×

ทรัมป์พบสีจิ้นผิง ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ก้าวข้ามอดีต สรุปไฮไลต์ประชุม APEC 2025

01.11.2025
  • LOADING...

ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC 2025 ที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน ที่เมืองคยองจู จังหวัดคยองซังเหนือ ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีผู้นำและผู้แทนระดับสูงจากทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วม เพื่อหารือในประเด็นต่างๆ ท่ามกลางความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์

 

นี่คือ 5 ไฮไลต์สำคัญที่เกิดขึ้นในห้วงการประชุม APEC 2025

 

1. ทรัมป์พบสีจิ้นผิงในรอบ 6 ปี สงบศึกสงครามภาษี-แร่แรร์เอิร์ธ

 

การพบกันระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในการประชุมสุดยอดสหรัฐฯ-จีน ที่จัดขึ้นนอกรอบในห้วงการประชุม APEC 2025 ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของการประชุมในปีนี้ โดยทั้งคู่พบกันเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ท่ามกลางความตึงเครียดจากสงครามภาษี และศึกครองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth)

 

หลังเจรจาหารือกันนานราว 40 นาที ทรัมป์ให้คะแนนการประชุมหารือกับสีจิ้นผิงในครั้งนี้ 12 เต็ม 10 คะแนน โดยสหรัฐฯ และจีนได้บรรลุข้อตกลงศึกสงครามภาษี และแรร์เอิร์ธระหว่างกัน โดยสหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก 57% เหลือ 47% โดยเป็นการปรับลดภาษีที่เกี่ยวข้องกับสารตั้งต้นของยาเฟนทานิลลงจาก 20% เป็น 10%

 

ขณะที่จีนเองก็ตกลงจะคงการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธต่อไป โดยจะระงับคำสั่งควบคุมการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ ออกไปเป็นเวลา 1 ปี เพื่อบรรเทาความขัดแย้งกับสหรัฐฯ โดยตรง ทั้งยังตกลงที่จะกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ และจะร่วมมือปราบปรามการลักลอบนำเข้าเฟนทานิลในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายอีกด้วย ส่งผลให้ความตึงเครียดจากสงครามภาษีระหว่างสองมหาอำนาจและห่วงโซ่อุปทานแร่แรร์เอิร์ธของโลกผ่อนคลายลงไปชั่วคราว

 

2. ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ก้าวข้ามความขัดแย้งในอดีต เน้นย้ำร่วมมือกันมากขึ้น

 

อีแจมยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พบกับ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกรอบในห้วงการประชุม APEC 2025 เช่นเดียวกัน เพื่อหารือทวิภาคีกระชับสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเน้นย้ำไปที่ความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

 

ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวว่า ช่วงเวลานี้ต้องเสริมสร้างความร่วมมือที่มุ่งเน้นอนาคตมากกว่าในอดีต เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง ซึ่งอีแจมยองเชื่อว่า ทั้งสองประเทศจะทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ทั้งบริบทปัญหาภายในภูมิภาคและความขัดแย้งระหว่างประเทศ

 

ขณะที่ ทาคาอิจิก็เห็นพ้องที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะต้องร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น นับเป็นความพยายามที่ผู้นำทั้งสองประเทศจะก้าวข้ามประวัติศาสตร์บาดแผลที่เคยเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศเมื่อครั้งอดีต และจับมือกันก้าวผ่านความท้าทายต่างๆ ในประชาคมโลก ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางใหม่ของรัฐบาลทั้งสองประเทศที่เพิ่งจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้

 

3. ไทยร่วมดินเนอร์ทรัมป์-ผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC

 

หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 47 ที่มาเลเซียแล้ว อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนการประชุม APEC 2025 จะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีอีแจมยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC

 

ไทยใช้เวทีนี้ เน้นย้ำจุดยืนของพันธมิตรและหุ้นส่วนจากทั่วภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งให้เกิดขึ้นภายในภูมิภาค โดยไทยให้ความสำคัญกับความร่วมมือรอบด้านกับทุกพันธมิตร ทั้งในระดับทวิภาคี ระดับอนุภูมิภาค และระดับภูมิภาค ผ่านกลไกต่างๆ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาค

 

นายกรัฐมนตรียังใช้โอกาสนี้ขอบคุณทรัมป์ และสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งนำไปสู่การลงนามใน Joint Declaration พร้อมมุ่งหวังว่า สหรัฐฯ จะเห็นถึงความตั้งใจจริงและความพยายามอย่างสร้างสรรค์ของไทย เพื่อเปิดทางสู่การเจรจาข้อตกลงการค้าไทย-สหรัฐฯ ที่สมดุลและเกิดประโยชน์ร่วมกันต่อประชาชนของไทยและสหรัฐฯ

 

ทั้งยังเน้นย้ำว่า ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเป็นหนึ่งในกลไกหลักของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีศักยภาพสูงจากประชากรที่ขยันขันแข็ง เต็มไปด้วยพลัง และมีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ รวมถึงเป็นภูมิภาคที่มีขีดความสามารถด้านนวัตกรรมและการเชื่อมโยง การที่จะเปลี่ยนศักยภาพเหล่านี้ให้เป็นโอกาสที่แท้จริง จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของสหรัฐฯ ใน 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ ความร่วมมือด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูง, การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เอื้อต่อการแข่งขัน และการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อให้ห่วงโซ่อุปทานมีความยืดหยุ่นและเชื่อมโยงกันมากขึ้น เพื่อปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงแก่ประชาชนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

 

4. นายกฯ ไทย พบสีจิ้นผิง กระชับสัมพันธ์ โอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน

 

นายกรัฐมนตรีไทย ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ภายหลังการหารือทวิภาคีกับ สีจิ้นผิง ระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2025 โดยระบุว่า ผู้นำจีนกล่าวถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงอีกครั้ง ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะได้กล่าวขอบคุณและซาบซึ้งในไมตรีจิต

 

พร้อมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของการประชุมของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ครั้งที่ 4 ซึ่งได้วางแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจจีนในระยะ 5 ปีข้างหน้า พร้อมย้ำว่า ปี 2025 ถือเป็นวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ซึ่งเป็นจังหวะสำคัญในการร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ ‘เพื่ออนาคตร่วมกันที่มั่นคงและรุ่งเรือง’

 

สีจิ้นผิงพร้อมผลักดันความร่วมมือกับไทยในทุกมิติ ทั้งการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงระดับประชาชน ขณะที่นายกรัฐมนตรีเห็นถึงศักยภาพในการขยายความร่วมมือด้านนวัตกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงเศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานสะอาด และเกษตรเพื่ออนาคต

 

ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือด้านการเชื่อมโยง โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟไทย-จีน และโครงการสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 2 (หนองคาย-เวียงจันทน์) ซึ่งเป็นสะพานทางราง เพื่อเชื่อมต่อรถไฟไทย-สปป.ลาว-จีน เพิ่มประสิทธิภาพระบบรางให้เชื่อมต่อได้ ตั้งแต่จีนตอนใต้ถึงแหลมมลายู

 

นายกรัฐมนตรียังได้ยืนยันต่อสีจิ้นผิงว่า รัฐบาลไทยไม่มีนโยบายใช้คาสิโนเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ผลิตภัณฑ์ไทย และเทคโนโลยีไทยว่า สามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการพนัน พร้อมระบุว่า รัฐบาลจะหยุดการนำเสนอกฎหมายการพนันทุกประเภท พร้อมเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้ง โดยรัฐบาลจะดูแลความปลอดภัยอย่างดีที่สุด

 

ในโอกาสนี้ยังได้หารือเรื่องการเจรจาซื้อข้าวไทยจำนวน 500,000 ตัน ซึ่งคณะเจรจาดำเนินการไปแล้วระดับหนึ่ง โดยเชื่อว่ามีแนวโน้มที่ดี ขณะที่จีนมีการบริโภคข้าวทั้งประเทศเกือบ 150 ล้านตันต่อปี ทั้งหมดสะท้อนทิศทางที่ดีขึ้น ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศที่เคยชะงักงัน ได้รื้อฟื้นกลับมาอีกครั้ง บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

 

5. ปฏิญญาคยองจู 2025: สร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน

 

บรรดาผู้นำและผู้แทนระดับสูงของแต่ละเขตเศรษฐกิจ APEC ได้ร่วมรับรอง ‘ปฏิญญาคยองจู’ (Gyeongju Declaration) ภายใต้หัวข้อ ‘การสร้างอนาคตที่ยั่งยืน’ (Building a Sustainable Tomorrow) โดยปฏิญญาฉบับนี้เน้นย้ำถึงบทบาทของ APEC ในฐานะเวทีชั้นนำ สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและเป็นแหล่งบ่มเพาะแนวคิด และยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ปุตราจายา 2040 (APEC Putrajaya Vision 2040) ซึ่งมีเป้าหมายในการทำให้เกิด ‘ประชาคมเอเชีย-แปซิฟิก’ ที่เปิดกว้าง มีพลวัต มีความยืดหยุ่น และสงบสุขภายในปี 2040

 

โดยดำเนินงานผ่าน 3 เสาหลัก ได้แก่ 1. การเชื่อมโยง (Connect): การสร้างเขตเศรษฐกิจภูมิภาคที่มีพลวัตและเชื่อมโยงกันมากที่สุดในโลก มุ่งเน้นที่การค้า การลงทุน และการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ

 

2. การสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovate): การเตรียมความพร้อมของภูมิภาคสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและ AI ที่จะมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยผู้นำได้รับรอง ‘ข้อริเริ่ม AI ของเอเปค’ (APEC AI Initiative) เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง AI ที่ประสบความสำเร็จ การสร้างขีดความสามารถด้าน AI ในทุกระดับ และการส่งเสริมระบบนิเวศการลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ยืดหยุ่น

 

3. ความมั่งคั่ง (Prosper): การรับมือกับความท้าทายร่วมกันและการแบ่งปันผลประโยชน์ของการเติบโตกับทุกภาคส่วน ที่จะมุ่งเน้นความครอบคลุม ความยั่งยืน และการจัดการกับความท้าทายระดับโลก

 

บรรดาผู้นำ APEC ต่างตระหนักว่า การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย เป็นคุณลักษณะเฉพาะของ APEC ที่ช่วยเสริมบทบาทในการเป็นแหล่งบ่มเพาะแนวคิด และได้แสดงความขอบคุณต่อเกาหลีใต้ที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพ APEC 2025 พร้อมทั้งตั้งตารอการเป็นเจ้าภาพของเขตเศรษฐกิจอื่นๆ ในอนาคต เช่น จีนในปี 2026 และเวียดนามในปี 2027

 

อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า เอกสารฉบับนี้ไม่ได้มีการกล่าวถึงพหุภาคี (Multilateralism) หรือองค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) โดยตรง ซึ่งเป็นการย้ำเตือนถึง ‘ฉันทามติที่เปราะบาง’ เกี่ยวกับการค้าเสรี ท่ามกลางกระแสประชานิยมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

 

เดบอราห์ เอล์มส์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายการค้าของมูลนิธิฮินริช (Hinrich Foundation) ในสิงคโปร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่อาจเรียกได้ว่า ‘เป็นปาฏิหาริย์’ ที่ผู้นำจะสามารถตกลงในแถลงการณ์ร่วมกันได้

 

เอล์มส์กล่าวกับ Al Jazeera ว่า ด้วยจุดยืนที่แข็งแกร่งของบางเขตเศรษฐกิจใน APEC การที่จะนำภาษาที่มีการตกลงร่วมกันมาใส่ไว้ในเอกสารจึงเป็น ‘กระบวนการที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก’ (Fraught Exercise)” โดยเธอยังอธิบายเพิ่มเติมว่า โดยปกติแล้ว สิ่งเหล่านี้จะเสร็จสิ้นล่วงหน้าอย่างดี แต่เอกสารฉบับนี้กลับ ‘แขวนอยู่บนความไม่แน่นอนจนนาทีสุดท้าย’ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ปรับเปลี่ยนถ้อยคำไปมา เพื่อหาจุดประนีประนอมที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

 

ภาพ: Yonhap via Reuters

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising