นักวิเคราะห์ประเมินดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังสหรัฐฯ และจีนเตรียมเปิดเจรจาการค้ารอบใหม่ในสัปดาห์หน้า ส่วนโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดดอกเบี้ยยังมีสูง และคาดว่า Flow ยังไหลเข้าตลาดต่อเนื่อง
เช้าวันนี้ (4 ก.ค.) ตามเวลาไทย ลาร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า ตัวแทนสหรัฐฯ และจีนจะมีการต่อสายพูดคุยกัน เพื่อเตรียมการเจรจาการค้ารอบใหม่ในสัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นข่าวบวกของตลาด หลังนักลงทุนรอข่าวคืบหน้ามาเกือบ 1 สัปดาห์ ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจของหลายประเทศที่ส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นักลงทุนในต่างประเทศยังคาดหวังว่า Fed มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ ถึงแม้การเจรจาการค้าจะมีความคืบหน้าก็ตาม ซึ่งเท่ากับว่าตลาดหุ้นไทยจะได้อานิสงส์จากทั้งเทรดวอร์ที่คลี่คลายไปในทางที่ดี และทิศทางดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง (ธปท. ก็เปิดทางลดดอกเบี้ยไว้แล้ว)
ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดวานนี้ไปที่ 63.8 ดอลลาร์ หลังนักลงทุนกังวลทิศทางเศรษฐกิจและข่าวการค้า ซึ่งคาดว่าจะพลิกราคาหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี-โรงกลั่นฯ ขึ้นมาได้ในช่วงสั้นๆ
ขณะที่ 2 ปัจจัยภายในคือ อานิสงส์จากเงินบาทแข็งค่า (เช้านี้ 30.6 บาท) และการเมืองไทยที่เตรียมจะประกาศรายชื่อ ครม. อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ ช่วยปลดล็อกความกังวลลงไปได้ระดับหนึ่ง การเมืองจึงดูเป็นบวกอีกเช่นกัน
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ KTBST มองว่า วันนี้ให้ติดตามตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย (เดือนก่อน 77.7 จุด) และ CPF แถลงแผนธุรกิจ ส่วนกลุ่มพลังงานทดแทนจะได้อานิสงส์จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ ที่มีการปรับเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าอีก 9,674 เป็น 3 หมื่นเมกะวัตต์
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในมุมมอง KTBST นั้น ยังมองกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้า ซึ่งยังช่วยหนุนตลาดหุ้นให้เดินหน้าต่อได้ แม้มีความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจ แต่วันนี้ได้ข่าวดีในเรื่องการเจรจาการค้าเข้ามา ซึ่งยังให้น้ำหนักไปหุ้นที่มีความ Defensive รวมถึงหุ้นที่มีโอกาสบวกจากปัจจัยเฉพาะตัว และหุ้นที่ได้แรงหนุนจากการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- บริษัทหลักทรัพย์ KTBST