×
SCB Omnibus Fund 2024

KKP เผยไทยกระจายวัคซีนช้า ทำโรงแรมเกินครึ่งต้องปิดตัว-พักฯ แม้ยังเจ็บซ้ำจากปี ‘63 ที่รายได้ติดลบ 70%

24.02.2021
  • LOADING...
KKP เผยไทยกระจายวัคซีนช้า ทำโรงแรมเกินครึ่งต้องปิดตัว-พักฯ แม้ยังเจ็บซ้ำจากปี ‘63 ที่รายได้ติดลบ 70%

KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า เมื่อไทยเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง และยังมีการกระจายวัคซีนล่าช้ากว่าหลายประเทศทั่วโลก โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยวตลอดปี 2564 เพราะทำให้การเปิดประเทศช้าออกไป และผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนมามากกว่า 10 เดือน รวมถึงกระทบการวางแผนสภาพคล่องด้วย

 

ทางศูนย์วิจัยคาดว่าปี 2564 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีของไทยจะอยู่ที่ 34% ซึ่งต่ำกว่าอัตราการเข้าพักในช่วงก่อนโควิด-19 ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 71% หรือห้องพักปล่อยว่างถึง 2 ใน 3 หรือเฉลี่ย 540,000 ห้องต่อวัน ดังนั้นปีนี้ โรงแรมเกินกว่าครึ่งหนึ่งอาจจำเป็นต้องหยุดกิจการชั่วคราวเป็นบางช่วงเวลา หรืออาจจำต้องปิดตัวถาวร 

 

ทั้งนี้ มองว่าธุรกิจโรงแรมปีนี้จะได้รับผลกระทบหนัก และต่อเนื่องจากปี 2563 ที่รายได้หดหายกว่า 74% ส่งผลต่อเนื่องต่อคุณภาพสินเชื่อในภาคธนาคารที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่พักขนาดเล็ก เช่น เกสต์เฮาส์ ที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือหนี้เสีย (NPL Ratio) พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/63 ขณะที่ธุรกิจโรงแรมโดยรวมยังไม่เห็นผลกระทบด้านคุณภาพหนี้ เพราะมีความช่วยเหลือผ่านมาตรการพักชำระหนี้อยู่ 

 

โดยธุรกิจโรงแรมที่เริ่มฟื้นตัวและกลับมาเปิดทำการได้ อาจปิดทำการอีกครั้งในช่วงต้นปี 2564 (จากการระบาดระลอกสอง) หากสถานการณ์การท่องเที่ยวยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ ธุรกิจที่พักโดยเฉพาะรายย่อยจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ และจากความล่าช้าของการกระจายวัคซีนในไทย จะทำให้ธุรกิจโรงแรมที่ ‘อยู่รอด’ จะเริ่มทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

 

ดังนั้นการกระจายวัคซีนที่ล่าช้าของไทย จะทำให้ไทยพลาดโอกาสในการเป็นประเทศแรกที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาท่องเที่ยว (First Country to Visit) หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้ทั้งปี 2564 นี้คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 2 ล้านคน ที่จะกลับเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/64 แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถเปิดประเทศได้ ทำให้อาจไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา

 

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การผ่อนคลายเกณฑ์การเข้าเมืองของภาครัฐทั่วโลก โดยเฉพาะจีนและยุโรป ที่มักจะเดินทางมาพักผ่อนระยะยาวในไทย และอาจมีหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนเพื่อการเดินทาง (Vaccine Passport) ผลตรวจเชื้อแบบเร็ว คู่กับนโยบายการอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ (Green Lane) และลดหรือยกเลิกระยะเวลาการกักตัว (Alternative State Quarantine) 

 

อย่างไรก็ตามมองว่าปีนี้แนวโน้มการเปิดประเทศจะค่อยเป็นค่อยไป อาจผ่านการทำ Travel Bubble ระหว่างประเทศหรือในระดับภูมิภาค ซึ่งอาจยึดหลักว่า อัตราการติดเชื้อต่อประชากรต่ำ ที่ทำให้เชื่อว่าเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว 

 

ขณะที่อัตราการแจกจ่ายวัคซีนล่าสุดบ่งชี้ว่า กลุ่มประเทศหรือดินแดนที่ประชากรจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ภายในสิ้นปี 2021 ได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และจีน (เกิน 100 ล้านคน) นอกเหนือจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว 

 

อย่างไรก็ตามมาตรการของภาครัฐอย่าง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ช่วยเหลือโรงแรมกลุ่มบนมากกว่าโรงแรมระดับล่าง โครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ช่วยอุดหนุนค่าที่พักและการเดินทาง 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ได้ตั้งใจ (Unintended Consequence) ต่อโรงแรมระดับกลางและโรงแรมราคาประหยัด 

 

เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่ยังสามารถใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวได้ คือ กลุ่มชนชั้นกลางหรือกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งมีแนวโน้มจะเลือกเข้าพักในโรงแรมระดับ 4 หรือ 5 ดาว ที่จ่ายเพียงในราคาที่เมื่อหักเงินอุดหนุนจากรัฐแล้ว เป็นราคาที่พร้อมจ่ายได้ ส่งผลให้โรงแรมระดับกลางและโรงแรมราคาประหยัดถูกดึงกลุ่มลูกค้าเดิมออกไป และไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพียงพอในช่วงที่ธุรกิจท่องเที่ยวมีความไม่แน่นอนสูง 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising