จากที่ครั้งก่อนเราได้พาทุกคนไปสัมผัสรสชาติลุ่มน้ำโขงที่ Funky Lam ที่ซอยทองหล่อ 11 กันแล้ว ครั้งนี้เราพาเดินไปซอยถัดไปอย่างทองหล่อ 13 เพื่อชิมอาหารลาวรสสนุกอีกร้านหนึ่งของ เชฟโจ๊ก-สมเกียรติ ไพโรจน์มหกิจ แห่ง Seven Spoons และ Sheepshank พร้อมแท็กทีมครัวชาวลาวร่วมนำเสนออาหารเพื่อนบ้านที่อาจไม่คุ้นตาให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น
Lao Dtom Lao (ลาวต้มลาว) ร้านน้องใหม่สัญชาติลาวแห่งย่านทองหล่อ แท้จริงแล้วไม่ใช่ร้านเปิดใหม่ หากแต่ย้ายจากทำเลเดิมที่ถนนจักรพรรดิพงษ์มาอยู่ที่ชั้น 2 ของโครงการ Seenspace ในซอยทองหล่อ 13 หากมองผิวเผินจากด้านหน้าโครงการก็คงไม่ค่อยเห็นกันว่าชั้นบนนี้มีร้านอาหารลาวอยู่ด้วย
บรรยากาศภายในร้านที่ดูโปร่งโล่งสบาย
The Vibe
ตัวร้านค่อนข้างมืดทึม ได้แสงไฟมาจากโคม และมีมู่ลี่ไม้กั้นแบ่งความเป็นส่วนตัวของร้านให้ตัดขาดจากด้านนอก ซ้ายมือมีโต๊ะไม้ยาวตั้งเด่นกลางร้าน ดูเหมือนจะเป็นคอมมอนไดน์นิ่งสำหรับใครที่ไม่อยากนั่งกินข้าวคนเดียวหรือสองคน ส่วนโต๊ะกลมและโซฟาไว้รับแขกกลุ่ม 3-6 คนกำลังดี ส่วนฟากขวาของร้านเป็นครัวเปิด เผยให้เห็นทุกกระบวนขั้นความอร่อยจากมือเชฟสู่จาน
ครัวเปิดเผยให้เห็นความเคลื่อนไหวในครัว
ในส่วนของชื่อร้าน ‘ลาวต้มลาว’ มาจาก ‘ต้ม’ ที่เป็นภาษาลาว แปลว่าต้มตุ๋นหรือโกหก พ้องเสียงกับ ‘ต้ม’ ภาษาไทย ด้วยเหตุนี้การที่คนลาวมาทำอาหารลาวจึงไม่ต่างอะไรกับคำว่า ‘ลาวต้มลาว’
เทาย่างจิ้มแจ่ว
The Dishes
อาหารลาวที่ร้านเป็นสไตล์ภาคกลางแถบสะหวันนะเขต รสชาติค่อนมาทางอีสาน แม้จะไม่คุ้นหู แต่รสชาติคุ้นลิ้น เราสั่ง เทาย่างจิ้มแจ่ว (140 บาท) ได้ยินชื่อแล้วคงเอ๊ะว่ามันคืออะไร แต่เมื่อยกมาเสิร์ฟมันคือสาหร่ายน้ำจืดย่างจนแห้ง รสสัมผัสหนึบหนับกำลังดี รับประทานสไตล์เมี่ยงคู่กับแจ่วเห็ดหรือแจ่วปลาร้า พร้อมผักดองที่ร้านทำเอง
เปาะเปี๊ยะและเกี๊ยวซ่า
ต่อด้วยของกินเล่นอีกสักอย่างสองอย่าง เปาะเปี๊ยะผัก ตัวแป้งแม้จะผ่านการทอด แต่ไม่กรอบกร้วมเหมือนเปาะเปี๊ยะจีน กลับมีความนุ่มเหนียวเพลินลิ้น ส่วน เกี๊ยวซ่าไส้หมกหน่อไม้ ดูหน้าตาไม่ต่างอะไรกับเกี๊ยวซ่าทั่วไป แต่ไส้ด้านในขอบอกว่ารสเผ็ดร้อนจัดจ้านอย่างลาว ไม่ต่างอะไรกับการกินหมกหน่อไม้เอาเสียเลย
หลังจากที่น้ำย่อยเริ่มทำงานก็พร้อมลุยต่อไปที่สารพัดยำและตำ เชฟแนะนำ ยำสับปะรดดองหมึกกรอบ (180 บาท) จานนี้มีกลิ่นอายเวียดนามนิดหน่อยตรงที่นำสับปะรดไปดองในน้ำตาลและน้ำส้มสายชูประมาณ 2-3 วัน จากนั้นตักเอาแต่เนื้อสับปะรดมายำกับหมึกกรอบ ผสมน้ำปลาร้าต้มสุกที่ทางร้านทำขึ้นเองเพื่อความนัว คำแรกที่ชิมก็สัมผัสได้ถึงความสดชื่นแบบยำผลไม้ แต่ไม่หวานเกินไป ส่วนหมึกกรอบก็ช่วยให้ยำสับปะรดดองมีรสชาติดีขึ้นอีกเป็นกอง
มะละกอกรอบกุ้งดอง
หากยังนัวไม่พอคงต้องสั่ง มะละกอกรอบกุ้งดอง (180 บาท) รสชาติคงไม่ต้องพูดถึง เพราะรับประกันความแซ่บระดับลาวแท้ๆ ส่วนไฮไลต์คือกุ้งดองที่ผ่านการดองกับผักพื้นบ้านสารพัดชนิดจนได้กลิ่นและรสชาติที่หอมชวนรับประทาน
ตำแบบลาวๆ และซี่โครงลาว
ตำสุวรรณเขต (125 บาท) ส้มตำจานนี้หน้าตาคล้ายคลึงตำหลวงพระบางตรงที่ใช้มะละกอเส้นฝานบาง แต่เพิ่มปูนานึ่งสมุนไพรพื้นบ้านจนกระดองเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ตัดความเผ็ดร้อนจากจานยำๆ ตำๆ ด้วย ลิปลาว (280 บาท) ซี่โครงหมักสมุนไพรหอม จากนั้นผ่านการซูวีด์จนเนื้อล่อน เพิ่มรสชาติด้วยน้ำจิ้มถั่วและแจ่วปลาร้า
ไก่อบหอมๆ และสำลีห่อกาบ
ไก่อบโอ่ง (240 บาท) บอกไว้ก่อนว่าไก่ที่นี่อบโอ่งจริงๆ โดยคัดเฉพาะไก่ชั้นดีและเนื้อเยอะ หมักสมุนไพรทิ้งไว้ แล้วอบในโอ่งอีกประมาณ 3 ชั่วโมงจนหนังแห้ง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานเพิ่มความอร่อย
ปิดท้ายหลังกินคาวด้วยของหวานพื้นบ้าน สำลีห่อกาบ (95 บาท) ที่ใช้ข้าวโพดฝานผสมข้าวเหนียวที่แช่น้ำทิ้งไว้ ปรุงรสด้วยน้ำตาลและเกลือนิดหน่อยแล้วห่อในกาบเปลือก เมื่อสุกแล้วเชฟจะตักไอศกรีมเชอร์เบตมะขามมาเสิร์ฟกินคู่กัน รสหวานตัดเปรี้ยวช่วยล้างรสชาติที่ยังคงค้างอยู่ในปาก และทำให้มื้อนี้เสร็จสิ้นโดยบริบูรณ์
Lao Dtom Lao (ลาวต้มลาว)
Open: เปิดบริการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 12.00-23.00 น.
Address: ชั้น 2 Seenspace ซอยทองหล่อ 13 สุขุมวิท 55 กรุงเทพฯ
Budget: 300-500 บาท
Contact: 09 1728 0013
Website: www.facebook.com/laodtomlao
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์