×

941 วันที่แสนมืดมนอนธการ เคลย์ ธอมป์สัน ผ่านช่วงเวลานั้นและหวนคืนสู่ NBA อีกครั้งได้อย่างไร

12.01.2022
  • LOADING...
Klay Thompson

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • กับอาการบาดเจ็บครั้งแรก ธอมป์สันบอกว่าเขา ‘ทำใจยอมรับได้’ แต่สำหรับการบาดเจ็บครั้งที่ 2 เขายอมรับมันไม่ไหว เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาคิดว่าจะกลับมาได้อยู่แล้ว ในช่วงก่อนที่ฤดูกาล 2020/21 จะเริ่มต้นขึ้นแค่ไม่กี่วัน
  • แต่ เคลย์ ธอมป์สัน ก็ได้เรียนรู้ความสุข ความสงบ รู้จักตัวเองมากขึ้น เข้มแข็งขึ้นมากในช่วงเวลาที่พักฟื้นจากอาการบาดเจ็บทั้งสองครั้ง
  • การฟิตซ้อมเรียกความสมบูรณ์ของร่างกายหรือการซ้อมชู้ตเพื่อเรียกความรู้สึกเก่าๆ กลับมานั้นสำคัญ แต่มันอาจจะเป็นการดีกว่าหากธอมป์สันจะได้ลองหาอะไรทำใหม่ๆ ในชีวิต สิ่งที่เขาไม่เคยทำและอยากจะลองทำดูสักอย่างหนึ่ง และเขาก็ตัดสินใจซื้อเรือไว้แล่นผจญภัยบนผืนน้ำ
  • วันที่โลกของเขามืดมน ธอมป์สันยังโชคดีที่เขามีทุกคนอยู่ข้างๆ เสมอ

สีหน้าของ เคลย์ ธอมป์สัน อาจจะไม่ได้บ่งบอกอาการอะไรมากนักเมื่อเทียบกับสีหน้าของเพื่อนร่วมทีมโกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส ที่อยู่ข้างสนาม และเสียงเชียร์สุดกระหึ่มใน The Chase รังเหย้าแห่งใหม่ของทีมที่เขาเพิ่งเคยได้มีโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกในเกมที่พบกับคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส เมื่อวันอาทิตย์ (9 มกราคม) ที่ผ่านมา

 

แต่ลึกๆ ในใจแล้วสตาร์ของเหล่า Dub Nation น่าจะดีใจจนหัวใจแทบระเบิด

 

เพราะนี่คือการหวนกลับมาลงแข่งขันได้เป็นครั้งแรกในรอบ 941 วัน ย้ำ! 941 วัน หรือกว่า 2 ปีครึ่งที่ธอมป์สันหายหน้าไปจากสายตาของแฟนบาสเกตบอล NBA

 

เหตุผลที่ทำให้เขาต้องหายหน้าไปนานขนาดนี้เกิดจากอาการบาดเจ็บร้ายแรงถึง 2 ครั้ง 2 หน เริ่มจากเอ็นหัวเข่าที่ฉีกขาด (ACL) จากเกมที่ 6 ของศึกชิงแชมป์ในปี 2019 นัดที่โกลเดน สเตท พบกับ โทรอนโต แร็ปเตอร์ส (ซึ่งธอมป์สันทำเอาแฟนทุกคนแทบร้องไห้ เพราะหลังเจ็บเข้าห้องพยาบาลได้ไม่นาน เขายอมเดินกลับมาทั้งที่เข่าพังเพื่อชู้ตลูกโทษให้ทีม)

 

และเมื่ออาการที่เข่าหายดีหลังใช้เวลาร่วมปีเศษ ก่อนฤดูกาล 2020/21 จะเริ่มต้นขึ้นเอ็นร้อยหวายของเขาก็ฉีกขาดอีก และนั่นหมายถึงการที่เขาต้องกลับไปเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ที่ไม่ใช่ศูนย์ แต่เป็นการติดลบทางความรู้สึก

 

หนึ่งใน Splash Brothers หาทางกลับมาจากวันที่มืดมนอนธการขนาดนั้นได้อย่างไร?

 

 

1. ได้แต่ยินยอมรับความเจ็บปวด

กับอาการบาดเจ็บครั้งแรก ธอมป์สันบอกว่าเขา ‘ทำใจยอมรับได้’ เพราะมันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างเกม และยังเป็นเกมที่เข้มข้นในระดับชิงแชมป์ด้วย ซึ่งจังหวะที่เจ็บนั้นเกิดขึ้นในตอนที่เขากระโดดแหวกผู้เล่นแร็ปเตอร์สเข้าไปดังก์ แต่จังหวะลงดันพลาดลงขาข้างเดียว น้ำหนักตัว แรงเฉื่อยทำให้เอ็นหัวเข่าขาดสะบั้นทันที

 

แต่สำหรับการบาดเจ็บครั้งที่ 2 เขายอมรับมันไม่ไหวเพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาคิดว่าจะกลับมาได้อยู่แล้วหลังรักษาตัวอยู่นาน ในช่วงก่อนที่ฤดูกาล 2020/21 จะเริ่มต้นขึ้นแค่ไม่กี่วัน

 

ตรงนี้ก็เข้าใจได้เพราะหลังเจ็บไปเป็นปี ดันมาเจ็บอีกจุดที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน และนั่นหมายถึงเขาต้องกลับไปเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ที่จะใช้ระยะเวลาเท่าๆ เดิมหรือมากกว่าก็ไม่มีใครรู้ได้ในเวลานั้น

 

‘เคลย์’ บอกว่า “มันคือวันที่มืดมนที่สุดในชีวิตของผม เพราะผมรักบาสเกตบอลมาก สำหรับผมบาสเกตบอลก็เหมือนมหาสมุทร มันคือแหล่งพลังงานของผมตั่งแต่เด็ก”

 

แต่ในการจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งมันจะทำไม่ได้เลยหากหัวใจของเขาไม่ยอมรับความเจ็บปวด ซึ่งที่สุดแล้วเขาก็ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

 

2. เรียนรู้จากช่วงเวลาเลวร้ายเพื่อใช้ชีวิตให้ดี

เมื่อยอมรับความเจ็บปวดได้แล้ว สิ่งที่เขาทำในเวลาต่อมานอกเหนือจากการฟื้นฟูสภาพร่างกายซึ่งยากลำบากและทรมานแสนสาหัสคือการเรียนรู้

 

เรียนรู้อะไร? ธอมป์สันบอกว่าเขาได้เรียนรู้ชีวิตมากทีเดียว “ในการที่จะคงสภาพจิตใจของเขาผมเอาไว้ในช่วงเวลาแบบนั้น”

 

เขาได้เรียนรู้ความสุข ความสงบ รู้จักตัวเองมากขึ้น เข้มแข็งขึ้นมาก จนบอกว่าหากจะมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เลวร้ายแบบนี้ก็คือบทเรียนชีวิตต่างๆ ที่เขาได้เรียนรู้ในระหว่างนั้น

 

3. ค้นหามหาสมุทรแห่งใหม่ในชีวิต

ในระหว่างการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ซึ่งเป็นงานที่โหดมหาหิน เพื่อไม่ให้เขาหลงทางไปไกล ซาซ่า พาชูเลีย เพื่อนเก่าแก่ของเขาจึงได้ให้คำแนะนำที่สำคัญอย่างยิ่ง

 

การฟิตซ้อมเรียกความสมบูรณ์ของร่างกายหรือการซ้อมชู้ตเพื่อเรียกความรู้สึกเก่าๆ กลับมานั้นสำคัญ แต่มันอาจจะเป็นการดีกว่าหากธอมป์สันจะได้ลองหาอะไรทำใหม่ๆ ในชีวิต สิ่งที่เขาไม่เคยทำและอยากจะลองทำดูสักอย่างหนึ่ง

 

บทสนทนาระหว่างทั้งสองจบลงด้วยการโพล่งขึ้นมาของเคลย์ว่า ‘เรือไง’

 

ว่าแล้วสตาร์วอร์ริเออร์สก็ไปซื้อเรือมาลำหนึ่งไว้ใช้แล่นไปมา บางครั้งก็แล่นกลับบ้านที่บาฮามาส หรือแล่นไปตามที่ต่างๆ ตามที่ใจเขาปรารถนา ซึ่งมันได้กลายเป็นกิจกรรมใหม่สุดโปรดของเขา (และของแฟนๆ ที่คอยติดตามใกล้ชิด) ที่ช่วยให้สภาพจิตใจของเขาดีขึ้นอย่างมาก

 

เพราะธอมป์สันเป็นลูกชาวบาฮามาส ผืนน้ำและเขาคือสิ่งที่อยู่คู่กันไม่อาจแยกจากได้ ก่อนจะมีเรือลำนี้เขาก็ชอบการว่ายน้ำ การผจญภัยอยู่แล้ว และการแล่นเรือก็กลายเป็นความสุขสดใหม่ของชีวิต

 

มันทำให้เขามีพื้นที่สำหรับพักผ่อนนอกเวลาที่ยากลำบากของการฝึกซ้อมและฟื้นฟูสภาพร่างกาย

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

A post shared by Klay Thompson (@klaythompson)

 

 

มีเวลาก็ออกทะเลกับพี่เคลย์ ธอมป์สัน

 

4. จงเป็นกัปตันของเรือตัวเอง

หนึ่งในบทเรียนชีวิตที่เขาได้จากการแล่นเรือ คือการที่ธอมป์สันได้ค้นพบว่าไม่มีใครที่จะชี้นำชีวิตของเราได้ดีเท่ากับตัวเราเอง

 

“จงเป็นกัปตันบนเรือของตัวเอง”

 

ในความหมายของเขาคือคนบนโลกนี้มีจำนวนไม่น้อยที่กลัวการเป็นผู้นำ แต่จริงๆ แล้วเราควรที่จะเป็นผู้นำในแบบที่เราอยากจะเป็น

 

เรื่องนี้เขาไม่ได้แค่สอนตัวเอง แต่ยังใช้สอนรุ่นน้องอย่าง เจมส์ ไวส์แมน เซ็นเตอร์ดาวรุ่งวัย 20 ปีของวอร์ริเออร์สที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บร้ายแรงเหมือนกัน และได้รับเชิญให้ขึ้นเรือไปกับเคลย์ด้วย 

 

 

 

5. ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอด อ่อนแอและพึ่งพิงคนอื่นบ้างก็ได้

แต่ถึงจะเก่งแค่ไหน แกร่งอย่างไร คนเรามันมีช่วงเวลาที่อ่อนแอบ้างเป็นธรรมดา

 

ธอมป์สันเองก็เช่นกัน ถึงเขาจะพยายามอย่างดีที่สุดในการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ แต่มันก็มีวันที่โลกของเขามืดมนเหมือนกัน เหมือนในวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในเกมที่โกลเดน สเตท พบกับ พอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส

 

วันนั้นธอมป์สันนั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างสนาม สวมชุดธรรมดา และใช้ผ้าขนหนูคลุมหัวตัวเองเกือบตลอดเวลา 30 นาทีหลังจบเกม

 

ใครดูก็รู้ว่าเขากำลังเจ็บปวด และคิดว่าเมื่อไรที่จะถึงเวลาที่เขาจะได้กลับมาสักที มันจะมีวันนั้นไหม หรือมันจะไม่มีอีกแล้ว?

 

เวลานั้นเองที่เพื่อนทุกคนพยายามดูอาการของเขา รวมถึงเพื่อนสนิทอย่าง สตีเฟน เคอร์รี ที่มาพูดคุยด้วยและพยายามปลุกเร้าแฟนๆ ให้ช่วยกันส่งเสียงเชียร์ “ธอมป์สัน! ธอมป์สัน!” เพื่อให้กำลังใจ

 

“เวลา 2 ปีกว่ามันยาวนานนะ” สเตฟกล่าวในวันนั้น “ผมคิดว่าการมาถึงฤดูกาลนี้โดยที่ตัวเขาเองใกล้ที่จะกลับมายิ่งกว่าตอนไหน การคาดเดาว่าการกลับมานั้นจะเป็นอย่างไรเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ของเขา

 

“เพราะเขาซ้อมกับลูกบอลทุกวัน เริ่มรู้สึกกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง เขาลงซ้อมกับเพื่อนได้แล้ว ทำทุกอย่างได้ แต่สิ่งเดียวที่ยังไม่ได้คือเขายังไม่ได้กลับมาลงแข่งในสนาม และอาการของเขามันบ่งบอกได้ดีว่าบาสเกตบอลมีความหมายแค่ไหนสำหรับเขา”

 

กำลังใจจากสเตฟ เพื่อนร่วมทีมและแฟนๆ มีความหมายอย่างมาก เช่นเดียวกับครอบครัว และเพื่อนในชีวิตจริงที่คอยค้ำยันไม่ให้หัวใจของเขาล้มและแหลกเป็นเสี่ยงๆ

 

“สิ่งนี้สำคัญมากเพราะเวลาที่เราอยู่ในสถานที่ที่มืดมน คุณจะมีโอกาสแยกตัวไปอยู่ลำพังคนเดียว ซึ่งผมก็เป็น สิ่งที่ทำให้ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาได้คือการได้เอนใจไว้กับคนที่เรารัก เอนกายไว้กับเพื่อน คือการได้ใช้เวลากับเพื่อนและลองทำสิ่งต่างๆ เพื่อเปิดหัวใจของเรา” เคลย์บอกไว้

 

 

สุดท้ายเมื่อถึงเวลาที่เขาจะได้กลับมา เขาก็ทำให้เรานึกออกอีกครั้งว่า นี่แหละ เคลย์ ธอมป์สัน สุดยอดผู้เล่นคนหนึ่งแห่งยุคสมัย และเป็นหนึ่งในคนที่แฟนบาสเกตบอลและเพื่อนร่วมวงการรักมากที่สุด ด้วยตัวตนที่แสนบริสุทธิ์ของเขา

 

ก้าวแรกในการกลับมาน่าประทับใจแล้ว ที่เหลือคือการพิสูจน์ตัวเองในระยะยาว แต่เมื่อดูจากเส้นทางที่ผ่านมาแล้ว

 

คงไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเขาอีกแล้ว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising