สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว กลายเป็นที่จับตามองในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังประสบภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง ท่ามกลางสกุลเงินกีบที่อ่อนค่าลงอย่างหนัก และเกิดการขาดแคลนน้ำมันขึ้นทั่วประเทศ
รายการ KEY MESSAGES จะขอเรียบเรียงให้ทุกท่านฟังครับว่า ที่มาที่ไปของวิกฤตที่ สปป.ลาว ครั้งนี้เกิดจากปัจจัยอะไรบ้าง วิกฤตเศรษฐกิจของ สปป.ลาว รอบนี้รุนแรงแค่ไหน ถ้าสนใจเนื้อหาฝากกดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe ให้ด้วยนะครับ
วิกฤตขาดแคลนน้ำมัน
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนทั่ว สปป.ลาว ต้องเผชิญปัญหาหนักจากการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง จนปรากฏภาพประชาชนถือถังหรือขวดลิตรไปยืนต่อแถวยาวเพื่อรอซื้อน้ำมันที่ปั๊มหลายปั๊มถึงขั้นต้องแจกบัตรคิวหรือปิดไปเพราะไม่มีน้ำมันขาย
ที่มาของวิกฤตขาดแคลนน้ำมันนี้ หลักๆ เกิดจากการนำเข้าน้ำมันที่ลดลง ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น และผลกระทบจากการอ่อนค่าของสกุลเงินกีบ
ปัจจุบัน สปป.ลาว สามารถนำเข้าน้ำมันได้เพียงประมาณ 20 ล้านลิตรต่อเดือน ขณะที่ความต้องการน้ำมันต่อเดือนมีสูงกว่า 120 ล้านลิตร โดยน้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่นำเข้าจากไทย และซื้อขายด้วยเงินบาทหรือดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่สกุลเงินกีบอ่อนค่า ซึ่งหมายความว่าต้องใช้เงินมากขึ้นในการซื้อน้ำมัน
ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็พุ่งสูงขึ้นจากหลายปัจจัย รวมถึงผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครน ซึ่งการเพิ่มขึ้นอย่างมากของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา และตัวเลขการนำเข้าที่ลดลง ทำให้ราคาขายน้ำมันหน้าปั๊มถีบตัวสูงขึ้น
โดยตัวเลขราคาน้ำมันใน สปป.ลาว ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 92.6%
เงินกีบอ่อนค่ารุนแรง
ช่วงเดือนกันยายน ปี 2021 สกุลเงินกีบมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 9,400 กีบ ต่อ 1 ดอลลาร์ แต่ ณ ปัจจุบัน ในวันที่ 12 มิถุนายน 2022 เงินกีบอ่อนค่าลงไปกว่า 14,400 กีบ ต่อ 1 ดอลลาร์ หรือพูดง่ายๆ คืออ่อนค่าลงกว่า 50%
ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินกีบอ่อนค่า หลักๆ มาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ภายหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้เงินดอลลาร์มีมูลค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ และส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากประเทศเศรษฐกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะประเทศที่มีการขาดดุลทางการเงินหรือบัญชีเดินสะพัดจำนวนมากอย่าง สปป.ลาว
ซึ่งเม็ดเงินจำนวนมากไหลออกจากเงินกีบไปยังสกุลเงินต่างชาติ ขณะที่ประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่ใน สปป.ลาว ก็ไม่เชื่อมั่นในสกุลเงินกีบและหันไปถือสกุลเงินต่างประเทศ เช่น บาทหรือดอลลาร์
ทุนสำรองระหว่างประเทศต่ำ หนี้ต่างประเทศสูง
การป้องกันความเสี่ยงต่อการอ่อนค่าของสกุลเงิน ทำให้ธนาคารกลางของหลายประเทศต้องสะสมทุนสำรองระหว่างประเทศไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อใช้พยุงค่าเงินในช่วงที่มีความผันผวนสูง
แต่อัตราทุนสำรองระหว่างประเทศของ สปป.ลาว ณ เดือนธันวาคม ปี 2021 มีอยู่แค่ประมาณ 1.26 พันล้านดอลลาร์ โดยถือเป็นตัวเลขที่ต่ำจนน่ากังวล เนื่องจากสามารถรองรับการนำเข้าสินค้าได้เพียง 2.9 เดือน ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ที่กำหนดให้ประเทศรายได้ต่ำ ควรมีอัตราทุนสำรองระหว่างประเทศครอบคลุมการนำเข้าได้ 4-6 เดือน
อีกทั้ง สปป.ลาว ยังมีหนี้ต่างประเทศที่สูงกว่า 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ และหนี้ในประเทศอีกกว่า 900 ล้านดอลลาร์ รวมกว่า 1.33 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 71% ของ GDP ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้จากการกู้ยืมสำหรับโครงการก่อสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่างๆ โดยหลายโครงการเป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) รวมถึงโครงการทางรถไฟ สปป.ลาว-จีน มูลค่ากว่า 5.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาล สปป.ลาว รับผิดชอบประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่มีกำหนดชำระหนี้ประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมด ทำให้เกิดคำถามสำคัญถึงความสามารถในการชำระหนี้ของ สปป.ลาว ที่สุ่มเสี่ยงจะไปไม่รอด แม้ธนาคารโลกจะชี้ว่า การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้มีแนวโน้มที่น่าจะประสบผลสำเร็จ และประเมินอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ สปป.ลาว เพิ่มขึ้นจาก 2.5% เมื่อปีที่แล้ว เป็นกว่า 3.8% ในปีนี้
เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 18 ปี
ผลจากวิกฤตน้ำมันขาดแคลนและการอ่อนค่าของเงินกีบอย่างรุนแรง ส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อของ สปป.ลาว ไต่ระดับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ข้อมูลในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาพบว่า อัตราเงินเฟ้อของ สปป.ลาว เพิ่มขึ้นกว่า 12.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสูงสุดในรอบ 18 ปี และสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงทำให้ประชาชน สปป.ลาว จำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยต้องแบกภาระค่าครองชีพที่มากขึ้น และต้องดิ้นรนอย่างมากเพียงเพื่อซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐานและสิ่งจำเป็นอื่นๆ
โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติ สปป.ลาว พบว่า ในเดือนพฤษภาคม ค่าใช้จ่ายด้านการสื่อสารและคมนาคมของประชาชนเพิ่มขึ้นกว่า 34.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมัน ตลอดจนราคารถยนต์และอะไหล่รถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น
ส่วนราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 20.6% ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลและค่ายาเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 13%
ส่วนค่าอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 8.2% ราคาไข่ นม ชีส เพิ่มขึ้น 22.79% ขนมปังและแป้งเพิ่มขึ้น 16.7% ขณะที่ราคาเสื้อผ้าและรองเท้าเพิ่มขึ้นกว่า 11.7%
ดุลการค้า สปป.ลาว ติดลบ นายกฯ สปป.ลาว สั่งปฏิรูปงบประมาณ
ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา สปป.ลาว เผชิญการขาดดุลทางการค้าและบริการ คิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 340,000 ล้านบาท ซึ่งผลกระทบจากวิกฤตโควิดที่ทำให้ต้องปิดประเทศและขาดรายได้สำคัญอย่างการท่องเที่ยว ส่งผลให้เศรษฐกิจ สปป.ลาว ยิ่งทรุดหนักลงอีก
โดยนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ‘พันคำ วิพาวัน’ ถึงกับต้องประกาศปฏิรูปด้านงบประมาณรายจ่ายของรัฐ และประกาศแนวทางเพื่อเพิ่มรายได้ มีการประกาศขึ้นภาษีบางรายขึ้นหลายเท่าตัว พร้อมกับการเอาระบบการชำระภาษีออนไลน์มาใช้
รวมทั้งยังประกาศห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรายใด ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งตัวนายกรัฐมนตรีเอง ใช้รถหลวงประจำตำแหน่งต่อเนื่องต่อไปหลังพ้นตำแหน่ง เพื่อลดงบประมาณรายจ่ายของทางการ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของ สปป.ลาว ดูจะดีขึ้นในช่วงต้นของปี รายงานจากเว็บไซต์ Lao Trade Portal พบว่า ช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ การค้าของ สปป.ลาว มีตัวเลขเกินดุลรวมกันกว่า 189 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะกลับมาติดลบในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ที่ขาดดุลรวม 156 ล้านดอลลาร์
โดยการขาดดุลการค้าต่อเนื่องก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ สปป.ลาว มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลดน้อยลงมาก ซึ่งการที่ทุนสำรองระหว่างประเทศมีน้อย ในขณะที่ความต้องการสกุลเงินต่างประเทศเพื่อนำเข้าสินค้ายังไม่ลดลง ทำให้ส่งผลกระทบต่อสกุลเงินกีบที่อ่อนค่าลงอย่างมาก
ทางออกของวิกฤต?
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ยังไม่มีแนวโน้มว่าวิกฤตเศรษฐกิจและสถานการณ์เงินเฟ้อของ สปป.ลาว จะดีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ แม้ว่ารัฐบาล สปป.ลาว จะพยายามกำหนดมาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงินกีบ ตลอดจนเร่งแก้ปัญหาน้ำมันเชื้อเพลิงขาดแคลน
โดยธนาคารกลาง สปป.ลาว ได้ออกมาตรการเพื่อคุมเข้มการไหลเวียนของเงินทุน เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีเงินหมุนเวียนเพียงพอภายในระบบเศรษฐกิจ สำหรับใช้ในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม และเตรียมจับมือกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะและหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐบาล เพื่อปราบปรามการค้าเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการอ่อนค่าของเงินกีบ
รวมถึงเตรียมปรับปรุงการจัดการสกุลเงินต่างประเทศและกลไกการจัดหาเงิน เพื่อรองรับการนำเข้าสินค้าจำเป็นจากต่างประเทศ และเพื่อให้มีสกุลเงินต่างประเทศมากพอสำหรับการนำเข้าน้ำมัน ทางรัฐบาล สปป.ลาว จะเดินหน้าจับมือกับหลายธนาคารพาณิชย์เพื่อหาแหล่งเงินทุนใหม่ และปรับปรุงการจัดการแหล่งรายได้จากต่างประเทศด้วย
เราชาวไทยในฐานะบ้านพี่เมืองน้องกัน ก็ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องชาว สปป.ลาว ให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปโดยเร็วนะครับ รวมถึงอาจจะหยิบยืมวิกฤตนี้มาเป็นบทเรียนเตือนใจเราครับว่า วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่เกิดขึ้นได้เสมอ
ขอบคุณคุณผู้ชมรายการ KEY MESSAGES ทุกท่านที่ติดตามให้กำลังใจ รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลดีๆ กับเราอย่างต่อเนื่อง ถ้าชอบเนื้อหาของเราฝากกดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe เป็นกำลังใจให้กับเราด้วยนะครับ
เราหวังว่าเนื้อหาของเราจะเป็นประโยชน์ มีอะไรอยากชี้แนะติชมก็ใส่ไว้ในช่องคอมเมนต์ได้เลยนะครับ ยืนยันว่าอ่านทุกความคิดเห็น และจะพยายามปรับปรุงต่อไป สวัสดีครับ