แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสเดินหน้าต่อ หลังมีข่าวสหรัฐฯ-จีน เตรียมเจรจาการค้ากันในสัปดาห์หน้า ขณะที่ราคาน้ำมันขยับขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่นักลงทุนยังคงรอดูตัวเลข GDP สหรัฐฯ ที่จะบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดดอกเบี้ยลงขนาดไหนในการประชุมสัปดาห์หน้า รวมทั้งรอดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันพรุ่งนี้
จากข่าวที่ตัวแทนการค้าสหรัฐฯ-จีน จะหารือที่เซี่ยงไฮ้ต้นสัปดาห์หน้า และจีนเตรียมซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ รอบใหม่ ทำให้นักลงทุนต่างมีมุมมองในทางบวกมากขึ้น ประกอบกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในตลาดที่ออกมาดี ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง (น้ำมันดิบเบรนท์เช้านี้แตะ 64 เหรียญสหรัฐ) เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมัน (PTTEP) และโรงกลั่นน้ำมัน (TOP)
ในส่วนของทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ นั้น โอกาสปรับลดยังมีอยู่ แต่น้อยลง และคาดว่าจะอิงกับผลการเจรจาการค้าด้วย กล่าวคือ ถ้ามีสัญญาณว่าเทรดวอร์จะจบลง ความจำเป็นที่ Fed จะลดดอกเบี้ยก็จะมีน้อยลง ซึ่งเวลานี้ตลาดคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ 0.25-0.50%
ส่วนตัวแปรในประเทศ การแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ค.) จะพูดในภาพรวมมากกว่า แต่ตลาดสนใจเรื่องมาตรการค่าแรง 400 บาท และการลดภาษี เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อตลาดหุ้น
ภาพรวมตลาดวันนี้ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ KTBST มองบวกจากเรื่องการเจรจาการค้า และแรงขายหุ้นกลุ่มสื่อสารน่าจะลดลงหรือมีแรงซื้อกลับ แต่ดัชนีฯ ยังมีกรอบบนที่จำกัด (ไม่น่าเกิน 1,735 จุด) เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รอดูว่า Fed จะลดดอกเบี้ยเท่าใด ซึ่งตราบใดที่ดัชนีฯ ยังยืนเหนือ 1,720 จุดได้ และการเจรจาการค้าไม่ล้มเหลว บวกกับ Fed ปรับลดดอกเบี้ย ก็จะสามารถหนุนตลาดหุ้นไปต่อได้ เพียงแต่ช่วงนี้อาจเคลื่อนไหว Sideway เพราะรอความชัดเจนเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- บริษัทหลักทรัพย์ KTBST