตั้ง เหนือทุกพรรคการเมืองในเวลานั้น จึงสำนึกเสมอว่ามีวันนี้เพราะพี่น้องชาว กทม. มอบโอกาสและความไว้วางใจ และได้ทำงานยากใน กทม. สำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวด้วยว่า เมื่อได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มีส่วนในการกำกับดูแล กทม. ได้ผลักดันและสร้างการเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพฯ หลายเรื่อง เช่น วางโครงสร้างการแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ อย่างเป็นระบบ จัดทำแผนแม่บทโครงข่ายทางด่วนใยแมงมุม จัดทำแผนแม่บทรถไฟฟ้าทั้งหมดในกรุงเทพฯ ที่ใช้จนถึงปัจจุบัน เร่งรัดการก่อสร้างถนนสายรองตัดทะลุตรอกซอกซอย ก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกและอุโมงค์ ทำให้ระบายรถได้เร็วขึ้นทั้งเมือง ลอกท่อระบายน้ำและคูคลองในกรุงเทพฯ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม ผลักดันการสร้างสวนสาธารณะทั้งขนาดเล็กและใหญ่
เมื่อได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้นำโครงการประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรคไปปฏิบัติจนเป็นผลสำเร็จ ทั้งได้รณรงค์และออกตรวจตลาดอย่างจริงจัง เพื่อให้คนไทยได้ทานอาหารที่ปลอดภัย ไม่ปนเปื้อนสารพิษ ไม่ตายผ่อนส่งจากโรคมะเร็ง นี่คือสิ่งที่ดิฉันได้เคยทำมาเพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพฯ และพรรคไทยสร้างไทยขออาสาทำให้ดียิ่งกว่าเดิม เพื่อให้กรุงเทพฯ กลับมาเป็นบ้านที่น่าอยู่ของคนกรุงเทพฯ ให้ได้
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ทำงานคนเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องมี ส.ก. เป็นมือเป็นไม้ เป็นเครือข่ายใยแมงมุมทั่วกรุงเทพฯ เพื่อช่วยเหลือการทำงานและดูแลพี่น้องประชาชน
ผู้ว่าฯ กทม. อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเสียงของ ส.ก. คอยสนับสนุน พรรคไทยสร้างไทยจึงส่งผู้สมัคร ส.ก. ครบถ้วน 50 คน ใน 50 เขตเลือกตั้ง และพรรคไทยสร้างไทยมั่นใจว่าทีมงานที่เราเชื่อมั่นมีดีเอ็นเอตรงกัน นั่นคือทำงานจริงจัง ฟังเสียงประชาชน
สามสิบปีที่ผ่านมา สุดารัตน์หยัดยืนบนเวทีการเมืองได้เพราะมีทีมงานเข้มแข็ง ทีมงานที่คอยช่วยคิด ช่วยทำ ช่วยนำ ช่วยประสานงาน นั่นคือ ‘น.ต. ศิธา ทิวารี’ หรือ ผู้พันปุ่น และวันนี้ในนามพรรคไทยสร้างไทย เราขอส่งคนที่เราเชื่อมั่นที่สุด ไว้วางใจที่สุด น.ต. ศิธา ทิวารี ลงชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า น.ต. ศิธา เป็นคนที่ตนเองเชื่อมั่นว่าจะเป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้ดี จะสร้างกรุงเทพฯ ให้กลับมาเป็นบ้านที่น่าอยู่ได้ เป็นบ้านแห่งความสุข น.ต. ศิธา จึงเป็นคนที่ตนเองเชื่อมั่น ไว้วางใจ เรามีดีเอ็นเอการทำงานตรงกัน และเมื่อตนเองได้เป็นรัฐมนตรีฯ จากเหนือจรดใต้ ปุ่นไปกับหน่อยทุกที่ ทุกจังหวัด ทุกห้องประชุม มีสุดารัตน์ที่ไหนจะเห็น น.ต. ศิธา เดินอยู่ใกล้ๆ เป็นเงาตามตัว เป็นเบื้องหลังความสำเร็จ เป็นคนช่วยคิดและช่วยลงมือปฏิบัติให้สำเร็จจริง เราจึงทำงานยากให้สำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง หน่อยจึงขอฝากคนที่หน่อยเชื่อมั่นที่สุดให้พี่น้องคนกรุงเทพฯ ได้เลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. คนต่อไป
ขอพี่น้องได้ให้การสนับสนุนผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. จากพรรคไทยสร้างไทยในทุกเขตเลือกตั้ง เพราะทุกคะแนนเสียงเท่ากับได้เลือกสุดารัตน์เป็นผู้ช่วยอีกหนึ่งคนเข้าไปรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ เลือก น.ต. ศิธา เป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้สุดารัตน์อีกหนึ่งคนไปช่วยทำงาน เลือก ส.ก. เขตไหน เท่ากับได้สุดารัตน์อีกหนึ่งคนไปช่วยทำงาน เพราะฉะนั้นขอช่วยกันเลือก เลือก น.ต. ศิธา ยกทีม
พรรคไทยสร้างไทยขอสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้คน กทม. เลือก น.ต. ศิธา เป็นผู้ว่าฯ กทม. ไปติดปีกให้กรุงเทพฯ ให้เป็นเมือง Wealthy สร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองแห่งการสร้างรายได้ เมืองแห่งโอกาสในการทำมาหากิน เมืองแห่งศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ คนเก่ง นักลงทุนเดินอยู่เต็มเมือง และคนในเมืองมีเงินเต็มกระเป๋า ให้เป็นเมือง Healthy สร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่มีแต่คนสุขภาพดี มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีสถานที่ออกกำลังกาย ได้ทานอาหารปลอดภัย ให้เป็นเมือง Happy สร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองแห่งความสุข ให้เป็นบ้านที่น่าอยู่ อยู่แล้วมีความสุขที่สุด เดินไปไหนมีแต่คนบอก ‘กรุงเทพฯ น่าอยู่’
สำหรับ น.ต. ศิธา ทิวารี นั้นหลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิตจากโรงเรียนนายเรืออากาศ รุ่น 31 ได้เข้ารับราชการในสังกัดกองทัพอากาศ จนได้เป็นนักบินขับไล่ F-16 ประมาณ 8 ปี โดยตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากราชการคือ รองหัวหน้าแผนกแผนร่วม กองนโยบายและแผน กรมยุทธการ กองทัพอากาศ ต่อมาตัดสินใจลาออกจากราชการกองทัพอากาศ เดินหน้าบนเส้นทางการเมืองด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. พรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2543 ก่อนถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี จากคดียุบพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2549
สำหรับตำแหน่งทางการเมืองก่อนหน้านี้ น.ต. ศิธา เป็นอดีตผู้ประสานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย อดีตประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และในช่วงรัฐบาล ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
การเปิดตัวในวันนี้ส่งผลให้ น.ต. ศิธา กลายเป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. คนที่ 7 และตัวแทนพรรคการเมืองลำดับที่ 4 ถัดจาก ‘สกลธี ภัททิยกุล’ ผู้สมัครอิสระ ‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ พรรคก้าวไกล ‘สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์’ พรรคประชาธิปัตย์ ‘ประยูร ครองยศ’ พรรคไทยศรีวิไลย์ ‘รสนา โตสิตระกูล’ ผู้สมัครอิสระ และ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้สมัครอิสระ