วันนี้ (30 มีนาคม) ที่อาคารที่ทำการพรรคกล้า กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วย อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค เปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมานคร (ส.ก.) ของพรรคกล้า 12 คน ในคอนเซปต์ ‘ผูกพันใส่ใจ แก้ไขปากท้อง’ พร้อมสมัครรับเลือกตั้งวันพรุ่งนี้
กรณ์กล่าวว่า จุดแข็งของพรรคกล้าคือประสบการณ์ คุณสมบัติ และความตั้งใจของผู้สมัคร แม้ส่งไม่ครบ 50 เขต แต่เราเลือกผู้สมัครที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วจริงจัง ในการทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
ส่วนตัวว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เห็นคนเก่งหลายคน แต่ส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเป็นหลัก แต่ประเด็นความเดือดร้อนที่ผ่านมาจากวิกฤตโควิด คือวิกฤตเศรษฐกิจ มิตินี้ยังไม่มี ซึ่งความตั้งใจของพรรคกล้า ตามที่รองหัวหน้าพรรค วรวุฒิ อุ่นใจ ที่ได้นำเสนอไปเป็นตัวอย่าง เสริมเติมให้เต็มในแง่มุมของมิติปากท้อง เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นจุดแข็งของพรรคกล้าอยู่แล้ว
กรณ์กล่าวอีกว่า ผู้สมัครของพรรคกล้าทั้ง 12 คน เป็นผู้สมัครที่เกาะติดพื้นที่ ส่วนใหญ่มีประสบการณ์เป็นประธานสภาเขต อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมานาน โดยเฉพาะช่วงการระบาดโรคโควิด ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 12 คนทำงานอาสา ช่วยเหลือและช่วยหาเตียง ฉีดพ่นฆ่าเชื้อ เป็นอาสาสมัครส่งยาให้ถึงบ้าน ดูแลทุกอย่างที่ประชาชนเดือดร้อนตลอด 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับการก่อตั้งพรรคกล้า เรียกได้ว่าเป็นตัวจริงในพื้นที่
ด้านอรรถวิชช์กล่าวว่า งบประมาณของ กทม. อยู่ราวปีละ 80,000 ล้านบาท โดยการจัดเก็บของ กทม. เอง สิ่งเหล่านี้จะถูกผลักดันภายใต้คอนเซปต์ ‘ยกระดับกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองสู้วิกฤต เป็นมหานครแห่งโอกาส’ ผ่าน 10 นโยบายที่ ส.ก. จะต้องผลักดัน คือ
- ‘กล้าปลดหนี้’ โดยสำนักงานตลาด กทม. นอกจากจะอำนวยเรื่องสถานที่ให้พ่อค้าแม่ค้าแล้ว อยากให้เข้าไปดูแลเกี่ยวกับแหล่งเงินทุน ไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าถูกเอารัดเอาเปรียบจากหนี้นอกระบบ มีช่องทางแนะนำไฟแนนซ์ นำหนี้กลับเข้ามาอยู่ในระบบ
- ‘กรุงเทพฯ เน็ตฟรี’ การเรียนการสอน การขายออนไลน์ สะดวกรวดเร็ว เข้าถึงได้ง่าย
- ‘Bangkok Friendly Design’ เด็ก คนพิการ คนชรา เที่ยวสะดวก คนต่างชาติเข้าใจง่าย ดีไซน์ต่างๆ ของเมืองหลวงต้องเหมาะกับคนทุกกลุ่ม
- ‘ชุมชนเข้มแข็ง’ ให้อาสาคณะกรรมการชุมชนมีรายได้ประจำ งบประมาณโครงการพัฒนาชุมชนเป็นรายปี
- ‘รถไฟฟ้า 30 บาท รถเมล์ EV’ ทั้งระบบ ช่วยลดค่าครองชีพคนเมือง ด้วยการเข้าไปอุดหนุนส่วนต่างให้รถไฟฟ้าราคา 30 บาท รวมถึงการปรับระบบรถเมล์ให้ใช้ไฟฟ้าทั้งระบบ
- ‘สำนักงานเขต Online’ ปรับปรุงระบบราชการเป็นแบบ One Click Government ให้การติดต่อ ร้องเรียน ขอใบอนุญาตต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ได้
- ‘กล้องพร้อม ไฟพร้อม’ ในพื้นที่ที่เป็นเอกชนก็ต้องติดตั้งได้ หากมีการร้องขอจากประชาชน มีระบบจดจำใบหน้า Face Recognition
- ‘น้ำท่วมระบายใน 30 นาที’ ให้สำเร็จตามแผนพัฒนา กทม. 20 ปี แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะ 14 จุดเสี่ยงน้ำท่วมประจำ ควบคุมการระบายน้ำด้วย AI ผันน้ำอย่างเป็นระบบ ลงแหล่งเก็บน้ำใต้ดิน รองรับน้ำรอระบายสู่ทะเล
- ‘ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ’ สร้างเถ้าแก่ยุคใหม่ ใครคิดอยากเริ่มทำธุรกิจ การขออนุญาต เทคนิคธุรกิจต่างๆ ศูนย์นี้จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยให้ธุรกิจเริ่มต้นได้
- ‘หมอ Delivery’ โรงพยาบาลในสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่ง มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ศูนย์อนามัยทั้ง 50 เขต สามารถรักษาได้ 24 ชั่วโมง ด้วยการวินิจฉัยออนไลน์ ส่งยาได้ภายใน 24 ชั่วโมง รองรับวิกฤตโรคระบาด
อรรถวิชช์กล่าวว่า นโยบายเหล่านี้เป็นสิ่งที่ ส.ก. พรรคกล้า จะเดินหน้าทำให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งบางอย่างก็ได้ลงมือทำไปแล้วหลายพื้นที่ และพร้อมยกมือผ่านงบประมาณให้กับโครงการที่สอดคล้องกับนโยบาย ย้ำว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ของ กทม. ต้องถูกใช้อย่างคุ้มค่า ไม่เป็นเบี้ยหัวแตกอีกต่อไป
ส่วนกรณีที่ป้ายหาเสียงของ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. มีสีคล้ายกับพรรคกล้า กรณ์กล่าวว่า ผู้ว่าฯ อัศวินมีผลงานจับต้องอยู่ไม่น้อย แต่เราไม่ได้ส่งสมัครผู้ว่าฯ กทม. การที่ผู้ว่าฯ อัศวินใช้โทนสีพรรคกล้า ก็อาจเป็นเพราะผู้ว่าฯ อัศวิน ชื่นชมแนวทางพรรค ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องไปถามท่านเอง ส่วนพรรคกล้าและผู้สมัครยืนยันว่านโยบายทั้ง 10 ข้อ และความตั้งใจในการเข้าไปปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน การใช้งบประมาณของ กทม. เป็นความตั้งใจที่เรามีความพร้อมในการผลักดัน และให้ความร่วมมือกับผู้สมัครท่านใดก็ได้ ที่ชาวกรุงเทพฯ ตัดสินใจว่าจะเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. เรายืนหยัดในสิ่งที่เราอยากจะทำ และพร้อมทำงานกับใครก็ได้ที่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.
ส่วนผู้ว่าฯ กทม. กับ ส.ก. ไม่ได้มาจากพรรคเดียว จะทำให้การทำงานสะดุดหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคกล้าย้ำว่า ในความชัดเจนของพรรคและผู้สมัครของพรรค เราเข้าไปเพื่อที่จะผลักดันเรื่องอะไร มันเป็นความเชื่อมั่นที่พี่น้องประชาชนเลือกเรา ถ้าเชื่อในตัวผู้สมัครกับพรรค และเห็นตรงกับเราว่าชาวกรุงเทพฯ ควรมีสวัสดิการและการดูแลด้านต่างๆ 10 ด้าน เราเข้าไปจะเป็นพลังขับเคลื่อนดูแลนอกเหนือจากตัวเลือกผู้ว่าที่เขาเลือกไปแล้ว และกรณีที่ผู้ว่าฯ ที่ได้รับเลือกไม่ได้เป็นผู้ว่าที่ประชาชนอาจจะเลือกเข้าไป อย่างน้อยจะมีความมั่นใจว่า ส.ก. ที่เขามีอยู่ในมือ 12 คนจากพรรคกล้า จะเข้าไปผลักดันในเรื่องที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของเขาต่อไป
“ขอฝากทิ้งท้ายอีกครั้ง พี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ ที่เตรียมตัวจะออกไปเลือกผู้ว่าฯ ขอฝากไว้ว่า ส.ก. มีความสำคัญอย่างมากในการดูแลคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวกรุงเทพฯ เลือก ส.ก. ที่มีความผูกพันกับพื้นที่ เลือก ส.ก. ที่มีประสบการณ์ และมีความชัดเจนในประเด็นนโยบายที่จะเข้าไปผลักดันใน กทม. เป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้กับการเลือกผู้ว่าฯ ขอให้สนับสนุนผู้สมัคร 12 คนของพรรคกล้าที่เราคัดมาให้ท่าน เป็น ส.ก. ในเขตของท่านต่อไป” กรณ์กล่าวในที่สุด