×

Krungsri Exclusive ชี้ปัจจัยลงทุนสำคัญเพื่อปรับพอร์ตของคุณให้ปังกว่าใคร! [Advertorial]

12.03.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins read
  • Krungsri Exclusive Economic & Investment Outlook 2018 เชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การค้าระหว่างประเทศ จากทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจปีนี้
  • บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างคาดการณ์ในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยปี 2561 นี้จะขยายตัวต่อเนื่องบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งมากขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจไทยก็ต้องปรับตัวมากขึ้น
  • โอกาสการลงทุนในตลาดเอเชียยังสดใส รวมทั้งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในจีนยังเป็นดาวเด่น

ทุกวันนี้ธุรกิจรายย่อยถือเป็นหัวใจสำคัญที่บรรดาธนาคารพาณิชย์ต่างใส่ใจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าศักยภาพสูง หรือลูกค้ากลุ่ม Wealth ผู้ต้องการบริหารความมั่งคั่งของตนให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยความรู้ความสามารถและการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน

 

Krungsri Exclusive คือผู้นำการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา นำเสนอข้อมูล ข่าวสาร และกิจกรรมที่รอบด้านเพื่อการลงทุนที่มั่นใจของลูกค้าทุกคน ล่าสุดได้จัดงาน ‘Krungsri Exclusive Economic & Investment Outlook 2018’ ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การค้าระหว่างประเทศจากทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึง ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมวิเคราะห์และชี้ปัจจัยสำคัญเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาดในปี 2561 นี้

 

กูรูเศรษฐกิจมองไทยยังเติบโตต่อเนื่อง ตลาดเอเชียยังสดใส

บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างคาดการณ์ในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยปี 2561 นี้จะขยายตัวต่อเนื่องบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งมากขึ้น หากพิจารณาปัจจัยที่สำคัญจากงานของ Krungsri Exclusive เพื่อใช้กำหนดทิศทางการลงทุนจะแบ่งเป็น 5 ประเด็น ได้แก่

 

1. เจาะสินค้าดาวเด่นเติบโตรับส่งออก ภาคการส่งออกเริ่มกลับมาคึกคักตั้งแต่ปลายปี 2560 ที่ผ่านมาและเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าจะมีแรงส่งต่อเนื่อง โดยกลุ่มสินค้าที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้ ได้แก่ กลุ่มสินค้าที่เติบโตตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ซึ่งสัญญาณการฟื้นตั้วทั้งในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้น่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นด้วย สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ปิโตรเคมี เม็ดพลาสติก มีแนวโน้มดีขึ้น และสินค้าเทคโนโลยียังจะเติบโตได้ดีรับกับกระแสของ Internet of Things (IOT) ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวันของทุกคน  

 

สิ่งที่น่าจับตาคือสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอนาคต หรือ New S-Curves เช่น หุ่นยนต์ การบิน พลังงานชีวภาพ การแพทย์ และสินค้าดิจิทัล จะเริ่มมีบทบาทกับภาคการส่งออก โดยขณะนี้มีกฎหมายสำคัญคือพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. 2560 ซึ่งช่วยจูงใจการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญ โดยมีสิทธิประโยชน์ที่สำคัญ ได้แก่ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่เกิน 15 ปี, เงินสนับสนุนจากกองทุนขนาด 1 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา และสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น สิทธิประโยชน์ในการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศ การอนุญาตให้นำผู้เชี่ยวชาญหรือช่างฝีมือต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศพร้อมการให้บริการขอวีซ่า และใบอนุญาตการทำงาน ซึ่งตลาดสำคัญสำหรับประเทศไทยก็ยังคงเป็นจีนและสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันยังมีตลาดที่มีศักยภาพที่จะขยายฐาน เช่น อินเดีย ยุโรป

 

 

2. EEC คือสปริงบอร์ดสู่ความเจริญก้าวหน้าของเศรษฐกิจ โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ครอบคลุม 3 จังหวัดสำคัญคือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นเมกะโปรเจกต์สำคัญที่คาดว่าจะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างมากผ่าน 10 อุตสาหกรรมอนาคต โดยปี 2560 ที่ผ่านมามีโครงการที่ได้รับอนุมัติเพื่อลงทุนในพื้นที่ EEC แล้ว 317 โครงการ มูลค่าเกือบ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดคืออุตสาหกรรมยานยนต์ 29 โครงการ มูลค่ากว่า 5.2 หมื่นล้านบาท รองลงมาคืออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 64 โครงการ มูลค่ากว่า 3.3 หมื่นล้านบาท และอุตสาหกรรมพลังงานชีวภาพจำนวน 42 โครงการ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท สำหรับปี 2561 นี้มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติและจะลงทุนเพิ่มเติมอีกจำนวน 203 โครงการ มูลค่าราว 1.2 แสนล้านบาทด้วย

 

 

3. ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เน้นพึ่งพาตนเอง สานพลังอาเซียน การเชื่อมโยงระบบขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาคถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อเชื่อมฐานการผลิตเข้าด้วยกัน ซึ่งกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV หรือกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วและมีกำลังซื้อสูง การผลักดันสินค้าสู่ตลาดภูมิภาคถือเป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังสามารถขยายการเชื่อมโยงกับประเทศจีนและอินเดียสำหรับการเป็นช่องทางสำคัญของการระบายสินค้าเกษตรไทยด้วย

 

สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเห็นตรงกันคือผู้ประกอบการไทยต้องลดการพึ่งพาสินค้าและบริการจากต่างชาติลง และต้องส่งเสริมการผลิตและการบริโภคภายในประเทศด้วย ขณะเดียวกันการพัฒนาภาคบริการจะช่วยส่งเสริมการกระจายตัวของการจ้างงานทั้งห่วงโซ่อุปทาน เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Health Care) ซึ่งครอบคลุมการบริการทางการแพทย์ การผลิตยา และการบริการด้านสุขภาพ

 

4. โอกาสทำกำไรหุ้นในตลาดเอเชียยังน่าสนใจ ตลาดหุ้นในเอเชียยังมีโอกาสในการทำกำไรได้อยู่ มีหลายกลุ่มที่เติบโตเร็วและน่าลงทุน แต่ยังต้องระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงที่อาจจะสูงกว่าตลาดอย่างสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป

 

สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุน ผู้เชี่ยวชาญมองว่ากลุ่มไอทียังมีความสามารถทำกำไรเติบโตได้ดีและเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ขณะที่กลุ่มธนาคารอาจจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อกำไรของธนาคาร ส่วนกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้น ซึ่งฟื้นตัวตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น

 

5. มองตลาดหุ้นจีนให้รอบด้านขึ้น กลุ่มธุรกิจที่โดดเด่นและน่าพิจารณาสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นของจีนคือกลุ่มเศรษฐกิจยุคใหม่ (New Economy) เช่น Tencent, Alibaba หรือ Baidu น่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องเช่นเดียวกับธุรกิจประกันภัย

 

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จีน เนื่องจากราคาปรับเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลยังคงควบคุมการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งสุดท้ายอาจจะกระทบกับภาพรวมของทั้งตลาดได้

 

นอกจากนี้สิ่งที่ต้องติดตามต่อเนื่องคือตัวเลขเงินเฟ้อ อัตราค่าจ้างงาน และทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ FED ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่ม 3 ครั้งในปีนี้ และถ้าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นก็อาจต้องระวังภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียด้วย ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีฟันด์โฟลว์ขนาดใหญ่เข้ามาในภูมิภาค เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่อง จึงต้องดูสมดุลเรื่องดังกล่าวให้เหมาะสมด้วย

 

นี่คือมุมมองและคำแนะนำสำหรับนักลงทุนในปีนี้จากงานของ Krungsri Exclusive โดย กนกวรรณ ศุภนันตฤกษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความมั่งคั่งและลูกค้า กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า งาน Krungsri Exclusive Economic & Investment Outlook 2018 เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ Krungsri Exclusive จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้นักลงทุนได้รับมุมมองและข้อมูลการลงทุนที่เพียบพร้อมครบทุกด้านเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่เหนือกว่า นอกจากนี้ยังมีทีมงานมืออาชีพคอยให้คำปรึกษาแนะนำปรับพอร์ตลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่ดีที่สุดอยู่เสมอด้วย

 

สำหรับผู้ที่สนใจรับคำปรึกษาด้านการลงทุนและการจัดการบริหารสินทรัพย์ พร้อมรับบริการและสิทธิพิเศษเหนือระดับ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์บริการลูกค้า กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ โทร. 0 2296 5566 หรือกรุงศรี คอลเซ็นเตอร์ 1572

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising