มติบอร์ด ปตท. เห็นชอบตั้ง ‘คงกระพัน อินทรแจ้ง’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC นั่งเก้าอี้ซีอีโอ ปตท. คนที่ 11 ต่อจาก ‘อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์’ ที่ครบวาระ 4 ปีในเดือนพฤษภาคมนี้
รายงานข่าวระบุว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) วันนี้ (25 มกราคม) มีวาระการพิจารณาผลการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. คนที่ 11 หลังปิดรับสมัครไปเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2567
โดยผู้เข้ารับการสรรหาจะต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 58 ปี มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ วิสัยทัศน์ทางด้านธุรกิจพลังงาน ปิโตรเลียม ปิโตรเคมี รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่อง พร้อมความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิด 5 ชื่อผู้สมัครชิงเก้าอี้ซีอีโอใหม่ ปตท. คาดบอร์ดเคาะชื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้
- ‘GC’ ชี้อุตฯ ปิโตรเคมีต้องเร่งปรับตัว ดึงนวัตกรรมแทนแรงงานคน มุ่งลงทุนแบบ High Value และ Low Carbon
- เปิดมุมมองซีอีโอ ‘เอสซีจี WHA และ ปตท.’ ทำไมประเทศไทยต้องปลดล็อก ‘กรีน แลนด์ลิงก์ โลจิสติกส์รถไฟรางคู่
โดย ปตท. ถือเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีกระทรวงการคลังถือหุ้น 51% ดำเนินธุรกิจเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ มีรายได้ปีที่ผ่านมากว่า 3 ล้านล้านบาท
ปัจจุบัน คงกระพัน อินทรแจ้ง อายุ 55 ปี จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมเคมี) (เกียรตินิยมอันดับสอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศึกษาต่อจนจบ Doctor of Philosophy (Ph.D.) in Chemical Engineering, University of Houston, U.S.A.
มีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ในการบริหารบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและการกลั่นปิโตรเลียมแบบครบวงจร รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในด้านการกำหนดกลยุทธ์องค์กร การพัฒนาธุรกิจ การเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ การวิจัยและพัฒนา (R&D) การพัฒนาโครงการลงทุนที่สำคัญ การควบรวมกิจการระหว่างประเทศ และการบริหารจัดการกิจการร่วมค้า
มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมธุรกิจ
- มีประสบการณ์ที่หลากหลายในการบริหารจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ และเคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Emery Oleochemicals Group และกรรมการของบริษัทย่อยในต่างประเทศ ได้แก่ Emery Oleochemicals Group ในมาเลเซีย Vencorex Holding ในฝรั่งเศส และ NatureWorks LLC ในสหรัฐอเมริกา
- ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดำรงตำแหน่งประธานร่วม France-Thailand Business Forum โดยมีบทบาทหน้าที่ในการเป็นผู้นำและส่งเสริมในเรื่องเศรษฐกิจความร่วมมือกัน (Economic Collaboration) รวมทั้งการลงทุนและการค้าทั้งสองทาง (Two-Way Trade and Investment) ระหว่างประเทศไทยและฝรั่งเศส
- ดำรงตำแหน่งสมาชิกของ United Nations Global Compact (UNGC) และสภาธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (WBCSD) รวมทั้งกรรมการขององค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) โดยได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นต้นแบบที่ดีในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความรับผิดชอบในด้าน ESG เพื่อเสริมสร้างคุณค่าการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาวให้กับธุรกิจ ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก
ทั้งนี้ การสมัครซีอีโอ ปตท. มีผู้ยื่นสมัครทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย
- คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC
- บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่ และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
- ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
- พงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
- วรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC
สานต่อธุรกิจเดิม-ธุรกิจใหม่
หลังจากนี้ภารกิจของซีอีโอ ปตท. คงต้องสานต่อวิสัยทัศน์การทำงานตามแผนของบอร์ด ปตท. ได้มีมติอนุมัติงบลงทุน 5 ปี (ปี 2567-2571) และเตรียมงบลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างหาโอกาสลงทุนในอนาคตในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้าไว้รวมเป็นวงเงินเกือบ 2 แสนล้านบาท
โดยมีงบลงทุน 5 ปีของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ 100 วงเงินรวม 89,203 ล้านบาท โดย ปตท. มีการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Business) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของงบการลงทุน 5 ปี ประมาณ 51%
ประกอบไปด้วยการลงทุนในธุรกิจใหม่ผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% อาทิ โครงการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เช่น โครงการ EVme ซึ่งให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร และโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Horizon Plus
ธุรกิจโรงงานประกอบแบตเตอรี่โดยใช้เทคโนโลยี Cell to Pack (CTP) ล่าสุดบริษัทลูกของ ปตท. คือ ARUN PLUS ได้ต้ังบริษัท เอ ซี เอนเนอร์ยี่ โซลูชั่น เพื่อดำเนินธุรกิจโรงงานประกอบแบตเตอรี่โดยใช้เทคโนโลยี CTP เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และมีแผนเริ่มดำเนินการผลิตภายในปี 2567
นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างหาโอกาสลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีกประมาณ 1.07 แสนล้านบาท โดยหลักเพื่อการขยายการลงทุนในช่วงการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
รวมถึงมุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ อาทิ การลงทุนในธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ (Life Science) ซึ่งรวมถึงธุรกิจยา ธุรกิจโภชนาการ อุปกรณ์และการวินิจฉัยทางการแพทย์ และธุรกิจ AI & Robotics เพื่อเป้าหมายในการเป็นผู้นำการให้บริการด้าน AI & Robotics ในอนาคต