‘สกี’ แม้ฟังดูเป็นกีฬาที่ห่างไกลคนไทย เพราะไม่สามารถหาเล่นได้ในบ้านเรา แต่รู้หรือไม่ว่า แต่ละปีมีชาวไทยเดินทางไปเล่นสกีต่างแดนจำนวนไม่น้อย ซึ่งจุดหมายปลายทางของชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นนักสกีระดับโปรฯ มือสมัครเล่น เรื่อยไปจนถึงผู้ที่อยากสัมผัสหิมะสักครั้งในชีวิต มักหนีไม่พ้นเกาะที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นอย่างฮอกไกโด ที่มีความลงตัวทั้งในแง่สถานที่ตั้งไม่ไกลจากไทย สภาพพื้นที่เหมาะกับการเล่นสกี และดีงามด้วยขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น ฮอกไกโดจึงถือเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลกที่อยากสัมผัสเมืองหนาวแห่งนี้สักครั้งในชีวิต แม้ว่าจะไม่ได้เป็นนักสกีตัวยงก็ตาม   

 

วิวจากที่พักในวันที่หิมะตกหนักที่สุดในรอบปี

 

เหตุใดที่นักสกีต่างตกหลุมรักคิโรโระ

แม้ว่าก่อนหน้านี้เราอาจเคยได้ยินแต่ชื่อ นิเซโกะ (Nisego) ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่นักสกี แต่ตอนนี้เห็นทีจะต้องเพิ่มชื่อ คิโรโระ รีสอร์ต (Kiroro Resort) เข้าไปเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญ เมื่อคิโรโระเปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามที่ซ่อนเร้นอยู่ในหุบเขาใจกลางฮอกไกโด อันเป็นที่ตั้งของศูนย์สกีขนาดใหญ่ ที่ไม่ได้เอาใจแค่นักสกี เพราะมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำเป็นครอบครัวมากมาย แถมรีสอร์ตแห่งนี้ยังสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยไม่จำกัดว่าต้องมาเฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น

 

แน่นอนว่าสิ่งที่สร้างชื่อให้คิโรโระ ได้แก่ คุณภาพของหิมะที่ได้รับการขนานนามว่า ‘ดีที่สุดในโลก’ ด้วยความที่หิมะมีลักษณะคล้ายแป้งฝุ่นที่ละเอียดนุ่ม หากสัมผัสด้วยมือเปล่าจะรู้สึกได้ทันทีว่า หิมะของที่นี่ไม่หยาบแข็ง แทบไม่ละลายในมือ แต่เมื่อตบด้วยมือ หิมะจะกระจายฟุ้งลอยอยู่กลางอากาศในสภาพคล้ายไร้น้ำหนัก ซึ่งต่างจากหิมะที่อื่น อีกทั้งชั้นหิมะของคิโรโระยังขึ้นชื่อเรื่องความลึกที่สุด เพราะมีชั้นหิมะตกสะสมหนาถึง 20 เมตรต่อปีในช่วงฤดูหนาว

 

ลานสกีของที่นี่แบ่งโซนชัดเจนสำหรับระดับเริ่มต้นและมือโปรฯ

 

ใครอยากลองสโนว์บอร์ด ที่นี่ก็มีสอน

 

สถานที่แห่งนี้จึงได้รับความนิยมในหมู่นักสกีและนักสโนว์บอร์ดที่ตระเวนไปเล่นแล้วทุกที แต่ไม่มีที่ไหนมอบหิมะที่ละเอียดนุ่มได้เท่าคิโรโระ บวกกับฤดูสกีของคิโรโระยังยาวนานที่สุดในญี่ปุ่น เพราะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนพฤษภาคม ในขณะที่แถบอื่นๆ ในฮอกไกโดมีระยะเวลาสกีที่สั้นกว่า  

 

กำแพงหิมะสุดนุ่ม ล้มเท่าไรก็ไม่กลัวเจ็บ  

 

เหล่ามือสมัครเล่น

 

ภายในคิโรโระ รีสอร์ต มีลานสกีทั้งหมด 2 แห่ง ประกอบด้วยลู่สกี 22 ลู่ และพื้นที่สำหรับเล่นสกีนอกลู่ (Off-Piste) ขนาดใหญ่ ให้นักสกีได้ประลองฝีมือกันอย่างเต็มที่ หรือใครจะใช้บริการกระเช้าไฟฟ้ากอนโดลาเพื่อขึ้นสู่ยอดเขาอาซาริ ไปลั่นระฆังรักก็ได้เช่นกัน เพราะที่ไม่ว่าใครมาขอเรื่องรักก็มักจะสมหวังแทบทุกราย

 

กอนโดลามุ่งสู่ยอดเขา พร้อมชมวิวสวยๆ

 

ระฆังรักที่ชาวไทยคุ้นเคยดีจากภาพยนตร์เรื่อง แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว

 

ปัจจุบันการมาเยือนคิโรโระ เลือกได้ว่าจะเข้าพักที่เชอราตัน ฮอกไกโด คิโรโระ รีสอร์ต (Sheraton Hokkaido Kiroro Resort) ที่อยู่ติดกับลานสกี ง่ายต่อการขนย้ายอุปกรณ์ หรือเข้าพักที่ The Kiroro, a Tribute Portfolio Hotel ซึ่งมีราคาย่อมเยากว่า แต่การเดินทางไปลานสกีต้องอาศัยรถบัสรับ-ส่ง ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ซึ่งทางโรงแรมก็มีรสบัสไว้บริการตลอดทั้งวัน

 

ถ้าใครเห็นรูปโรงแรมแห่งนี้แล้วคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ก็ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะโรงแรมแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว ของค่าย GDH ที่หลายคนตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้มาสวีตถึงที่นี่ก็มี แม้ว่าการมาในช่วงฤดูหนาว ถนนด้านนอกจะโดนปกคลุมด้วยหิมะจนขาวโพลน แต่ก็ไม่ต้องกลัวอดตาย เพราะที่นี่มีห้องอาหารและบาร์มากถึง 11 แห่ง ทั้งอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ ซูชิสไตล์ฮอกไกโด สเต๊กเฮาส์ อาหารอิตาเลียน เรื่อยไปจนถึงอาหารกินง่ายในราคาสบายกระเป๋า บรรยากาศโดยรอบรีสอร์ตเงียบสงบ ไม่เอะอะ เบียดเสียด หรือพลุกพล่าน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมาพักผ่อนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมาเป็นครอบครัวใหญ่  

 

ตึกสีอิฐแบบนี้คุ้นๆ ไหมว่าเคยเห็นในภาพยนตร์ไทยเรื่องอะไร

 

อีกหนึ่งไฮไลต์ของคิโรโระ ได้แก่ Ice Star Resort บาร์และร้านอาหารที่สร้างจากน้ำแข็งสไตล์เอสกีโมเปิดให้บริการเฉพาะหน้าหนาว เมนูเด็ดของที่นี่ ได้แก่ ฟองดู และเครื่องดื่มรสร้อนแรงที่เสิร์ฟมาในแก้วน้ำที่ทำจากน้ำแข็ง รวมถึงที่ตั้งของโบสถ์เก่าหน้าโรงแรมที่ยังคงมนต์ขลัง เนื่องจากมีคู่รักจำนวนมากเคยประกอบพิธีแต่งงานกันที่นี่  

 

มุมนี้หากเป็นช่วงฤดูร้อนจะได้อีกบรรยากาศ

 

Ice Star Resort เสิร์ฟมาแบบนี้ ใครอย่าเผลอถือแก้วด้วยมือเปล่า

 

และอย่างที่เอ่ยไปข้างต้นว่าจริงๆ แล้ว ฮอกไกโดสามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล เพราะคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า เที่ยวฮอกไกโด ถ้าไม่ไปหน้าหนาวก็ไม่มีอะไรให้ทำ แต่กับคิโรโระ รีสอร์ต ที่นี่มีกิจกรรมบนภูเขาให้ทำตลอดทั้งปี หากเป็นฤดูร้อนสามารถตกปลา ตีกอล์ฟ หรือปีนเขา เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลจากฟาร์มและเมืองชายทะเลของฮอกไกโด (อีกทั้งราคาห้องพักในช่วงนั้นยังถูกกว่าฤดูสกีด้วย)  

 

ในอนาคตคิโรโระวางแผนสร้างเมืองสกีชั้นนำของเอเชีย ที่รวมทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งร้านค้าและห้องอาหารต่างๆ เพื่อความสะดวกครบครัน เพิ่มความหลากหลายให้กับที่พักด้วยวิลล่าสุดหรู ทาวน์โฮม อพาร์ตเมนต์ และ ยู คิโรโระ (Yu Kiroro) คอนโดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากห้องพักในเทือกเขาแอลป์อันหรูหราและอบอุ่น ตกแต่งพร้อมเข้าพักได้เลย และที่สำคัญคนไทยสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ด้วย รวมถึงอาคารใหม่ที่จะกลายเป็นศูนย์สกีและคลับสกีชั้นนำแห่งแรกของฮอกไกโด ที่ผู้เข้าพักสามารถเข้า-ออกได้จากที่พักได้เลย

 

สังเกตว่าด้านหน้าที่พักมีเคเบิลที่มุ่งตรงสู่ลานสกีได้เลย

 

ยู คิโรโระ ออกแบบด้วยแนวคิดบ้านตากอากาศแถวเทือกเขาแอลป์  

 

ใกล้หมู่บ้านโอตารุ-ซัปโปโร-สนามบิน

ข้อได้เปรียบอีกอย่างของคิโรโระ รีสอร์ต คือ การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวข้างเคียงยังใช้เวลาไม่นาน เช่น เมืองเก่าอย่างโอตารุที่ภายในเมืองบางส่วนได้ดัดแปลงโกดังเก่ามาทำเป็นร้านค้าต่างๆ โดยมีคลองโอตารุเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ มีพิพิธภัณฑ์นาฬิกาไขลานลือชื่อ รวมถึงร้านชีสเค้กอย่าง Le Tao (ถอดตัวอักษรดูจะเป็นเหมือนชื่อย่อของ Otaru) ก็มีจุดกำเนิดที่นี่เช่นกัน จากรีสอร์ตนั่งรถมาเพียงชั่วโมงนิดๆ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันนั้นๆ ด้วย เพราะคนขับชาวญี่ปุ่นค่อนข้างซีเรียสกับกฎจราจร หรือจากรีสอร์ตไปยังซัปโปโรใช้เวลา 60 นาที ในขณะที่จากนิเซโกะใช้เวลาถึง 90 นาที อีกทั้งการเดินทางไปยังสนามบินชินชิโตเสะยังใช้เวลาเพียง 90 นาทีจากรีสอร์ตเท่านั้น การเข้าพักที่นี่จึงช่วยคุณประหยัดเวลาเดินทางได้มากกว่าที่อื่น ทั้งยังทำให้คุณมีเวลากับปุยหิมะนุ่มๆ ได้นานขึ้น แถมยังไม่เหนื่อยล้าจากการนั่งรถนานๆ อีกด้วย

 

คลองโอตารุ แลนด์มาร์กของเมืองเก่าแห่งนี้

 

โอตารุมีร้านขนมหวานเยอะมาก เหมาะกับการแวะเวียนมาซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน

 

ภาพ: ภัทรศยา เชาว์รัศมีกุล, Shutterstock และ Courtesy of Kiroro Resort

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล