นักวิเคราะห์คาดกรอบดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,720-1,770 จุด โดยได้ปัจจัยบวกจากบรรยากาศสงครามการค้าที่คลี่คลายไปในทางที่ดี ขณะที่การประชุม OPEC+ มีแนวโน้มตรึงกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
ผลการพบกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีนออกมาดีตามคาด โดยที่สหรัฐฯ ไม่มีการประกาศเก็บภาษีกับสินค้าจีนเพิ่ม อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังจับตาดูผลการเจรจารอบใหม่ของตัวแทนการค้าว่าจะทำได้ตามเงื่อนไขของทั้งสองฝ่ายได้จริงหรือไม่
การปรับตัวสูงขึ้นของดัชนีหุ้นไทยจึงเป็นการขานรับข่าวบวกช่วงสั้นๆ ไว้ก่อน หุ้นที่ได้อานิสงส์จากความเคลื่อนไหวนี้จะเป็นกลุ่มที่รับผลกระทบจากเทรดวอร์โดยตรง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และปิโตรเคมี
สำหรับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ เนื่องจากกำแพงภาษีเดิมยังไม่มีการกำหนดวันยกเลิก ดังนั้นโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนถึงตุลาคมจึงยังมีอยู่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อ Flow ที่จะไหลเข้ามายังตลาดหุ้นเกิดใหม่
ด้านราคาน้ำมันมีโอกาสที่การประชุมระหว่างวันที่ 1-2 กรกฎาคมของกลุ่ม OPEC+ จะตัดสินใจต่ออายุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 6-9 เดือน (นับจากวันที่ 1 ก.ค.) ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมัน (PTTEP) โดยตรง
ส่วนตัวแปรในประเทศที่มีน้ำหนักมากที่สุดจะเป็นโผคณะรัฐมนตรีที่ยังไม่ลงตัว การประกาศคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการอาจต้องรอ 1-2 สัปดาห์ นอกจากนี้ประเด็นที่มีผลต่อตลาดจะเป็นการเก็งงบ 2Q ซึ่งจะเริ่มที่กลุ่มธนาคาร และหุ้น SP 19 ตัวที่จะกลับเข้ามาซื้อขายในสัปดาห์นี้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในมุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ KTBST นั้น นักวิเคราะห์มองตลาดโดยรวมยังดีต่อเนื่อง คาด Flow ยังไหลเข้าตลาดอยู่ โดยให้น้ำหนักไปที่หุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงจากผลพวงสงครามการค้าและหุ้นที่ลงแรง เช่น กลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี PTTGC, TOP และ SPRC* ซึ่งมีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปได้ก่อน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: บริษัทหลักทรัพย์ KTBST
