ดูเหมือนว่าการใช้ ‘เกมราคา’ ผ่านการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าประเภทการจัดส่งราคาประหยัดที่เริ่มต้นด้วยราคา 25 บาท ตลอดจนการมุ่งเจาะกลุ่มเกษตรผ่านส่วนลด 10% จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การจัดส่งพัสดุในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ของ Kerry Express สามารถเติบโตเป็นประวัติการณ์ได้
บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 มีรายได้ 4,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412 ล้านบาท หรือ 9.8% จากไตรมาสก่อนหน้า และกำไรสุทธิ 336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท หรือ 10.8% จากไตรมาสก่อนหน้า
ที่น่าสนใจคือแม้เทียบกับไตรมาส 1/2564 จะเติบโตก็จริง แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือไตรมาส 2/2563 จะพบว่า Kerry Express มีรายได้ที่ลดลง 14.6% “จากปริมาณพัสดุที่สูงผิดปกติในไตรมาส 2 ของปี 2563 ในช่วงเริ่มต้นของสถานการณ์การแพร่ระบาด อีกทั้งสถานการณ์ที่ยังคงยึดเยื้อ เป็นเหตุให้กำลังซื้อในประเทศอ่อนแอลง และประชาชนมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายอย่างรัดกุมมากขึ้น” ส่วนหนึ่งของคำอธิบายที่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา
กระนั้นกลยุทธ์ด้านราคาโดยเฉพาะราคาส่งพัสดุที่มี ‘ราคาถูก’ ทำให้ Kerry Express สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มการจัดส่งราคาประหยัดมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ในครึ่งปีแรกของปี 2564 จึงมียอดการจัดส่งพัสดุทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์กว่า 167 ล้านชิ้น หรือเพิ่มขึ้นถึง 10.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง “เป็นผลจากการความสำเร็จของกลยุทธ์ด้านราคาที่ทำอย่างต่อเนื่อง” อเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX กล่าว
สำหรับทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังนั้น Kerry Express เตรียมเปิดให้บริการใหม่ร่วมกับพันธมิตรหลากหลาย ได้แก่ ธุรกิจเกี่ยวกับ Cold Chain หรือระบบคลังสินค้าและขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มากกว่า 30 กิโลกรัมขึ้นไป ตลอดจนเตรียมเปิด ‘KERRY Wallet’ ระบบวอลเล็ตที่พัฒนาขึ้นมาเอง โดยคาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทของ Kerry Express ได้อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.743 บาทต่อหุ้น แจ้งวันกำหนดสิทธิ์ของผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 กันยายน 2564 ตามลำดับ