วงการวรรณกรรมไทยสูญเสียนักเขียนผู้แตกฉานทางพุทธศาสนาคนสำคัญคือ โกวิท เอนกชัย เจ้าของนามปากกา เขมานันทะ, รุ่งอรุณ ณ สนธยา, ฉับโผง, กาลวิงก์ และมุนีนันทะ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2550
โกวิทจากไปด้วยอาการปอดติดเชื้อที่โรงพยาบาลเชียงราย เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2562 เวลา 05.00 น. สิริอายุ 81 ปี
โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในวันที่ 14 มกราคม 2562 เวลา 16.30 น. ณ ศาลาจารุมิลินท วัดชลประทานรังสฤษดิ์ กำหนดสวดพระอภิธรรม เวลา 19.00 น. ถึงวันที่ 19 มกราคม 2562 และฌาปนกิจศพวันที่ 20 มกราคม 2562 เวลา 16.30 น. ณ เมรุวัดชลประทานรังสฤษดิ์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี (งดรับพวงหรีด)
สำหรับการช่วยเหลือด้านต่างๆ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จะมอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมการบำเพ็ญกุศลศพจำนวน 20,000 บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 150,000 บาท
โกวิท เอนกชัย เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2481 ที่อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อปี 2508 ต่อมาได้อุปสมบทและฝึกปฏิบัติธรรมกับท่านพุทธทาสภิกขุที่สวนโมกขพลาราม และภายหลังได้ฝึกปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ขณะอยู่ในสมณเพศได้สร้างสรรค์และสืบสานงานพุทธศิลป์จำนวนมากไว้ที่โรงมหรสพทางวิญญาณ สวนโมกขพลาราม ทั้งในรูปแบบบทกวีและจิตรกรรมโบราณของไทย นับเป็นต้นแบบอันทรงคุณค่าและมีบทบาทในการให้การศึกษาแก่ผู้ไปเยือนทั้งในด้านพุทธปัญญาและพุทธศิลป์มาถึงปัจจุบัน
โกวิทมีผลงานทั้งร้อยแก้วและร้องกรอง ผลงานร้อยแก้วมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งบทความ ความเรียงธรรมบรรยาย บทวิจารณ์วรรณคดี และนวนิยาย ผลงานดังกล่าวมีเนื้อหาลึกซึ้ง ใช้ถ้อยความและท่วงทำนองการเขียนอย่างมีวรรณศิลป์ แสดงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นตัวของตัวเอง และมีเจตนามุ่งประสานความคิดความสัมพันธ์ด้วยมิตรภาพกับทุกศาสนาในโลก
ผลงานของโกวิททั้ง 60 เรื่องนับเป็นการผสมผสานพุทธปัญญากับศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างกลมกลืนและงดงาม มีมุมมองแหลมคมในการวิเคราะห์วิจารณ์ สามารถอธิบายปรากฏการณ์และความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยทั้งสังคมไทยและสังคมโลกได้อย่างชัดเจน จึงสามารถสืบสานธรรมะให้แก่คนรุ่นใหม่และผู้สนใจใฝ่ธรรมได้อย่างกว้างขวางจนเกิดการจัดตั้งพุทธสถานและอาศรมขึ้นหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
กล่าวได้ว่าจุดเด่นของผลงานของโกวิทอยู่ที่ความสามารถในการสืบสานและหลอมรวมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยได้อย่างมีวรรณศิลป์ โดยมุ่งหวังให้มนุษยชาติอยู่ร่วมกันในสังคมโลกด้วยสันติและไมตรี
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์