วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2568) นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ได้ออกมาชี้แจงกรณีที่ ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สมาชิกสภาผู้แทนราาฎร (สส.) สงขลา พรรคกล้าธรรม ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์จากข้อสงสัยเชื่อมโยงคดีพนันออนไลน์ โดยยืนยันว่า พรรคฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอย่างเต็มที่
น.อ.อนุดิษฐ์ ย้ำจุดยืนของพรรคว่า พรรคกล้าธรรมยืนยัน ไม่แทรกแซง ไม่ปกป้อง ไม่ขัดขวาง การตรวจสอบ พร้อมให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา
ประธานยุทธศาสตร์พรรคฯ กล่าวว่า ชนนพัฒฐ์ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ผ่านกระบวนการยุติธรรม โดยพรรคจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิด หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดก็ต้องรับผิดชอบ แต่หากเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ต้องได้รับความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรม โดยไม่มีการยกเว้นให้ใคร
อย่างไรก็ตาม น.อ.อนุดิษฐ์ เรียกร้องให้สังคมมองภาพใหญ่ด้วยความเป็นธรรม และตั้งคำถามถึงปัญหาสองมาตรฐานทางการเมือง โดยชี้ว่า ปัจจุบันมี สส.จากหลายพรรคทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่เคยถูกศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก แต่ยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ ในขณะที่บางบุคคลซึ่งมีคดีติดตัวกลับออกมาเรียกร้องให้ สส.ชนนพัฒฐ์ ลาออกทันที
“คำถามคือ เรากำลังใช้มาตรฐานเดียวกันจริงหรือไม่ หากผู้แทนที่กำลังต่อสู้คดีของตัวเองยังทำหน้าที่ต่อไปได้ หลักเดียวกันก็ควรใช้กับทุกฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะบางฝ่ายเท่านั้น” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว พร้อมระบุว่า นี่เป็นการสะท้อนให้เห็นปัญหามาตรฐานร่วมของสภาที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
น.อ.อนุดิษฐ์ ได้ย้ำหลักการสำคัญ 3 ประการของพรรคกล้าธรรม เพื่อเรียกร้องให้เกิดการยกระดับมาตรฐานทางการเมือง:
1. ไม่เลือกปฏิบัติ: ทุกคนต้องถูกตรวจสอบอย่างเท่าเทียม
2. เคารพกระบวนการยุติธรรม: คำพิพากษาศาลชั้นต้นหรืออุทธรณ์คือข้อเท็จจริงตามกฎหมาย แม้คดียังไม่ถึงที่สุดก็ไม่ควรทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
3. นักการเมืองต้องเป็นตัวอย่างที่ดี: หากจะเรียกร้องให้คนอื่นลาออก ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันกับตัวเอง
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยอยู่กับสองมาตรฐานมานาน และการใช้คดีของผู้อื่นเพื่อสร้างประโยชน์ทางการเมืองเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น การยกระดับความเชื่อมั่นของสภาคือสิ่งสำคัญที่สุด โดยต้องเริ่มจากการตรวจสอบตนเองก่อน เพราะ สีเขียวก็ไม่เอาสีเทาเช่นกัน


